ลงทุนเมียนมาต้องรู้! กฎหมายกำกับดูแลเขตอุตสาหกรรมฉบับใหม่
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐสภาเมียนมาได้อนุมัติการออกกฎหมายเขตอุตสาหกรรม
(Industrial Zone Law) ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะทางด้านการกำกับดูแลเขตอุตสาหกรรมฉบับแรกของเมียนมา
โดยในปัจจุบันเมียนมามีเขตอุตสาหกรรม 63 แห่งทั่วประเทศ
โดยกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารจัดการเขตอุตสาหกรรม
ป้องกันปัญหาการเก็งกำไรจากราคาที่ดิน ตลอดจนป้องกันปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยกฎหมายดังกล่าวได้มีการมอบอำนาจให้หน่วยงานที่กำกับดูแลลงโทษผู้ที่ทำให้เกิดมลพิษหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผู้ที่เก็งกำไรที่ดิน อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพในการกำกับดูแลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งยังต้องมีการออกกฎหมายลูกอื่นๆ และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่างๆ ต่อไป
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้กฎหมายเขตอุตสาหกรรมฉบับนี้
ได้มีการตั้งคณะกรรมการกลาง (Union-Level
Central Committee) และคณะกรรมการระดับภูมิภาค (Regional
Committee) เพื่อกำกับดูแลการบริหารจัดการ โดยกฎหมายได้กำหนดความรับผิดชอบคณะกรรมการระดับต่างๆ
ไว้ เพื่อกำกับดูแลการอนุญาตการดำเนินกิจการในเขตอุตสาหกรรม
รวมทั้งเพื่อควบคุมไม่ให้นักลงทุนเข้าครอบครองที่ดินสำหรับการเก็งกำไร
นอกจากนี้กฎหมายเขตอุตสาหกรรม ยังมีการกำหนดเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการสร้างระบบบริหารจัดการในการควบคุมมลพิษและการกำจัดของเสียอย่างเหมาะสม
โดยนักลงทุนจะต้องรับผิดตามกฎหมายถ้าไม่สามารถบริหารจัดการกำจัดของเสียได้
หากอยู่เขตอุตสาหกรรมที่ไม่มีบริการระบบกำจัดของเสียรวมอยู่ด้วย
สำหรับข้อกำหนดที่สำคัญอีกประการหนึ่งของกฎหมายฉบับนี้
ก็คือมาตราที่ 34(b) ซึ่งกำหนดให้ผู้พัฒนาโครงการจะต้องส่งแผนงานโครงการพร้อมกับกำหนดวันแล้วเสร็จ
ให้แก่เจ้าหน้าที่ภายใน 6 เดือน หากไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายจะต้องเสียค่าปรับร้อยละ
10 ของราคาที่ดิน รวมทั้งถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรืออาจจะมีโทษถึงจำคุก
กฎหมายสกัดการกว้านซื้อที่ดินเก็งกำไร
ด้านบริษัทวิจัยทางด้านธุรกิจและการลงทุน
Colliers Myanmar คาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะช่วยฟื้นฟูและจัดระเบียบการใช้ที่ดิน
เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ทางด้านอุตสาหกรรม โดยควบคุมและขจัดนักเก็งกำไรจากราคาที่ดิน
โดยที่ผ่านมาคนรวยในประเทศเมียนมา มักนำเงินไปซื้อที่ดินในพื้นที่ที่ถูกกำหนดเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรม
โดยไม่ได้มีการประกอบธุรกิจใดๆ
แต่ซื้อเก็บไว้เพื่อเพียงหวังที่จะขายที่ดินในราคาที่สูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งในช่วงระหว่างปี
2534 จนถึง 2559 มีการซื้อขาย/โอนเปลี่ยนกรรมสิทธิที่ดินภายในประเทศรวมประมาณ
2 ล้านเฮกตาร์ (หรือประมาณ 12.5 ล้านไร่)
แต่มีการใช้ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมค่อนข้างน้อย
เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินมีการจัดสรรตลอดช่วงเวลาดังกล่าว
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรจากราคาที่ดิน โดยในปัจจุบันประเทศเมียนมามีเขตอุตสาหกรรมที่ดำเนินการอยู่
63 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่รวม 25,425 เอเคอร์
ในทุกรัฐและภาค (ยกเว้นเพียงในรัฐชินที่ไม่มีเขตอุตสาหกรรม) และมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในภาคย่างกุ้ง
คิดเป็นสัดส่วน 65% ของนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดในประเทศเมียนมา
นอกจากนี้บริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย Zico Law ได้วิเคราะห์ว่า
กฎหมายฉบับนี้มีการจัดลำดับชั้นที่ชัดเจนขึ้นในการจัดการเขตอุตสาหกรรมในเมืองย่างกุ้ง
โดยก่อนหน้านี้เขตอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะอยู่ในการควบคุมในการปกครองระดับท้องถิ่น
ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ช่วยสร้างการกำกับดูแลเขตอุตสาหกรรม โดยมีขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารจัดการ
ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่จะสร้างความมั่นใจว่า
คณะกรรมการบริหารได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างเหมาะสม พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลที่มีศักยภาพในการพัฒนาเขตอุตสาหกรรม
โดยจะต้องมีการตรวจสอบงบประมาณด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามโครงสร้างของคณะกรรมการกำกับดูแลนั้น
ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐและตัวแทน บริษัทเอกชน
ซึ่งอาจนำไปสู่ผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้น ทั้งนี้คณะกรรมการมีอำนาจตามกฎหมายในการออกคำเตือนและสั่งปรับ
ตลอดจนกำกับดูแลการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและการกำจัดของเสีย ซึ่งอาจทำให้กลุ่มนักลงทุนที่ร่วมเป็นคณะกรรมการมีอำนาจในการกำกับดูแลตัวเองในระดับหนึ่งด้วย
แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง