ไม่มีอะไรจะเป็นไปตามที่เราคิดไว้เสมอหรอก
นี่คือชีวิต ชีวิตจริงที่ทุกอย่างอาจไม่เหมือนที่คิดไว้
และธรรมดาที่ต้องความผิดหวังไม่ได้ดังใจ อาทิ อกหัก สอบตก
เรียนไม่จบ ตกงาน ธุรกิจเจ๊ง ก็ล้วนทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ได้ทั้งนั้น
ซึ่งทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลักษณะนี้ มีความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล
นอนไม่หลับ เครียด และหากยังคงต้องอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังยาวนาน ย่อมเป็นผลดีแน่
ดังเช่นที่ Kevin Briggs อดีตนายตำรวจชาวสหรัฐอเมริกาที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่เกิดความรู้สึกสิ้นหวังจนถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย
รวมถึงให้ข้อแนะนำในการรักษาสุขภาพจิตในสถานการณ์ดังกล่าวผ่านรายการ Ted Talk ได้อย่างน่าสนใจ
โดย Briggs ได้เล่าว่า
เขาได้ทำงานเป็นเป็นตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนีย มา 23 ปี
และมีโอกาสได้ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ของสะพาน Golden
Gate ซึ่งเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยงามที่สุดในโลก
และเป็นสะพานที่มีคนมาฆ่าตัวตายในอันดับสูงมาก ๆ ของโลกเช่นกัน
นั้นทำให้งานหลักของเขาก็คือ การโน้มน้าวใจให้คนที่พยายามจะฆ่าตัวตายให้กลับมายืนหยัดใช้ชีวิตต่อ
ซึ่ง Briggs กล่าวว่าเป็นงานที่ “หิน” มาก
เพราะผู้คนเหล่านั้นตัดสินใจมาจากบ้านแล้วว่าฉันจะฆ่าตัวตาย และแน่นอนว่า
ถึงแม้ส่วนใหญ่ Briggs จะสามารถช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นให้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้งได้สำเร็จ
แต่ก็มีบางคนที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ และก็เป็นแผลในใจของเขาเรื่อยมา
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
หาคนที่พร้อมจะฟังเรา
โดยคนนั้นจะเป็นใครก็ได้ ขอแค่เขาจะไม่โต้เถียง
ไม่ตำหนิ ไม่ตัดสินเราจากสิ่งที่เราเล่าให้เขาฟัง และที่สำคัญเขาคนนั้นพร้อมจะเก็บเรื่องที่เราเล่าไว้แค่เรากับเขาเท่านั้น
น่าจะพอ แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ การเขียนบันทึกเรื่องที่เจ็บปวด
หรืออัดคลิปอาจพอช่วยได้ ในการได้ระบาย
อย่าอยู่ตามลำพัง
“อยู่คนเดียว ให้ระวังความคิด”
โดยเฉพาะเมื่อเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง จิตใจสั่นคลอน ความคิดฟุ้งซ่านก็เริ่มทำงาน
และแน่นอนว่า ความคิดติดลบเหล่านั้นจะพาเราไปถึงจุดที่จะฆ่าตัวตายได้ไม่ยากเลย
ดังนั้นเพื่อป้องกันการไปถึงจุดดังกล่าว เราควรหาคนที่เราสนิทใจอยู่เป็นเพื่อน
คิดถึงคนที่เรารัก
การคิดถึงคนที่เรารัก เป็นการทำให้จิตใจมีที่ยึดเหนี่ยว
เพราะคนที่ฆ่าตัวตายมักคิดว่า “ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ เราตัวคนเดียว
ถ้าตายไปซะก็จบเรื่องแล้ว ไม่ต้องทนเผชิญกับเรื่องเลวร้ายที่ไม่มีทางออก
ไม่เห็นจุดจบแบบนี้อีก” แต่ถ้าหากเราได้คิดถึงคนที่เรารัก เราจะมีแรงฮึดมาอีกเฮือกใหญ่
ๆ เลยว่า “ยังตายไม่ได้นะ ยังต้องสู่นะ
ถ้าเราตายเราจะทิ้งคนที่เรารักต้องอยู่ในสถานการณ์ ที่สิ้นหวังตามลำพัง
เราต้องสู้เพื่อวันที่ดีกว่าของเราและคนที่เรารัก”
ยอมรับในทุกๆ สถานการณ์
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด จริงมั้ย
เรื่องที่ผ่านมา มันผ่านไปแล้ว หน้าที่ของเราคือเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
และปรับตัวเพื่อก้าวต่อไป จิตใจที่หนักแน่คือผู้ช่วยที่ดีที่สุดของคุณ
มองหาข้อดีจากสถานการณ์สิ้นหวัง
อาจจะยากไปนิด แต่ในทุกสถานการณ์เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ และหากหาข้อดีจากสถานการณ์ไม่ได้เลย ก็ข้อให้คิดค่ะว่า “อย่างน้อยเราก็ยังมีชีวิตอยู่” และการมีชีวิตอยู่นี่แหละเป็นโอกาสที่จะทำให้เราพาตัวเองหลุดออกจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังได้ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “ความทุกข์ที่เกินทนจะหลอมคนให้ทนทาน” นั่นคือ หากเราสามารถผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาได้ อะไรในโลกนี้เราก็จะสามารถฝ่าฟันได้หมดเพราะเรามีภูมิคุ้มกันทางใจมาแล้วนั่นเอง
จำไว้ คุณผิดหวังได้ แต่ไม่ควรสิ้นหวัง
เราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้อะไรจะผ่านเข้ามา ไม่รู้ว่าต้องเจออะไรอีกบ้าง แต่ถ้าใจคุณยังไว้
ก็ไม่มีอะไรที่ทนทานไม่ได้ เพราะหากคุณถลำลึกไปสู่อาการที่เรียกว่า “สิ้นหวัง”
อันนี้น่ากลัวมาก
อ้างอิง : iStrong ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและครอบครัว
: Kevin Briggs. The
bridge between suicide and life. [Online]. From : https://www.ted.com/talks/kevin_briggs_the_bridge_between_suicide_and_life/transcript