4 + 2 เส้นทางส่งผลไม้ไทยสู่แดนมังกร

SME Update
22/05/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 14077 คน
4 + 2 เส้นทางส่งผลไม้ไทยสู่แดนมังกร
banner
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ในภาคตะวันออก โดยเฉพาะ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง กำลังมุ่งสู่ตลาดทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเจ้าของสวน และนำเม็ดเงินเข้าประเทศไทยชาติในแต่ละปีละจำนวนมหาศาล โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ผลไม้ไทย มีรายได้จากการส่งออกตลาดต่างประเทศกว่า  8.4 หมื่นล้านบาท

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประเมินปริมาณผลผลิต ผลไม้ไทย ในภาคตะวันออกปี 2562 จะมีผลผลิตรวม ทั้ง 4 ชนิด ประกอบด้วย ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ประมาณ 911,434 ตัน ที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนต่อเนื่องถึงกลางเดือนพฤษภาคม 2562

หากดูตัวเลขแล้วผลผลิตภาพรวมของทั้ง 4 ชนิดจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทุกชนิด คือ ทุเรียน จำนวน 511,872 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 403,906 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.73 เงาะ จำนวน 194,513 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 173,224 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 มังคุด จำนวน 181,390 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีจำนวน 73,576 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 146.53 และลองกอง จำนวน 23,659 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 16,319 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.98 ส่วนผลไม้ภาคเหนือ คือ ลิ้นจี่ จำนวน 41,473 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 41,220 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.61 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme

กระนั้นก็ตาม แม้ว่าผลไม้ของไทยทั้งทุเรียน มังคุดจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนหนึ่งเมื่อปี 2561 สวนผลไม้ประสบกับภัยแล้งทำให้ผลไม้ลดน้อยลง และอีกส่วนหนึ่งผลไม้บางชนิด อาทิ ทุเรียน มังคุด ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะจีนมีความต้องการสูงขึ้น ประกอบกับพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นราคาตกต่ำ อย่างยางพารา และปาล์มน้ำมัน ทำให้เกษตรกรโค่นพืชที่ราคาตกต่ำหันมาปลูกทุเรียนและมังคุดมากขึ้น เนื่องจากราคาผลไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้ราคาพุ่งขึ้น ที่เห็นชัดเจนทุเรียนระดับเกรดส่งออก ขายปลีก ณ ที่สวน กก.ละ 110-120 บาท มังคุดปัจจุบัน กก.ละ 60 บาท

สอดคล้องข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ระบุว่า ปี 2562 ทุเรียนไทยราคาสูง 5 เท่าของต้นทุน เนื่องจากความต้องการของประเทศจีนเพราะเป็นผลไม้มงคล ทำให้สถานการณ์การส่งออกทุเรียนไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นเพราะจากความต้องการของตลาดต่างประเทศยังมีต่อเนื่อง ทั้งจีน และเวียดนาม

ผลไม้ไทย

ทุเรียน แชมป์ส่งออกผลไม้ไทย

ในปี 2561 มีการส่งออกทุเรียน 518,882 ตัน เพิ่มขึ้น 3.05% จากปี 2560 มีปริมาณส่งออก 503,536 ล้านบาท มูลค่า 35,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.21% จากปีก่อนหน้านั้นที่มีมูลค่าส่งออก 24,846 ล้านบาท  ในจำนวนนี้มีการส่งออกทุเรียน ไปยังจีนสัดส่วน 41% เวียดนาม 37% ฮ่องกงสัดส่วน 17% ของปริมารการส่งออกทั้งหมด

ข้อมูลระบุว่าทุเรียนปีนี้ที่ขายส่งจำนวนมาก เพื่อส่งออกราคาอยู่ที่ กก.ละ 78.16 บาท/กิโลกรัมเพิ่มขึ้นจากปี 2560 สัดส่วน 8.84% สูงกว่าต้นทุนการผลิต 5 เท่า จากต้นทุนผลิตปี 2561 ที่ 15.10 บาท/ก.ก.

สำหรับการส่งออกผลไม้ไทยไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดหลักคือจีนนั้น เริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทุเรียน เห็นชัดเจนตั้งแต่ปี 2557 ที่ผลผลิตและราคาทุเรียนไทยเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบคู่แข่ง อาทิ ไทยสามารถส่งทุเรียนสดเข้าจีนได้เร็วขึ้น


4 เส้นทางสายหลักขนส่งผลไม้ไทยไปจีน

ปัจจุบันเส้นทางการส่งออกไปยังจีนจากเดิมไปทางเรืออย่างเดียวและต้องผ่านหลายขั้นตอน อาทิ ทางเรือจากแหลมฉบังผ่านเวียดนาม ฮ่องกง กว่าจะถึงมณฑลกวางโจ หรือเซี่ยงไฮ้ของจีน ใช้เวลาเกือบ 2 อาทิตย์ (เฉลี่ย 12-13 วัน) ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ผลไม้ไทย หลายทั้ง มังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง ชมพู่ แก้วมังกร มะพร้าว มะม่วง แตงโม กล้วย ขนุน และน้อยหน่า ซึ่งจะเก็บได้ไม่เกิน  7 วัน

อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้มีทางเลือกเพิ่มแล้ว คือ การขนส่งทางบกด้วย ทำให้ปัจจุบันไทยสามารถส่งผลไม้ไปยังจีนได้  4  เส้นทาง และกระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์ ได้เจรขอเพิ่มช่องทางใหม่อีก 2 ช่องทางหลังจากที่การส่งออกผลไม้ไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับระเบียบใหม่ในการนำเข้าผลไม้ของจีนที่จะผ่านด่านโหย่วอี้กวน เกิดความล่าช้า และสร้างความเสียหายให้กับผู้ส่งออกของไทย

สำหรับ  4 เส้นทางส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีนนั้น เป็นเส้นทางเดิมทางเรือ 2 เส้นทาง คือ ทางเรือจากแหลมฉบัง สู่ท่าเรือกวางโจว และอีกเส้นทางสู่ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ที่เป็นศูนย์กลางกระจายผลไม้ไทยไปฝากฝั่งทะเลจีน ส่วน 2 เส้นทางใหม่ คือ ถนนหมายเลข 9 หรือ  R9 จากมุกดาหาร ผ่านดานัง เข้าพักที่ฮานอย แล้วสู่ปักกิ่ง เป็นศูนย์กลางการกระจายผลไม้ไทยไปยังภาคเหนือของจีน โดยมีตลาดซินฟาดี้ ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปักกิ่ง โดยใช้เวลาเพียง 36 ชั่วโมง

อีกเส้นทางใหม่คือ ถนนสาย R3A จากเชียงของ จ.เชียงราย ผ่าน ส.ป.ป.ลาว สู่ทางใต้ของจีนผ่านเมืองสิบสองปันนา คุนหมิง ไปพักที่มณฑลเสฉวน กระจายผลไม้ไทยสู่ภาคใต้ และชายแดนทิเบต หรือจะเข้ามาสู่ปักกิ่งก็ได้


2  เส้นทางพิเศษ ความหวังผลไม้ไทย

ล่าสุดระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งจัดทำพิธีสารเปิดเส้นทางการขนส่งใหม่เพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ R12 จาก จ.นครพนม และผ่านด่านตงซิง  หลังผู้ประกอบการส่งประสบปัญหาการล้าช้า (กรณีด้ายโหย่วอี้กวนแออัด) สร้างความเสียหายให้ทุเรียนไทยจำนวนมาก ที่เกิดจากระเบียบใหม่ของจีน รวมถึงการจัดการโลจิสติกส์ และการจัดพื้นที่การเดินรถในด่านโหย่วอี้กวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำและหารือรายละเอียดของพิธีสารก่อนลงนามต่อไป แต่อย่างที่หลายท่านทราบปัจจุบันผลไม้ไทยยังไม่สามารถเข้าด่านตงชิงได้ ต้องไปพักที่เวียดนามก่อน ให้คู่ค้าเวียดนามขนข้ามไป

เส้นทาง R12 ผ่าน เริ่มจาก จ.นครพนม-ด่านท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว-จังหวัด Quang Binh จ. Lang Son ของเวียดนามเข้าสู่จีน โดย ผ่านด่านผิงเสียง มณฑลกว่างซี ซึ่งเมืองผิงเสียงมี “ตลาดผลไม้เมืองผิงเสียง” (Pingxiang City)ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของจีน เป็นตลาดที่สามารถใช้เป็นประตูให้กับผลไม้ไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้ มีความสะดวกสบาย มีการบริหารจัดระบบโลจิสติกส์ดี และผ่านพิธีการศุลกากรได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผลไม้ไม่เน่าเสีย

ทั้งนี้ เมืองผิงเสียง เป็นอำเภอระดับเมืองที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเมืองฉงจั่ว มณฑลกว่างซี เป็นเมืองชายแดนที่มีแนวพรมแดนติดกับ 3 อำเภอในจังหวัด Lang Son ประเทศเวียดนาม และสามารถเดินทางต่อไปถึง สปป.ลาว และไทย ตามเส้นทาง R8  บึงกาฬ หนองคาย รวมถึงถนนสาย  R9 มุกดาหาร และ R12 นครพนม ถือเป็นระยะทางสั้นที่สุดและสะดวกที่สุดของจีนที่ใช้เชื่อมต่อกับอาเซียน และยังเป็นข้อต่อสำคัญในยุทธศาสตร์ “มุ่งลงใต้” จากจีนไปยังสิงคโปร์

ส่วน “ด่านตงซิง” (Dongxing Border) เป็นด่านการค้าผลไม้ แห่งใหม่ของเขตกว่างซีจ้วง และได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ด่านแห่งนี้ส่วนใหญ่นิยมผ่านตามถนนเส้นทาง R8  มีจุดเริ่มต้นที่ จ. บึงกาฬ เข้าเขตปากซันของ สปป.ลาว ผ่านเมืองวิงห์ มุ่งสู่ กรุงฮานอยของเวียดนาม และไปสิ้นสุดที่กว่างซีเช่นกัน

นี่คือเส้นทางหลักๆในการส่งส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีน นับเป็นมิติใหม่ที่ดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ของไทย ที่จะได้ตลาดรองรับมากขึ้นในอนาคต
Bangkok Bank SME ราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1228 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1587 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1873 | 25/01/2024
4 + 2 เส้นทางส่งผลไม้ไทยสู่แดนมังกร