ประเด็นเรื่องการหลอกลวงให้ร่วมทำธุรกิจยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เดินหน้าตรวจสอบนิติบุคคลที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย พบนิติบุคคลขาดการส่งงบการเงินเกิน 3 ปีติดต่อกัน จำนวน 8,519 ราย ไม่ชำระบัญชีให้เสร็จ จำนวน 3,959 ราย เข้าข่ายเป็นห้างหุ้นส่วนบริษัทร้าง โดยนายทะเบียนจะพิจารณาดำเนินการขีดชื่อนิติบุคคลออกจากทะเบียนเพื่อปรับปรุงฐานข้อมูล และป้องกันการใช้ชื่อนิติบุคคลที่มิได้ทำการค้ามาหลอกลวงประชาชน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร
ออกจากทะเบียนจำนวน 8,519
ราย ด้วยเหตุจาก 'ไม่นำส่งงบการเงิน' ย้อนหลังนานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปีงบการเงิน 2558-2560
ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว
นอกจากนี้ยังพบนิติบุคคลที่ 'จดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่ดำเนินการชำระบัญชี' ให้เสร็จสิ้น จำนวน 3,959 ราย ซึ่งกรมฯ
จะประกาศรายชื่อนิติบุคคลดังกล่าวผ่าน www.dbd.go.th หัวข้อ
คู่มือทำธุรกิจ เลือกบริการข้อมูล เลือกจดทะเบียนธุรกิจ
และเลือกประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน
โดยการดำเนินการในครั้งนี้เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน
สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูล และป้องกันความเสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
ทั้งนี้ นิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ
จะประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดดำเนินการในแนวทางเดียวกัน
สำหรับ "นิติบุคคลที่เข้าข่ายจะถูกขีดออกจากทะเบียน
กรมฯ ได้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาจากมูลเหตุหรือข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบกิจการแล้วโดยพิจารณาจาก
ใน 2 ประเด็นคือ
1.นิติบุคคลที่ไม่นำส่งงบการเงินต่อกรมฯ
เพื่อแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินกิจการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
นับตั้งแต่ปีปัจจุบันย้อนหลังไป 3
ปีติดกัน
2.นิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้การชำระบัญชีเสร็จสิ้นภายใน 3 ปี ส่งผลให้ชื่อของนิติบุคคลนั้นยังคงค้างอยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนของกรมฯ ซึ่งทำให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกับจำนวนนิติบุคคลที่ยังมีตัวตนอยู่ในปัจจุบัน มากไปกว่านั้นอาจส่งผลต่อประชาชน ผู้ร่วมค้า หรือผู้ร่วมลงทุนที่อาจเข้าใจผิดว่านิติบุคคลเหล่านั้นยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ และก่อให้เกิดความเสียหายจากการทุจริตหลอกลวงตามมา
ทั้งนี้ เมื่อนิติบุคคลได้ถูกถอนทะเบียนร้างแล้วจะถือว่าสิ้นสภาพนิติบุคคล แต่ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีต่อไป อย่างไรก็ดีนิติบุคคลอาจฟื้นคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน
ทั้งนี้ ปัญหาการก่ออาชญากรรมด้านการหลอกลวงให้ร่วมทำธุรกิจ
หรือการสร้างความน่าเชื่อให้กับธุรกิจที่ ไม่มีตัวตน
โดยอ้างว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขึ้นจริงจนเกิดคดีความฟ้องร้องกันเป็นจำนวนมาก
จึงขอแนะนำไปยังผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนทั่วไปจะต้องตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลก่อนการลงทุนหรือดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจทุกครั้งผ่าน
3 ช่องทาง คือ
1) สายด่วน 1570
2) www.dbd.go.th หัวข้อ
DBD Datawarehouse และ
3) Application 'DBD e- Service' ผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็คสถานะนิติบุคคลได้ตลอด 24 ชั่วโมง