ทำธุรกิจยุคนี้ต้องออนไลน์
จึงจะอยู่รอด ? ...ไม่เสมอไป เพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี่ค่อนข้างซับซ้อน
ดังนั้นจึงต้องดูว่า ‘ความต้องการ ณ จุดๆ นั้น’ คืออะไร ความหมายคือ
ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือการขายแบบออฟไลน์ อาจต้องทำควบคู่กัน
หนุนส่งเสริมกันจึงจะเป็นแนวทางที่อยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งการทำธุรกิจค้าปลีกนับจากนี้อาจจะไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
ผู้ประกอบการ
SME ควรมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว
เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
รวมทั้งการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ สร้างความประทับใจหรือสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคในแต่ละรายเป็นการเฉพาะ (Customized Experience)
เนื่องจากผู้บริโภคมองหาประสบการณ์หรือสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ ดังนั้นนอกจากผู้ประกอบการจูงใจให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อซ้ำแล้ว ยังควรให้ผู้บริโภคบอกความประทับใจให้กับคนรอบข้าง โดยการแชร์ข้อมูลหรือประสบการณ์ที่ได้รับและให้เกิดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ได้ด้วย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
(องค์การมหาชน) หรือ ETDA ได้รายงานข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในอีก
5 ปีข้างหน้า โดยระบุว่าผู้บริโภคจะซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์ม Online ควบคู่ไปกับ Offline มากขึ้น
ในขณะที่การซื้อสินค้าบนช่องทาง Offline เพียงอย่างเดียวมีแนวโน้มลดลง
ประเด็นสำคัญคือความเคลื่อนไหวของตลาด
Online Shopping ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น
จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย
ซึ่งผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยจะต้องเร่งปรับตัว
เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้
เพราะอย่างที่ระบุในข้างต้น
แม้ตลาด Online Shopping จะเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมากขึ้น
แต่ผู้บริโภคก็ยังมีการเลือกซื้อสินค้าผ่านทั้ง 2 ช่องทาง
ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าหรือความต้องการ ณ ตอนนั้น ดังนั้นการทำธุรกิจค้าปลีกบน 2
แพลตฟอร์มควบคู่กันไปยังคงมีความสำคัญ
เป็นการบริหารจัดการและเชื่อมโยงธุรกิจค้าปลีกทั้ง 2 ช่องทาง (Online to Offline : O2O) เข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยควรมีความพร้อมต่อการปรับตัวอยู่เสมอ
เพื่อให้การทำธุรกิจในแต่ละแพลตฟอร์ม สามารถตอบพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุด
ทั้งนี้พฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุ
หรือแต่ละ Generation มีความแตกต่างกัน
กระนั้นไม่ว่าจะทำการตลาดแบบ
Online
หรือ Offline หรือผสานร่วมกัน มีประเด็นที่ธุรกิจ SMEs ควรพิจารณาให้รอบคอบและชัดเจน นั่นคือ
1.
การสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า โดยมุ่งเน้นเจาะตลาดที่มีความเฉพาะมากขึ้น หรือ Niche
Market
แทนที่จะมุ่งตลาดใหญ่ หรือ Mass Market ที่มีการแข่งขันรุนแรงในทุกด้าน
2.
การรักษาคุณภาพและการให้บริการที่สร้างความรู้สึกประทับใจให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการ
ประเภทซื้อมาขายไป
สินค้าแทบจะไม่ต่างกัน ดังนั้นการใส่ใจลุกค้าแต่ละรายเป็นสิ่งสำคัญ
ด้วยเหตุนี้วิธีที่อยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางการแข่งขันในปัจจุบันสำหรับผู้ประกอบการ SMEs คือการน้อมรับความเปลี่ยนแปลง ผสานเทคโนโลยี เพราะหากไม่ปรับตัวโอกาสที่จะอยู่รอดย่อมยากขึ้น กระนั้นรายขนาดเล็กแม้จะต้องปรับตัวแต่ยังคบมีสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด
แนวคิด (Mindset)
ในการทำธุรกิจ SMEs จะต้องมองบทบาทตัวเองให้ชัดเจน
มองหาจุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเองให้เจอ และวางแผนการตลาดอย่างรัดกุม
หลีกเลี่ยงการลงทุนในสิ่งที่ไม่จำเป็น เรื่องทุนสำหรับ SMEs
เป็นของแสลง เพราะด้วยการที่ทุนน้อย
การตัดสินใจลงทุนหรือการขอสินเชื่อเพื่อลงทุน
ควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสมของระยะเวลา แต่การมองหาพันธมิตร
หรือความร่วมมือทางการค้าจะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ
Data อาจไม่จำเป็นต้อง Big เพราะข้อมูลคือของล้ำค่าดังนั้นจะมาก หรืออย่างน้อยควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
นำมาใช้ในการวิเคราะห์หรือช่วยในการปรับตัว ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก
ที่ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเลือกใช้ได้ ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก
ท้ายที่สุดธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คือธุรกิจที่เติบโต แต่ตัวเลขกำไรไม่ใช่สิ่งชี้วัดการเติบโต ดังนั้นควรมุ่งขยายธุรกิจ อย่ามุ่งสร้างผลกำไรจนเกินไป เพราะกำไรไม่ใช่สิ่งแน่นอน คุณภาพ ความเชื่อมั่น และความจงรักภักดีของลูกค้าต่างหาก คือการเติบโตของธุรกิจที่แท้จริง