ปัจจุบันสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไทยหลายๆ
แบรนด์เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาชุมชน พบว่าสินค้าในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป)
ในปี 2561 มียอดจำหน่ายสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท
จากการศึกษาของสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) พบว่า สินค้าโอทอปที่มีกว่า 20,000 กว่าราย กลับมีสินค้ามากกว่า 40% ของโครงการโอทอปทั้งหมด ที่ยังไม่สามารถก้าวสู่ความเป็นมาตรฐานสากลหรือแข่งขันในตลาดโลกได้ หรือหากเปรียบเทียบยอดจำหน่ายสินค้าโอทอป กับผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ในปี2561 คิดเป็นเพียง 1.2% เท่านั้น ซึ่งถือว่ายังน้อยมาก หากผลักดันสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไทยให้ถูกช่องทาง จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกหลายเท่าตัว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัญหาและแนวทางแก้ไข
จุดอ่อนสำคัญของการสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไทย
ส่วนใหญ่เกิดจากด้านการตลาด โดยเฉพาะสินค้าไม่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือมีสินค้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
ไม่มีความแตกต่าง บรรณจุภัณฑ์ หีบห่อไม่สวยงามและทันสมัย
นอกจากนี้ยังตั้งราคาไม่สอดคล้องกับต้นทุนของสินค้า ทำให้ประสบปัญหาทางการเงินจนเกิดภาวะขาดทุน
รวมถึงการขาดช่องทางการจำหน่าย ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่สามารถเข้าถึงสินค้า
และไม่มีการทำการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ
ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้จักแบรนด์และสินค้า
จากปัญหาดังกล่าว
ทางคณะวิจัยได้ทำการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของแบรนด์ไทย
คือ คุณภาพ ถือเป็นหัวใจหลัก การที่ผู้บริโภคเลือกใช้สินค้าไทยนั้น
ไม่ได้ต้องการเลือกซื้อสินค้าไทยเพราะสะท้อนถึงความเป็นไทย
แต่มุ่งเน้นที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลัก จากการศึกษาเชิงลึกกับ 20 แบรนด์ คณะวิจัยสามารถถอดรหัสสูตรลับฉบับแบรนด์ไทย
Decoding
the success : Thai Local Brand เพื่อนับมาแก้ไขปัญหาของแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไทยเผชิญอยู่
รวมทั้งยังเป็นการช่วยยกระดับแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ
ประกอบไปด้วย 5 รหัสลับ คือ
1.มองหาภูมิปัญญาในการต่อยอด (Roots of wisdom) มองหาโอกาสและภูมิปัญญาต่อยอด
พัฒนาให้เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น สะท้อนถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิต
รวมถึงความเป็นอยู่ของสังคมไทย
เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้สินค้ามีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด
2.คุณภาพไทยมาตรฐานโลก (Product Quality) ในปัจจุบันมีการแข่งขันทางธุรกิจสูง
เรื่องของคุณภาพจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ
ทำให้ผู้ผลิตต้องใส่ใจในกระบวนการและวางมาตราฐานของสินค้าของตนให้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
3.โดดเด่นด้วยความแตกต่าง (Product Differentiation) การสร้างสรรค์สินค้าให้มีความแตกต่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ไม่ว่าจะเป็นการใส่นวัตกรรม การใส่แนวคิดและความคิดสร้างสรรค์ต่างๆเข้าไปในสินค้า
ตลอดจนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากท้องตลอด
4.สร้างเรื่องให้จดจำ (Brand Storytelling) การที่แบรนด์สร้างเรื่องเล่าถือเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านสินค้าหรือบริการ
ตลอดจนการตกแต่งร้าน บรรจุภัณฑ์
หรือแม้กระทั่งเรื่องราวเบื้องหลังเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิต
ล้วนส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น การจดจำ และการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค
5.พลังแห่งการบอกต่อ (Advocacy) ถือเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องการและต้องทำให้ได้ คือ เมื่อแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้ผ่านการสื่อสารครบทั้ง 4 เรื่องที่ผ่านมา แบรนด์ที่มีเรื่องราวโดนใจผู้บริโภค ผู้บริโภคจะทำหน้าที่บอกต่อเรื่องราวดี ๆ ของแบรนด์ให้ผู้บริโภครายอื่น ๆ ต่อกันไปในวงกว้าง ซึ่งบางทีสามารถช่วยให้จากแบรนด์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก สามารถเป็นที่รู้จักจนขยายเป็นวงการในระดับประเทศได้
ทั้ง 5 รหัสลับ เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไทยหลุดพ้นกับดักด้านการพัฒนาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้แก่ผู้ประกอบการไทยต่อไป