ไทยเราติดอันดับ 6
ของประเทศในเขตอาเซียนที่ทิ้งขยะลงทะเล
อันมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและเสี่ยงต่อการทำให้สัตว์ทะเลสูญพันธุ์
จนนำมาสู่นโยบายการเลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วอย่างจริงจัง
พร้อมขับเคลื่อนผลักดันให้ประเทศไทยจัดการขยะพลาสติก โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในปี
2565
ขณะเดียวกันประเทศไทยก็เป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกเป็นสินค้าส่งออกสำคัญด้วย ในปี 2562 ไทยมีมูลค่ารวมที่เกิดจากการส่งออกเม็ดพลาสติกไปต่างประเทศสูงถึง 284,262.12 ล้านบาท โดยส่งไปประเทศจีนที่มีความต้องการใช้มากเป็นอันดับ 1 มีมูลค่าสูงถึง 99,353.09 ล้านบาท รองลงมาเป็นประเทศ ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สืบเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ทำอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่นมากมายและก่อเกิดมูลค่ามหาศาล
โดยผลผลิตของปิโตรเคมี คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนเราทั่วไป เช่น สารเคมี ผงซักฟอก เรซิน ยางสังเคราะห์
ใยสังเคราะห์ ฯลฯ
และในขั้นปลายของกระบวนการผลิต จะได้เป็นเม็ดพลาสติกที่ไปช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่องได้อีกหลายประเภท
อาทิเช่น อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก
อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ฯลฯ โดยเม็ดพลาสติกที่ผลิตได้ 58 %
จะถูกนำมาป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมในประเทศและส่งออกต่างประเทศ 42%
ประโยชน์ของเม็ดพลาสติก/ประโยชน์ของพลาสติก
ก่อนจะมาเป็นพลาสติกต่างๆ
ที่เห็นอยู่ทั่วไป เม็ดพลาสติกคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
โดยที่เราอาจไม่รู้มาก่อนก็ได้ว่า สิ่งต่างๆ ที่คุ้นเคยดีในชีวิตประจำวันจะทำมาจากเม็ดพลาสติก
ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ถุงหูหิ้วพลาสติกเพียงอย่างเดียว ซึ่งจุดกำเนิดตั้งต้นของพลาสติกในโลกมนุษย์นั้นมาจากปิโตรเคมี
อันเป็นผลิตผลที่ได้จากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม
โดยมีเม็ดพลาสติกหลายเกรดเป็นผลผลิตปลายทาง แต่ที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมขับเคลื่อนประเทศชาติ มีอยู่ 7 ชนิดด้วยกัน คือ เม็ดพลาสติกชนิด PE, PP, PS,
PVC และ ABS แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป
การนำไปใช้จึงต้องพิจารณาจากคุณสมบัติพลาสติกหลักว่าควรจะนำไปใช้ในงานใดจึงจะเหมาะสม
เม็ดพลาสติก ทั้ง 5 ชนิดจะแบ่งการใช้ประโยชน์หรือการนำไปใช้ ดังนี้
1. PE (Polyethylene) นิยมใช้กันมากที่สุด
เป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติให้ไอน้ำผ่านได้เล็กน้อย แต่อากาศสามารถเข้าออกได้ดี
มีความขุ่นมัว และทนร้อนได้ในระดับหนึ่ง
จึงถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ผลิต ท่อ ถัง
ขวด แท่นรองรับสินค้า ถุงเย็น ถุงใส่อาหารแช่แข็ง ขวด หลอด
และบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
2. PP (Polypropylene) เหมาะสำหรับการทำบรรจุภัณฑ์พลาสติกและเครื่องใช้ไฟฟ้า
มีคุณสมบัติให้น้ำซึมผ่านได้เล็กน้อย แข็งกว่า เม็ดพลาสติก PE จึงทนต่อสานชนิดที่เป็นไขมันและทนความร้อนได้สูง
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงนำมาใช้ในงานแผ่นพลาสติก ถุงร้อนบรรจุอาหาร
เปลือกของแบตเตอรี่ ถังพลาสติก แผงหน้าปัด เชือกและของเด็กเล่น
3. PS (Polystyrene) เมื่อนำมาผลิตพลาสติกแล้วจะได้ลักษณะโปร่งใส
มีความเปราะบาง แตกหักง่ายแต่ทนการกัดกร่อนหรือกรดด่างได้ดี มีคุณสมบัติเด่น คือ
ไอน้ำและอากาศซึมผ่านได้พอสมควร จึงถูกนำไปใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ในสำนักงาน
4. PVC (Poly Vinyl Choloride) มีคุณสมบัติให้น้ำและอากาศซึมผ่านได้พอสมควร
ป้องกันไขมันได้ดี จึงนิยมนำไปใช้ในงานก่อสร้าง หรือทำขวด ภาชนะบรรจุไขมัน
น้ำมัน รวมไปถึงขวดบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง
ๆ รวมไปถึงรองเท้าและหนังเทียมด้วย
5. ABS (Acrylonitrile Butadiene
Styene Resin) มีความทนแรงกระแทกและสารเคมีได้ดี
จึงถูกนำไปใช้ผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์
รวมไปถึงหมวกกันน็อกด้วย
ภายใต้การนำมาใช้ประโยชน์ดังกล่าว
ยังแบ่งเม็ดพลาสติกออกเป็น 2 ประเภท คือ
v เม็ดพลาสติกในส่วนคืนรูปได้ (Termoplastic) ที่สามารถนำกลับมาหลอมขึ้นรูป Reuse ใช้ได้อีกครั้ง
เช่น ถึง ฟิล์ม ขวด ภาชนะพลาสติก ฯลฯ
v พลาสติกคงรูป (Thermosetting) เป็นพลาสติกที่ไม่สามารถนำมาหล่อหลอใหม่ได้ มีความทนร้อนได้ในอุณหภูมิสูง พลาสติก เช่น โพลีเอสเตอร์ ไฟเบอร์กลาส วัสดุเคลือบผิว เมลามีน ที่นำมาใช้ทำเครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์ เครื่องมือ จาน ชามและเก้าอี้ - ไครลิก ไฟเบอร์ นำมาใช้ทำ เสื้อถักไหมพรม ผ้าห่ม และถุงเท้า เป็นต้น
นี่จึงเป็นที่มาของพลาสติกที่เข้ามาพัวพันกับชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกอย่างแนบเนียน
โดยที่พวกเขาอาจไม่รู้ตัวหรือเฉลียวใจเลยก็ได้ว่า แม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ ส่วนหนึ่งของเส้นใยก็ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาจากเม็ดพลาสติก
ดังนั้นต่อให้เทรนด์รักษ์โลก กระแสแอนตี้พลาสติกจะมาแรงแค่ไหน
อุตสาหกรรมไทยและอุตสาหกรรมโลกก็ยังต้องพึ่งพาชิ้นส่วนที่ผลิตจากพลาสติกเหล่านี้
เพราะยังไม่สามารถหาวัสดุอื่นมาใช้งานแบบทดแทนกันได้ หากการนำมาใช้นั้นอยู่บนจิตสำนึกดีลดในสิ่งที่ไม่จำเป็นไม่ใช้ฟุ่มเฟือย
อย่างลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้งลงไป
ก็เชื่อว่ามลพิษขยะและสิ่งแวดล้อมโลกโดยรวมแล้วจะดีขึ้นจากการช่วยกันลดการใช้และนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้ 100%.
แหล่งอ้างอิง :
https://www.srgplastic.com/plastic_beads.html#