ผสานการแพทย์ และนวัตกรรม ‘Atgenes - Pulse Science’ ต่อยอดสู่ธุรกิจ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

SME in Focus
17/09/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 2251 คน
ผสานการแพทย์ และนวัตกรรม ‘Atgenes - Pulse Science’ ต่อยอดสู่ธุรกิจ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
banner

Your Code Your Life ชีวิต คือชุดข้อมูลที่เรียกว่า DNA ข้อมูลที่ถูกส่งต่อมาในลักษณะ โยนหัวก้อยถ้าเป็นสำนวนไทยคงประมาณ บุญทำ กรรมแต่ง ก่อเกิดเป็นความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ แต่ทราบหรือไม่ว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทำให้เรามีสิทธ์เลือกได้มากขึ้น หรือแม้แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบชีวิตให้ดีขึ้นได้ 

จุดเริ่มของเรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปเมื่อปี 2547 คุณหมอท่านหนึ่งเรียนจบปริญญาเอกจากอ๊อกซฟอร์ด กลับไทยมาเป็นอาจารย์สาขาวิชาโลหิตวิทยาและอองโคโลยี ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คนในวงการตั้งสมญาว่า หมอโลหิต เนื่องจากท่านเป็นผู้ชำนาญการพิเศษด้านโลหิตวิทยาชั้นแถวหน้าของไทย

และด้วยผลงานวิจัยด้านโลหิตวิทยากว่า 100 เรื่อง ที่ได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำในต่างประเทศ ปี 2558 ศ.ดร.นพ.วิปร วิประกษิต ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ทางกุมารเวชศาสตร์อย่างเป็นทางการ และเป็นจุดเริ่มต้นของการผสานระหว่างองค์ความรู้ทางการแพทย์ระดับโมเลกุลกับ Biotech และ Infotech จนนำไปสู่รักษาและการปรับแต่งรูปแบบชีวิตด้วยข้อมูลยีนส์และดีเอ็นเอ  

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme  


การผสานเสริมของการแพทย์ และนวัตกรรม  

ศ.ดร.นพ.วิปร ยังคงมองหา Challenge ใหม่ๆ โดยต้องการให้งานวิจัยที่ทำสามารถนำไปใช้งานได้จริง จึงก่อตั้งบริษัท แอท-ยีนส์ จำกัด ต่อมาให้มีโอกาสรู้จักกับ คุณนัทธี  อินต๊ะเสน ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท พัลซ ไซเอนซจำกัด นักนวัตกรรมและนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างห้องปลอดเชื้อในคลินิกการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) และต่อมาได้เป็น Strategic Partner ที่สำคัญของ แอท-ยีนส์ ทำงานร่วมกันโดยใช้ know how จากการวิจัยมาแตกแขนงออกมาเป็นบริการในรูปของการตรวจข้อมูล และการวินิจฉัย

โดยภาพรวมธุรกิจของแอท-ยีนส์ คือการขายข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์ โดยการตรวจ DNA และหากย้อนไปเมื่อ 7 ปีตอนเริ่มต้นธุรกิจ ที่ยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ และถ้าเปรียบแอท-ยีนส์เป็นนักบิน บจก.พัลซ ไซเอนซ ของคุณนัทธีก็เปรียบเหมือนผู้จัดหาเครื่องบิน โดยเข้ามาดูแลในเรื่องการทำห้องปฏิบัติการ เครื่องมือ และทีมสนับสนุนนับเป็นการสปินออฟที่เหมาะเจาะพอดี

 

 

การแพทย์ที่รักษาด้วย ‘ข้อมูล’ ทำอะไรได้บ้าง ?

ศ.ดร.นพ.วิปร อธิบายว่า ถ้าเปรียบเทียบเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ คือทุกคนมีโค้ดอยู่ในตัวเอง หรือการถูกโปรแกรมมาว่าต้องทำอะไรบ้าง โค้ดจะอยู่ในชุดข้อมูลที่เรียกว่า DNA โดยธรรมชาติส่งต่อจากพ่อแม่อย่างละครึ่ง

ขณะที่เทคโนโลยีด้านการแพทย์ที่กำลังเป็นเทรนด์ทั่วโลกขณะนี้ เรียกว่า Molecular medicine คือการรักษาแบบแม่นยำและจำเพาะโดยอาศัย ข้อมูลทางพันธุกรรมหรือข้อมูลในระดับโมเลกุล มาใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค หรือความเสี่ยงในการเกิดโรคโดยการหาลำดับเบสของดีเอ็นเอ (DNA sequencing) ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Next-Generation Sequencing ซึ่งเป็นข้อมูลจีโนม (Genome) และเอ็กโซม (Exome)

ข้อมูลเหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกใช้อย่างไร สำหรับแอท-ยีนส์ ใช้ข้อมูลนี้ช่วยในการวินิจฉัยโรคให้แม่นยำมากขึ้น โดยการตรวจทำให้รู้เลยว่าแบบเป็นโรคอะไร หรือแม้แต่มีความเสี่ยงจะเกิดโรคอะไรในอนาคต  

 

 

รู้ความเสี่ยงก่อนเป็นโรค ...ชีวิตก็ออกแบบได้

ดังนั้น ธุรกิจของแอท-ยีนส์ ไม่ใช่การตรวจเชื้อโรค แต่เป็นการตรวจข้อมูลพันธุกรรมเพื่อการวินิจฉัย ป้องกัน หรือรักษาโรค เป็นโปรแกรมออกแบบและดูแลสุขภาพได้ตรงจุดกับความเสี่ยงที่แต่ละคนมี พอรู้ว่าจะเกิดความเสี่ยงใดในอนาคต ก็สามารถแก้ไขโค้ดได้ รวมทั้งยังมีบริการตรวจความเสี่ยงในการแพ้ยา ความเสี่ยงในการเกิดอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม การเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นบริการที่แอท-ยีนส์ ให้ได้

ที่ผ่านมา มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งซื้อบริการเขาเราไปใช้ในโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วย หรือลูกค้าที่ต้องการรับบริการตรวจหาความเสี่ยงจากการเกิดโรคซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ารายได้สูงเป็นหลัก

 

 

มดลูกเทียม และการเพาะเชื้อตัวอ่อน

อีกบริการหนึ่งที่เป็นบริการสำคัญของแอท-ยีนส์ คือ การตรวจพันธุกรรมตั้งแต่ก่อนเป็นมนุษย์ โดยการตรวจตัวอ่อน ปกติหญิงชายอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ช่วงวัยรุ่น ขณะที่คนปัจจุบันนี้แต่งงานและมีลูกช้า ทำให้เกิดปัญหามีลูกยาก และเด็กอาจมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ที่ผ่านมีการแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีการเจาะถุงน้ำคร่ำเพื่อดูโครโมโซมมีความผิดปกติหรือไม่ แต่วิธีการเจาะน้ำคร่ำซึ่งตัวอ่อนฝังตัวในมดลูกแล้ว และยังต้องรอผลตรวจอีกไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์

ขณะที่บริการของแอท-ยีนส์ มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า โดยใช้หลักการผสมเทียม นำตัวอ่อนที่แข็งแรงมาเพาะเลี้ยงระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปผสมกับเชื้อไข่ในตู้มดลูกเทียมที่ออกแบบมาสำหรับเพาะเลี้ยงตัวอ่อนมนุษย์ (Embryo) มีรูปแบบการทำงานเหมือนมดลูก ผลงานรางวัล Innovation Award of The Year ปี 2563 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA รางวัลทางด้านสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ

คุณนัทธี ซีอีโอ พัลซ ไซเอนซ ผู้ออกแบบตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อนมนุษย์ อธิบายว่า  ตู้ปฏิบัติการระบบปิดควบคุมสภาพแวดล้อมสำหรับการผสมเทียมใต้กล้องจุลทรรศน์ หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า มดลูกเทียมก็ได้ ทำหน้าที่เหมือนภายในมดลูก โดยติดตั้งกล้องจุลทรรศน์หัวกลับพร้อมชุดจุลหัตถการ (Micromanipulator) เพื่อทำการผสมเทียมนอกร่างกายไว้ภายในตู้ได้ สามารถจำลองสภาวะแวดล้อมเลียนแบบมดลูกได้ทั้งอุณหภูมิ ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และออกซิเจน

ศ.ดร.นพ.วิปร อธิบายเสริมว่า หลังจากที่ได้ตัวอ่อนที่สมบูรณ์แข็งแรงมา จากนั้นจะใช่ฝังที่แม่อุ้มหรือแม่แท้ก็ได้ แอท-ยีนส์ เป็นบริษัทที่ทำการตรวจตัวอ่อนที่มีครบวงจร และมีประสิทธิภาพที่สุดในประเทศ

จะเพศชาย หญิง ก็เลือกได้หมด แต่หลักการสำคัญเราไม่ได้ตั้งใจจะเลือกเพศ แต่เราต้องการจะเลือกทารกที่สมบูรณ์ที่สุด

 

 

ดันไทยศูนย์กลางการทำ IVF  

ศ.ดร.นพ.วิปร กล่าวอีกว่า ช่วงก่อนเกิดโควิด ธุรกิจด้านการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เติบโตดีมากเป็น Medical Hub ของการทำ IVF โดยแต่ละปีมีลูกค้ามาทำที่ แอท-ยีนส์ประมาณ 3-4 หมื่นคู่ต่อปี และกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นคนจีน

ธุรกิจ IVF ในประเทศไทยเรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสามของอันดับโลก ลูกค้าหนึ่งรายมีค่าใช้จ่ายต่อการทำ 1 Cycle หรือการกระตุ้นให้มีไข่ตกหนึ่งรอบมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท

ด้วยเหตุนี้ทำให้ประมาณได้ว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีรายได้เข้าประเทศจากกลุ่มคู่รักชาวจีนกว่า 3 หมื่นล้านบาท และไม่ใช่ว่าทุกคนที่มาทำ Cycle เดียวแล้วจะสำเร็จ อาจมีทำซ้ำ เพราะฉะนั้นมองว่ามูลค่าตลาดมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อปี และหากนับรวมตลอดซัพพลายเชนที่เป็นโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกต่างๆ มูลค่าตลาดนี้มีมากกว่าแสนล้านบาทต่อปี

ลูกค้าเป็นกลุ่มรายได้สูง และกระจายรายได้ไม่เพียงแค่ด้านการแพทย์ แต่ยังครอบคลุม Supply Chain ที่มีอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเยอะมาก เป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศอีกมาก

 

 

รู้ข้อมูลมนุษย์ อนาคตที่ทำให้ทุกคนสุขภาพดี

ปัจจุบันเรื่องการตรวจ DNA หรือการตรวจข้อมูลพันธุกรรมประชากรมีการริเริ่มทำในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน และสหภาพยุโรป เด็กที่คลอดออกมาใหม่จะมีการตรวจยีนส์และเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด สำหรับในประเทศไทยแม้จะเริ่มมีบ้าง แต่ยังจำกัดเฉพาะกลุ่มบุคคล

ขณะเดียวกัน ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ศ.ดร.นพ.วิปร สนใจกับการอัพเกรดตัวเอง เลยเพิ่มบริการที่เกี่ยวข้องกับ Stem Cell เข้าไปด้วย ทำให้ปัจจุบันธุรกิจของแอท-ยีนส์ ไม่เพียงแต่การบริการตรวจข้อมูล DNA  แต่ยังเสนอทางเลือกให้กับคนที่มาใช้บริการด้วย

อย่างไรก็ตาม คุณหมอเน้นย้ำว่า ปัจจัยพันธุกรรมเป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการเรียนรู้ยังมีเรื่องระบบอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง พันธุกรรมจึงเป็นแค่ส่วนเดียว

 

 

สร้างห้องแล็บตรวจหาเชื้อโควิด 19

ขณะที่สถานการณ์ช่วงการระบาดของเชื้อโควิด 19 ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้แอท-ยีนส์ เป็นที่รู้จักในสังคมทั่วไปมากขึ้น และนับเป็นจุด Turning Point ครั้งสำคัญ ซึ่งอย่างที่อธิบายก่อนหน้านี้ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของแอท-ยีนส์เป็นคนจีน ด้วยเหตุนี้ภายใต้ปัจจัยดังกล่าว  ศ.ดร.นพ.วิปร จึงต้องระดมสมองจากทีมนวัตกรรม มาสร้างห้องแล็บตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับการตรวจ DNA และต้องใช้ห้องแล็บที่พิเศษมากๆ

และแน่นอนว่าต้องเป็นการทำงานร่วมกับ Strategic Partner คือ คุณนัทธี ซีอีโอ พัลซ ไซเอนซ ที่ร่วมกันออกแบบห้องแล็บ Biosafety ที่มีมีระบบการจัดการจะสูงกว่าระดับที่ทำในโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งไม่เพียงแต่การตรวจหาที่แม่นยำ ว่าเชื้อเป็นสายพันธุ์ชนิดใด แต่ยังมีความปลอดภัยสูงต่อผู้ใช้ อันเนื่องจากห้องแล็บดังกล่าวเกิดจากการระดมสมองระหว่างหมอที่เป็นผู้ปฏิบัติงานจริงและนักนวัตกรรม

ปัจจุบันเป็นห้องแล็บต้นแบบของหลายๆ ที่ และต่อมาก็มีการต่อยอดจนเป็นรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย และรถปฏิบัติการตรวจเชื้อแบบเคลื่อนที่ ที่ออกตรวจโควิดนอกพื้นที่ และยังเป็นรถพระราชทานอีกด้วย และดูเหมือนโควิด 19 ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งการคิดค้นและหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อออกแบบชีวิตคนให้ง่ายและดีขึ้น

 

จะเห็นว่าทั้งธุรกิจของคุณหมอวิปร และคุณนัทธีต่างมุ่งใช้จุดแข็งที่มีเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ และยังยืนยันได้ถึงความสามารถของแพทย์ไทย และนักวิทยาศาสตร์ของไทยที่สามารถต่อยอดองค์ความรู้สู่การทำธุรกิจอย่างจริงจัง และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมทั้งการผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทยสร้างรายได้และฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของทั้งสองธุรกิจได้ที่ :  

http://www.atgenes.com/

http://pulsescience.co.th/

https://www.facebook.com/atgenes.th/

 


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ขับเคลื่อนเกษตรกรไทยด้วยแนวทาง 2 Q เปิดสวิตช์ติดเครื่อง ฟื้นคืนวัฏจักร ผลักดันสู่อาเซียน

ขับเคลื่อนเกษตรกรไทยด้วยแนวทาง 2 Q เปิดสวิตช์ติดเครื่อง ฟื้นคืนวัฏจักร ผลักดันสู่อาเซียน

แม้ในปัจจุบัน มนุษย์จะมีองค์ความรู้มากขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในแทบทุกวงการ มนุษย์ก็ต้องการเครื่องทุ่นแรง เพื่อมาช่วยเหลือในเรื่องต่าง…
pin
2 | 05/02/2025
ราชินีแห่งดอนตูม รวมกลุ่มเกษตรกร ส่งต่อมะเขือเทศผ่านแนวคิดพอเพียง

ราชินีแห่งดอนตูม รวมกลุ่มเกษตรกร ส่งต่อมะเขือเทศผ่านแนวคิดพอเพียง

เสิร์ฟสานความสดใหม่ ร่วมมือร่วมใจเกษตรกรแข็งขัน องค์ความรู้เก่า แนวคิดใหม่ ส่ง “มะเขือเทศราชินี” สู่การแข่งขันจากแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง…
pin
5 | 04/02/2025
“น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” จากธุรกิจครอบครัว สู่แบรนด์ระดับโลก สร้างความยั่งยืนธุรกิจเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG

“น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” จากธุรกิจครอบครัว สู่แบรนด์ระดับโลก สร้างความยั่งยืนธุรกิจเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG

เจาะกลยุทธ์ “น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” สร้างความยั่งยืนธุรกิจ ด้วยแนวคิด ESG เติบโตเคียงคู่ดูแลสิ่งแวดล้อม สู่แบรนด์ระดับโลกช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…
pin
8 | 21/01/2025
ผสานการแพทย์ และนวัตกรรม ‘Atgenes - Pulse Science’ ต่อยอดสู่ธุรกิจ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า