การไม่ต้องพกเงินสดติดตัวไปไหนมาไหนครั้งละเยอะๆ
หรือความสะดวกสบายในการใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน
คือความง่ายในการใช้ E-wallet นับเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า ความสะดวกสบายจาก E-wallet นั้นกลืนกินความยากลำบากตรงนี้ไปจนหมดสิ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้นเรื่องของ E-Wallet ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
แต่เป็นเรื่องของเราทุกคนที่ต้องใส่ใจนั่นเอง
วันนี้มีแบรนด์ดังในไทยมากมายที่พยายามจะปลุกปั่น E-Wallet ของตัวเองขึ้นมา เพื่อทำให้ลูกค้าหันมาใช้บริการตัวเองอย่างครบวงจร ซึ่ง E-Wallet ตรงนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของ CRM หรือการรักษาฐานลูกค้าเก่าเอาไว้ในมือด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น E-Wallet รายไหนๆ ก็มักจะมีส่วนลด มีแต้ม มีพ้อยท์ต่างๆ ให้ได้สะสมมากมาย ซึ่งนี่คือการดึงให้ลูกค้ามาใช้บริการ ใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์รายนั้นบ่อยๆ และอาจเป็นความเคยชินไปในที่สุด เพราะนี่คือยุคแห่งสังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
คนส่วนใหญ่หันมาใช้ E-wallet เพราะอะไร?
เป็นคำถามที่คนทำผู้ให้บริการ E-wallet ทุกคนต้องเคยหาคำตอบแน่นอน
แล้วในฐานะผู้ใช้งานเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า ถ้าจะเลือกใช้ E-wallet สักรายหนึ่ง จะใช้เพราะอะไร
ผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่า
สิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดมีการเติบโตมาก รวมถึงมีคนใช้งานเยอะขึ้น นั่นเพราะโปรแกรมส่งเสริมการขาย
ไม่ว่าจะเป็นพวกคูปองส่วนลด รอยัลตี้ โปรแกรมบัตรสะสมคะแนน และโปรโมชั่นต่างๆ
จากผู้ใช้งานเกือบ 100% ระบุว่าพวกเขาสนใจจะใช้งาน E-wallet มากที่สุดเมื่อมันมีโปรโมชั่น บัตรสะสมแต้ม
หรือคอนเทนต์ที่เหมาะกับเขาจริงๆ และมีคนอีก 27% เลยที่บอกว่าเค้าจะใช้งานเพราะ
E-wallet มันทำให้เขาสะดวกสบายมากขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น เช่น
การจ่ายเงินจองสิ่งต่างๆ ตั๋วเครื่องบิน หรือสถานที่พัก
แบรนด์ควรรู้พฤติกรรมที่ชัดเจนของผู้บริโภคจริงๆ
จากผลสำรวจและผลลัพธ์ด้านบนทำให้เรารับรู้ได้ว่าพฤติกรรมของคนในสังคม
และผู้ใช้งาน E-wallet แทบจะทั้งหมดนั้น
ไม่ได้เล็งเห็นถึงการจ่ายเงินที่ง่ายดายและสะดวกสบายเหมือนอย่างยุคแรกอีกต่อไป
แต่การที่เขาจะเลือกใช้บริการจากใครสักคนต้องมาจากตัวช่วย
หรือการซัพพอร์ตที่มากขึ้น และเหมาะสมกับวิถีชีวิตประจำวันของพวกเขา
นอกจากนี้จากผลสำรวจยังพบว่า
ผู้บริโภคกว่า 61% ยังยอมสมัครรับข้อความทางโทรศัพท์
เพราะเขาอยากได้รับพวกคูปองส่วนลดต่างๆ และรับรู้โปรโมชั่นที่ร้านค้าเหล่านั้นจะจัดขึ้น
ส่วนอีก 55% สมัครเพราะได้รับคะแนนสะสม
ซึ่งมันสอดคล้องกับรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยที่พบว่า การใช้งาน e-Money
ในปี 2562 มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นั่นเพราะปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ E-wallet ต่างๆ ล้วนทำการตลาดแข่งขันกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น
True Money, Rabbit Line Pay และอื่นๆ
ซึ่งจะเห็นได้จากการให้บริการผ่านฟีเจอร์ต่างๆ
รวมถึงมีจุดรับชำระทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งส่งผลให้การใช้งานหลากหลายยิ่งขึ้น
สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น และมีแคมเปญต่างๆ เกิดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้งานกับแอปพลิเคชัน
หรือช่องทางเหล่านั้นถี่ขึ้น เพื่อเอาชนะคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
เหตุที่ทำให้คนไทยไม่กล้าใช้ e-wallet
E-wallet ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันเองก็เพิ่งมาได้รับความนิยมและให้ความสนใจมากขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา นั่นเพราะเมื่อก่อนคนไทยจะยังไม่นิยมใช้งานการทำธุรกรรมออนไลน์
ส่วนใหญ่ใช้เต็มที่ก็แค่จ่ายบิลต่างๆ เท่านั้น หรืออาจจะมีใช้เติมเงินมือถือบ้าง
แต่ยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน
สาเหตุหลักๆ มาจาก
ฮาร์ดแวร์อย่างสมาร์ตโฟนในช่วงยุคก่อนหน้านี้ยังไม่แพร่หลาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสมาร์ตโฟนไว้ในครอบครอง
ทำให้ผู้บริโภคกลัวที่จะใช้งานทำธุรกรรมต่างๆ
เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของการจ่ายเงิน เติมเงิน และอื่นๆ
อีกทั้งการมีจุดชำระเงินที่ไม่ได้มากมายเท่าปัจจุบัน ทำให้การเปิดใจเป็นเรื่องยาก สมาร์ทโฟนจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุด
ขณะที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน
และมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นมากจริงๆ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความมหัศจรรย์ครั้งนี้ ก็มาจากการผลักดันของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่มีการปลดล็อกให้จ่ายเงินผ่านโมบายแบงกิ้งด้วยระบบพร้อมเพย์ได้ รวมถึงมีการสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อให้ง่ายต่อการทำธุรกรรมต่างๆ
นั่นเอง
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ช่วยผลักดันให้ผู้บริโภค
มีประสบการณ์ในการชำระสินค้าหรือบริการผ่านระบบ E-wallet
ทำให้คนที่ไม่เคยใช้งานก็เกิดความเคยชิน และมีประสบการณ์มากขึ้น
กล้าที่จะเปิดใจและใช้ใน E-wallet อื่นๆ ตามมา
หลังจากคลื่นระลอกแรกจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ซัดให้คนไทยกล้าลองใช้บริการ
E-wallet และทำให้รับรู้ว่าการทำธุรกรรมออนไลน์มันเป็นเรื่องง่าย
และเหมาะสมอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันแล้ว เหล่าผู้ประกอบการ E-wallet ต่างๆ เองก็ต่างงัดเทคนิคในการพิชิตใจผู้บริโภคขึ้นมาแข่งกันมากมาย
ซึ่งหากคุณเองมีความคิดที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับ E-wallet แล้วล่ะก็
หลักการตลาดเหล่านี้ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
1. จับมือกับร้านอาหาร
เพื่ออัปไซส์อาหารและเครื่องดื่มฟรีเมื่อใช้ E-wallet ของคุณจ่าย
2. มอบส่วนลดให้
เมื่อจ่ายผ่าน E-wallet ของคุณ
3. เป็นพันธมิตรกับศูนย์อาหารเพื่อมอบเงินแคชแบ็กเมื่อจ่ายผ่าน E-wallet ของคุณ
ยิ่งลูกค้าใช้งาน E-wallet ของคุณบ่อย
ยิ่งประสบความสำเร็จ
กลเม็ดการตลาดต่างๆ
ข้างต้นนั้นเป็นหนึ่งในตัวช่วยการันตีว่า จะมีผู้คนใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
และมีแนวโน้มที่จะใช้บริการ E-wallet ของคุณทุกวันด้วยซ้ำไป ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ E-wallet ทุกคนต้องการมาก เพราะธุรกิจนี้ถ้ามีคนใช้งานบริการของคุณบ่อยเท่าไหร่
นั่นหมายถึงเขามีประสบการณ์ที่ดีและกล้าที่จะใช้งานคุณต่อเนื่องมากขึ้นไปเท่านั้น
ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเปลี่ยนลูกค้าทั่วไปให้กลายเป็นลูกค้าประจำ
ใช้งานแอปพลิเคชั่น E-wallet ของคุณด้วยความเป็นธรรมชาติแบบคุ้นชินได้
นั่นเท่ากับว่าคุณชนะสมรภูมิการแข่งขันที่หนักหนาแห่งนี้แล้ว
พยายามโฟกัสให้ลูกค้าทุกคนของคุณสามารถหยิบแอปของคุณขึ้นมาใช้งานได้ทุกวัน ออกแคมเปญใหม่ๆ โปรโมชั่นพิเศษ และสิทธิประโยชน์ที่คาดว่าเหมาะสมตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคุณ แล้วการทำ E-wallet จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่มีใครครอบครองพื้นที่ E-wallet อย่างผูกขาดเหมือนอย่างหลายๆ ประเทศ คุณเองหากเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคได้ ก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวมาเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน