หนุ่มสาวชาวออฟฟิศคงคุ้นหูกับ 'ออฟฟิศซินโดรม' กันเป็นอย่างดีและคงจะรู้กันดีด้วยว่า 'อาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่' จากการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนี้ แต่ถึงจะรู้สาเหตุ หลายๆคนก็ยังเลือกที่จะปล่อยไว้ คิดว่ากินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้น ไปนวดเดี๋ยวก็หาย โดยไม่ได้คำนึงเลยว่าการละเลยอาการปวดเหล่านี้ อาจนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงยิ่งกว่าอย่าง 'โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท' ได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นพ.พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์
แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2
อธิบายว่า คนทำงานออฟฟิศที่มักจะนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน ร่างกายใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ
ๆ ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวมากเกินไปจนเกิดเป็นอาการปวด มักเป็นกันมากบริเวณคอ ไหล่
และหลัง จึงเรียกกลุ่มอาการเหล่านี้ว่าออฟฟิศซินโดรม ซึ่งหากผู้ป่วยยังปล่อยปละละเลย
ทำพฤติกรรมการนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ จนอาการปวดรุนแรงขึ้น
ควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม เพราะอาจมีสาเหตุมากกว่าการปวดกล้ามเนื้อ
แต่มาจากกระดูกสันหลังเสื่อม
หรือหมอนรองกระดูกปลิ้นมากดทับเส้นประสาทที่อยู่ข้างเคียง
ซึ่งหากไปกดทับประสาทส่วนที่เชื่อมโยงกับอวัยวะไหน
ก็จะทำให้ปวดร้าวลงไปถึงส่วนนั้น โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจะมีอาการที่รุนแรงกว่าโรคออฟฟิศซินโดรม
ปวดทรมานจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
และหากปล่อยไว้นานจนเส้นประสาททำงานได้น้อยลงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ไปจนถึงไม่สามารถควบคุมแขนขาได้"
สำรวจอาการแบบไหนที่เริ่มไม่ใช่แค่ออฟฟิศซินโดรม
?
รู้สึกปวด เมื่อย ตึงกล้ามเนื้อ
ก็มักจะทึกทักว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม
แต่แท้จริงแล้วอาการปวดบางอย่างอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า
นี่ไม่ใช่แค่โรคออฟฟิศซินโดรมธรรมดาทั่วไป หากมีอาการดังต่อไปนี้
อาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแล้ว!
- มีอาการปวดหลังยาวนานกว่า 2-4 สัปดาห์
- หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณเอว
คนไข้จะมีอาการปวดหลังร้าวลงขา อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง
หากปล่อยทิ้งไว้จนเป็นหนักขึ้น กล้ามเนื้อขาจะอ่อนแรง ควบคุมการเดิน
และการขับถ่ายไม่ได้
- หากมีการกดทับเส้นประสาทบริเวณต้นคอ
คนไข้จะมีอาการปวดคอร้าวลงแขน แขนอ่อนแรง หรือชา
ไปจนถึงไม่สามารถควบคุมการใช้มือได้
- เวลาไอ จาม หรือเบ่งจะรู้สึกปวดลึก
เนื่องจากเกิดแรงดันในไขสันหลัง
ถ้าสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ หากสงสัยว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์จะส่งคนไข้เข้ารับการตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อวินิจฉัยดูความรุนแรงและหาแนวทางในการรักษา ซึ่งมีหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากแพทย์อาจแนะนำให้ทานยา และทำกายภาพบำบัด แต่หากผู้ป่วยมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด
ทุกอย่างป้องกันได้ 'แค่เปลี่ยนพฤติกรรม'
- ยืนเส้นยืนสายให้บ่อย
เพราะอาการป่วยของโรคเหล่านี้เกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ จึงควรพักทุก 1
ชั่วโมง ขณะพักควรลุกขึ้นขยับร่างกาย และยืดกล้ามเนื้อ
เพื่อเป็นการพักไม่ให้กล้ามเนื้อตึงเกินไปจนเกิดอาการปวด
- ปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง รวมไปถึงปรับอุปกรณ์ในออฟฟิศให้เหมาะกับศีรษะ
ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ หรือการจัดวางคอมพิวเตอร์ล้วนมีผลต่อท่านั่ง
ควรปรับองศาให้พอดี ไม่รู้สึกว่าต้องยกตัวหรือโน้มตัวจนเกินไปเวลาทำงาน
เวลานั่งเท้าต้องวางบนพื้นได้พอดี หากไม่ถึงควรมีที่รองเท้ามาช่วยเสริม
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
ทำให้โอกาสเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมน้อยลง
แต่ไม่ควรเล่นกีฬาที่เอ็กซ์ตรีมมากจนเกินไป เพราะการบิดตัวอย่างรวดเร็วและกะทันหัน
มีส่วนทำให้หมอนรองกระดูกเกิดการเสื่อมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่คนทำงานออฟฟิศเท่านั้นที่เสี่ยงเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม
และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
แต่คนที่ใช้งานร่างกายหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องบ่อย ๆ
หรือใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง เช่น พนักงานขับรถ พนักงานยกของ
พนักงานช่างที่ต้องใช้งานกล้ามเนื้อ
หรือนั่งอยู่ในท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และมีการ ก้ม เงย บิด หลัง
หรือคอ เป็นเวลานาน
แนะนำให้ทุกคนหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกาย หากเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตามบริเวณต่าง ๆ อย่าปล่อยทิ้งไว้ ลองสังเกตพฤติกรรมของตัวเองว่ากิจกรรมใดที่เป็นสาเหตุของอาการปวดเมื่อย ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จึงจะสามารถหายขาดจากอาการปวด และป้องกันตัวเองจากโรคเหล่านี้ได้