ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้พยายามผลักดันที่กฎหมายค้าปลีกค้าเผื่อการผลักดันให้การค้าปลีก
ค้าส่ง
ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายให้ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมในการค้าไม่ว่าจะรายขนาดเล็กหรือรายใหญ่
ทั้งป้องกันการผูกขาดทางการค้า ล่าสุดก็มีข่าวดี โดยคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า หรือ กขค. ได้ออกกฎหมาย “ไกด์ไลน์ค้าปลีก”
โดยกำหนด 8 พฤติกรรมต้องห้าม
ที่อาจเข้าข่ายไม่เป็นธรรมทางการค้าระหว่างผู้ค้าส่งค้าปลีก
กับผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้าและมีผลบังคับใช้แล้วในขณะนี้
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และโฆษกคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2562 ที่ผ่านมา ประกาศคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เรื่องแนวทางพิจารณาการปฏิบัติการค้าที่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกับผู้ผลิต หรือผู้จำหน่าย พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้แล้ว โดยในประกาศดังกล่าว ได้กำหนด 8 พฤติกรรมที่ห้ามกระทำในการปฏิบัติทางการค้าของผู้ประกอบการค้าส่ง ค้าปลีกที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายอย่างไม่เป็นธรรม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
8 พฤติกรรมต้องห้ามทำประกอบด้วย
1.การกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรม เช่น
การกดราคารับซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายต่ำกว่าราคารับซื้อปกติ
2.การเรียกรับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม เช่น
การเรียกค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมการวางสินค้าพิเศษ ค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มหรือการขอส่วนลดในวาระพิเศษ
และการเรียกรับส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าได้ตามเป้า
3.การคืนสินค้าไม่เป็นธรรม เช่น
ผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกคืนสินค้าโดยไม่มีเหตุผลและไม่ใช่ความผิดหรือความบกพร่องของผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย
การคืนสินค้าที่มีการสั่งซื้อในปริมาณมากเพื่อหวังส่วนลดทางการค้า การคืนสินค้า
เพราะมีการปรับปรุงร้านค้าหรือคลังสินค้า
4.การใช้สัญญาการฝากที่ขายที่ไม่เป็นธรรม เช่น
บังคับให้ผู้ผลิตหรือจำหน่ายเฉพาะรายทำสัญญาฝากขายแทนการทำสัญญาซื้อขายตามปกติ
เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกได้รับผลตอบแทนเหมือนสัญญาซื้อขาย
5.การบังคับให้ซื้อหรือจ่ายค่าบริการอย่างไม่เป็นธรรม
เช่น
การบังคับผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายให้ซื้อสินค้าบางส่วนหรือทั้งหมดอย่างไม่เป็นธรรม
6.การมอบหมายให้พนักงานของผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายปฏิบัติงานอย่างไม่เป็นธรรม
เช่น บังคับให้มีพนักงานประจำ ณ ที่จำหน่ายของผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีก
โดยมีเจตนาเพื่อลดค่าใช้จ่ายของตน ยกเว้นได้รับการยินยอมจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย
7.การปฏิเสธการรับสินค้าที่สั่งซื้อหรือผลิตเป็นพิเศษของผู้สั่ง
(Private Brand) หรือเป็นตราเฉพาะของผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีก
(House Brand) โดยไม่มีเหตุผล
8.การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมอื่นๆ เช่น ถอดสินค้าออกจากชั้นวางอย่างไม่มีเหตุผลอันสมควร การนำข้อมูลหรือความลับทางการค้าของคู่ค้าเพื่อผลิตสินค้าตราของตนเองแล้วนำมาวางจำหน่ายแข่งขันกับตราสินค้าปกติ
การออกประกาศฉบับนี้
เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
เป็นการจัดระบบการค้าให้มีธรรมาภิบาล และสร้างบรรทัดฐานการปฏิบัติการค้าที่ชัดเจน
ถูกต้อง ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานทางการค้าระหว่างผู้ผลิต ซัปพลายเออร์ ผู้จำหน่าย
กับผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีก และขอย้ำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาพฤติกรรมที่ห้ามกระทำให้ถ่องแท้
เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจะมีโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำผิด
โดยสามารถดูรายละเอียดของประกาศได้ที่ www.otcc.or.th”
นายสันติชัยกล่าว