นโยบายพลังงานชุมชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
มิติใหม่นโยบายด้านพลังงานที่กระทรวงพลังงานกำลังเร่งขับเคลื่อนมีผลในทางปฏิบัติเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำทีมเดินสายโรดโชว์ในพื้นที่หลายจังหวัด เพื่อชี้แจงแนวนโยบายดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้กำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ได้ผนึกกำลังกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน ปลูกพืชพลังงานสำหรับป้อนให้กับโรงไฟฟ้า เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้จากธุรกิจพลังงานให้ท้องถิ่น ชุมชน หนุนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกทางหนึ่ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รูปแบบการดำเนินการโครงการนี้
รัฐบาลมุ่งเน้นให้เกิดความร่วมมือในลักษณะ 3 ประสาน ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ
ประชาชน และเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ
โดยกระทรวงพลังงานจะกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าภายในเดือนกุมภาพันธ์
2563
ทั้งนี้คาดว่านโยบายนี้จะได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการ
และชุมชนท้องถิ่น โดยมีการยื่นคำขอจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนตามเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย
จากที่ได้มอบหมายให้ กฟภ.จัดทำแนวทางการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน
ล่าสุดได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นแล้ว วัตถุประสงค์หลัก
เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมลำของรายได้ประชาชน แก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ
ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้
และสนับสนุนให้เกิดการปลูกพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสม
แนวทางการส่งเสริม จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบกระจายศูนย์
หรือ Distributed Generation : DG
ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass)
เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ที่มีศักยภาพในชุมชน อาทิ เศษไม้
ชานอ้อย แกลบ ซังข้าวโพด น้ำมันจากพืชและสัตว์ น้ำมันจากขยะพลาสติก เป็นต้น
โดยได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการส่งเสริมการตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน
ในชุมชน ท้องถิ่นทั่วประเทศ ตามศักยภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟภ. อย่างไรก็ตาม
โรงไฟฟ้าชุมชนควรมีขนาดเหมาะสมกับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่
เพื่อรองรับการจัดทำระบบโครงการไฟฟ้าขนาดเล็ก(Micro Grid) ในอนาคต
แนวทางการดำเนินการ กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในพื้นที่ชุมชนซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ
และชีวมวล
โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ
ภาคเอกชน และภาคชุมชน
สร้างรายได้กระจายสู่เศรษฐกิจฐานราก
โดยได้วางแนวทางในการดำเนินโครงการ 3
ส่วนหลัก ประกอบด้วย
1. ภาคการเพาะปลูก
จะให้มีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน
หรือสหกรณ์การเกษตรโดยให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นสมาชิก
เพื่อทำหน้าที่จัดหาพื้นที่ หรือขอใช้พื้นที่ของรัฐปลูกพืชพลังงาน เช่น
ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน การช่วยเหลือสมาชิกจัดหาต้นกล้าพืชพลังงาน
เผยแพร่องค์ความรู้ การส่งเสริมการเพาะปลูกพืชพลังงานทางเลือก
การปลูกพืชพลังงานเพื่อจำหน่ายให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อบริหารจัดการเชื้อเพลิงในชุมชนให้แก่โรงไฟฟ้า
2. ในส่วนของการจัดหาเชื้อเพลิง
จะจัดตั้งบริษัท ชุมชนประชารัฐ จำกัด ขึ้นในแต่ละชุมชน ผู้ถือหุ้นแยกเป็น ภาคชุมชน
โดยวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตร ถือหุ้น 40% ภาคเอกชนถือหุ้น 60% โดยบริษัทเป็นผู้ลงทุนเครื่องจักรและยานพาหนะเพื่อจัดหาเชื้อเพลิง
รับซื้อพืชพลังงานจากสมาชิกเพื่อแปรรูป ขนส่ง และจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า
ให้ความรู้และส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน พืชปศุสัตว์
3.ภ าคการผลิตไฟฟ้า จะมีการจัดตั้งบริษัทในรูปแบบ บริษัท ไฟฟ้าประชารัฐ จำกัด แต่ละชุมชนเช่นเดียวกัน โดยรัฐ(รัฐวิสาหกิจพลังงาน) จะถือหุ้น 40% และเอกชนกับชุมชนถือหุ้น 60% ทำหน้าที่จัดเตรียมเอกชนยื่นขอขายไฟฟ้า ลงนามในสัญญาขายไฟฟ้า(PPA) และทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน จัดหาแหล่งเงินทุน เทคโนโลยี แผนการจัดหาเชื้อเพลิง บริหารโครงการและคัดเลือกเทคโนโลยี ขออนุญาตต่างๆ เกี่ยวกับกิจการโรงไฟฟ้า
ขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแย่งเชื้อเพลิงของแต่ละชุมชน ที่มีโรงไฟฟ้าและการนำเข้าเชื้อเพลิงชีวมวลต้นทุนต่ำจากต่างประเทศ กระทบราคาขายเชื้อเพลิงชีวมวล
ชีวภาพในชุมชน
จะจัดทำแผนการจัดหาเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้าชุมชนมีความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบป้องโรงไฟฟ้า
จะดำเนินการภายใต้ระบบพันธะสัญญา หรือ Contract
Farming ด้วยการกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำเป็นหลักประกันด้านรายได้ให้กับชุมชน
การรับซื้อเชื้อเพลิงตามราคาตลาดแต่ไม่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่ภาครัฐกำหนด
เน้นซื้อเชื้อเพลิงจากชุมชน และรับซื้อจากพื้นที่อื่นมาเสริมตามสัดส่วนที่รัฐกำหนด
ในการนี้กระทรวงพลังงานตั้งเป้าให้โรงไฟฟ้าชุมชนเกิดขึ้นทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้กระจายสู่เศรษฐกิจฐานราก ขณะเดียวกันถ้า กฟภ.สามารถรับซื้อไฟฟ้าได้ตามแผนที่ 700 เมกะวัตต์ จะเกิดการลงทุนใหม่โรงไฟฟ้าชุมชนเป็นวงเงินรวมสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท