เราทราบธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีนมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
แล้วเคยอยากรู้หรือไม่ว่าในตลาดอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศเหล่านี้เป็นอย่างไร
และจะสามารถสร้างโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยอย่างไรบ้าง?
จากรายงานของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศในเครือดอยช์โพสต์ ดีเอชแอล ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึก 5 ตลาดหลักที่ทำการค้าอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศสูงที่สุดในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้:
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
จีน –
ตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- เกือบหนึ่งในสี่ (24%)
ของผู้ซื้อออนไลน์ในจีนทำการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศในปี 2561 เพิ่มขึ้น 11.5%
เมื่อเทียบกับปี 2560
- ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อว่าการซื้อสินค้าจากต่างประเทศจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่า
ข้อเสนอดีกว่า มีความหลากหลายมากกว่า และสินค้าเป็นของแท้
-
ลูกค้าชาวจีนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่สนใจเรื่องราคาเป็นหลัก
มาให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพ แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ซื้อชาวจีนจะยอมรับสินค้าที่มีราคาแพงกว่า
ถ้าหากสินค้านั้นมีคุณภาพสูงกว่าและชื่อเสียงของแบรนด์ที่ดีกว่า
อินเดีย – ตลาดอีคอมเมิร์ซอันดับ 3
ของโลก
- อินเดียมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 462 ล้านคน
และมีอัตราการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซสูงสุดที่ 51% ต่อปี และ 60%
ของการซื้อสินค้าออนไลน์เกิดขึ้นในช่วงเวลาทำการปกติ
- ยอดขายอีคอมเมิร์ซแบบค้าปลีกในอินเดียคาดว่าจะแตะระดับ 7.94
หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2563
- เหตุผลสำคัญที่สุด 3
ข้อที่จูงใจให้ผู้บริโภคชาวอินเดียซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้แก่ คุณภาพดีกว่า
(42%) ความน่าเชื่อถือ (37%) และข้อเสนอที่ดีกว่า (26%)
- ตลาดอีคอมเมิร์ซในอินเดียมีการแข่งขันอย่างดุเดือด
โดยมีผู้เล่นรายสำคัญในท้องถิ่น เช่น Flipkart,
Snapdeal และ Amazon India ที่กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด
ญี่ปุ่น – ปลายทางยอดนิยมแห่งเอเชีย
- ญี่ปุ่นมีประชากรสูงวัยจำนวนมาก และชาวญี่ปุ่นที่มีอายุเกินกว่า 55
ปีมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเชื่อมต่อออนไลน์
- สินค้าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่น
ได้แก่ หนังสือ ซีดี วิดีโอเกม (27%) เครื่องสำอาง (21%) และเสื้อผ้าและรองเท้า
(20%)
- Rakuten, Amazon Japan และ Yahoo Japan Shopping เป็นตลาดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ
3 อันดับแรกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
- โดยทั่วไปแล้วนักช้อปชาวญี่ปุ่นไม่ชอบความเสี่ยง และมักจะมองหาแบรนด์ที่ตนเองรู้จักและไว้ใจ
อัตราการคืนสินค้าต่ำและการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะได้รับจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์
เกาหลีใต้ –
ตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- การซื้อสินค้าออนไลน์ภายในประเทศยังคงสร้างรายได้อีคอมเมิร์ซมากที่สุดให้กับเกาหลีใต้
แต่อีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน
- จากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ระหว่างประเทศ ชาวเกาหลีใต้พบว่าหลังจากที่รวมค่าขนส่งและภาษีนำเข้าของสินค้าแล้ว
สินค้ายังคงมีราคาถูกกว่าที่ซื้อจากเว็บไซต์ในประเทศ ทั้งนี้คาดว่าใน 2-3
ปีข้างหน้า
ผู้บริโภคชาวเกาหลีที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
- 60% ของชาวเกาหลีที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 29 ปี
ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์หลักในการซื้อสินค้าออนไลน์
- Amazon และ eBay เป็นตลาดอีคอมเมิร์ซต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้
ฮ่องกง –
โอกาสที่ดีสำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซ
- นักช้อปออนไลน์ในฮ่องกงคาดหวัง 3 สิ่งจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์
ได้แก่ ค่าจัดส่งฟรี ความสะดวกที่ได้รับจากการสั่งซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา
และส่วนลดพิเศษสำหรับการซื้อทางออนไลน์
- 48%
ของประชากรฮ่องกงอ่านรีวิวเกี่ยวกับสินค้าทางออนไลน์ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
- มีนักช้อปออนไลน์ในฮ่องกงเพียง 38% เท่านั้นที่ระบุว่าตนเองรู้สึกพึงพอใจในมาตรฐานการให้บริการ ดังนั้นผู้ค้าออนไลน์จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นหากนำเสนอบริการทางออนไลน์ได้อย่างดีเยี่ยม
โอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย
นางปาริชาติ ประมุขกุล รองประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส
อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า
อีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้รับสินค้าตามต้องการ ทุกที่ ทุกเวลา
ตลาดในเอเชียแปซิฟิก เช่น จีน และอินเดีย มีจำนวนนักช้อปออนไลน์ระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก
และผู้ประกอบการไทยก็ต้องการตัวเลือกด้านบริการจัดส่งสินค้าที่ยืดหยุ่นและไว้ใจได้เพื่อเพิ่มส่วนต่างกำไรและส่วนแบ่งตลาด
โดยธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศที่กำลังขยายตัวส่งผลให้ความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
โดยคาดว่ามูลค่าของตลาดโลจิสติกส์ในส่วนของอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศทั่วโลกจะเติบโตราว
2.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระหว่างปี 2561-2565
และคาดว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะครองตลาดตลอดระยะเวลาดังกล่าวจากปริมาณการค้าอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ
เช่น อินเดีย และจีน
ด้านนาย ไล เซ ชอง
รองประธานด้านการปฏิบัติงาน บริษัท โพเมโล่ แฟชั่น จำกัด ผู้นำแบรนด์ค้าปลีกแบบ Omni-Channel กล่าวว่า “เมื่อพิจารณาถึงเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
โลจิสติกส์ และอื่นๆ ภูมิภาคเอเชียมีโอกาสในการเติบโตของอีคอมเมิร์ซได้อีกมาก
อ้างอิงจากแหล่งข้อมูล พบว่าจากรายได้ทั้งหมดของตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียนั้น
สินค้ากลุ่มแฟชั่นมียอดการเติบโตสูงสุดกว่าสินค้าอื่นๆที่ 1.37
หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะยังครองอันดับหนึ่งเช่นนี้ไปจนถึงปี 2564 ด้วยมูลค่า
357 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้การเข้าใจมาร์เก็ตอินไซต์ของแต่ละประเทศจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเจ้าของแบรนด์หรือผู้ประกอบการในการรุกตลาดต่างประเทศ”
จากข้อมูลทั้งหมด
นับเป็นโอกาสที่น่าลิ้มลองสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะแสวงหาโอกาสในการขยายตลาดในต่างประเทศโดยช่องทางอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ
ซึ่งอย่างทีทราบดีว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ในปัจจุบันง่ายเพียงปลายนิ้ว
ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะเข้าถึงช่องทางเหล่านั้นได้และตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุดหรือไม่