สำหรับนั่งวิ่ง ‘รองเท้าคู่ใจ’
ก็เปรียบเหมือนกระบี่ของจอมยุทธ์ ดังนั้นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสม รองรับเฉพาะบุคคลจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือกรองเท้าวิ่งสักคู่ หลายคนอาจจะเริ่มตาลาย
เพราะตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬามีรองเท้าให้เลือกมากมายหลายประเภท
ลองมาดูกันว่า เราจะมีวิธีเลือกรองเท้าวิ่งอย่างไร เพื่อให้การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย และสร้างสุขภาพให้แข็งแรงอย่างแท้จริง สิ่งที่ต้องพิจารณาประกอบการตัดสินใจเลือกรองเท้าวิ่งสักคู่คือ ลักษณะเท้า รูปแบบการวิ่ง ระยะทาง และสถานที่วิ่ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รองเท้าวิ่งแบ่งประเภทหลักๆ ดังนี้
- Neutral running shoes เป็นรองเท้ารูปแบบปกติที่เห็นกันทั่วไป พื้นรองเท้ามีความหนาแตกต่างกันหลายระดับ
- Motion control running shoes เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ่าเท้าแบน
ซึ่งมักมีลักษะการวางเท้าแบบเน้นลงน้ำหนักที่ปลายเท้าด้านในและส้นเท้าด้านนอก
ซึ่งจะทำให้ข้อเท้าเอียงเข้าด้านใน เพราะเป็นรองเท้าที่พื้นบริเวณส้นเท้ามีความหนา
และมีการซัพพอร์ตช่วงโค้งมนของเท้า
ซึ่งจะช่วยประคองข้อเท้าไม่ให้หมุนบิดมากเกินไปในขณะที่วิ่ง รองเท้าชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มวิ่ง
วิ่งจ็อกกิ้งเพื่อสุขภาพ วิ่งครั้งละไม่เกิน 10 กิโลเมตร
- Cushion running shoes เหมาะสำหรับคนที่อุ้งเท้าสูง ข้อเท้าโก่ง ซึ่งจะทำให้เวลาวิ่ง
น้ำหนักจะลงที่ฝ่าเท้าด้านนอกมากกว่าด้านใน รองเท้าแบบนี้จะช่วยดูดซับแรงกระแทก
ซัพพอร์ตช่วงโค้งมนของเท้า ช่วยประคองให้การวางเท้าอยู่ในลักษณะปกติ
- Stability running shoes เป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยม เพราะรวมเอาลักษณะของรองเท้าแบบ Motion Control และ Cushion ไว้ด้วยกัน
ซึ่งจะช่วยประคองข้อเท้าให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม เหมาะสำหรับคนที่มีข้อเท้าตั้งตรง
อุ้งเท้าปกติ
- Lightweight running shoes เป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบาและรูปทรงเพรียวบาง
ลดการยกกระชับส้นเท้าลง เพื่อลดผิวสัมผัสระหว่างพื้นกับรองเท้า
ช่วยให้วิ่งได้เร็วขึ้น เหมาะสำหรับการแข่งขันวิ่งระยะสั้น
เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์แข่งขันวิ่งระยะสั้น
- Trail running shoes
พื้นรองเท้ามีดอกยางหนา
ช่วยปกป้องเท้าไม่ให้ได้รับอันตราย และยึดเกาะพื้นขรุขระได้ดี
เหมาะสำหรับนักวิ่งทางวิบาก
- Minimal shoes เป็นรองเท้าที่ไม่มีการซัพพอร์ตส่วนโค้งมนของเท้า พื้นบาง-เรียบ พื้นรองเท้ามีความสูงเสมอกัน เหมาะสำหรับนักวิ่งที่กำลังเปลี่ยนรูปแบบเป็นการวิ่งเท้าเปล่า ซึ่งเป็นรูปแบบการวิ่งที่ได้รับความสนใจจากการจุดประกายของ โยชิโนะ ซึโยชิ กูรูการวิ่งเท้าเปล่าชาวญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าการวิ่งเท้าเปล่าเป็นการวิ่งที่เป็นธรรมชาติและดีต่อสุขภาพ
เทคนิคในการเลือกและดูแลรักษารองเท้าวิ่ง
- เลือกซื้อที่ร้านขายรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ
หรือร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬา
เพราะจะมีพนักงานที่มีความรู้เกี่ยวกับรองเท้าวิ่งช่วยให้คำแนะนำ
- อย่าเลือกรองเท้าที่ขนาดพอดีเท้าจนเกินไป
เพราะอาจเกิดการเสียดสีและบีบรัดเท้า ทำให้เกิดการบาดเจ็บตามข้อและนิ้วเท้า
และระบบการไหลเวียนเลือดไม่คล่องตัว แต่ถ้ารองเท้าหลวมเกินไป ตอนวิ่งเท้าขยับไปมาหน้าหลัง
ทำให้เสียดสีและเท้าพองได้ ควรเลือกรองเท้าที่ส่วนปลายยาวกว่านิ้วเท้าประมาณครึ่งนิ้ว
- เลือกรองเท้าที่มีความยืดหยุ่นกำลังพอดี
ทดสอบได้โดยการดึงปลายรองเท้าด้านหน้าเข้ามาชนกับส้นรองเท้าเบาๆ หลีกเลี่ยงรองเท้าที่พื้นอ่อน
งอตัวมาก เพราะอาจะทำให้เท้าได้รับบาดเจ็บ
- เวลาใส่และถอดรองเท้าวิ่ง
ให้ใช้วิธีแก้เชือกออก อย่าเหยียบส้น เพราะจะทำให้ส้นรองเท้าเสียหาย
และรองเท้าเสียรูปทรงได้
- ถ้าวิ่งเป็นประจำทุกวัน
ควรมีรองเท้าวิ่งไว้สลับกัน 2 คู่ แต่ถ้าใช้คู่เดียว
หลังวิ่งควรปล่อยรองเท้าทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
เพื่อช่วยให้ส่วนที่รองรับการกระแทกคืนตัวสู่สภาพเดิม
- หลีกเลี่ยงการวิ่งขณะรองเท้าเปียก
เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการลดแรงกระแทกน้อยลง
สิ่งสำคัญที่จะทำให้การวิ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากการเลือกและดูแลรักษารองเท้าวิ่งอย่างเหมาะสมแล้ว นักวิ่ง โดยเฉพาะมือใหม่หัดวิ่ง ควรเรียนรู้วิธีการวิ่งที่ถูกต้อง รวมทั้งการวอร์มร่างกายก่อนวิ่งอีกด้วย
วิ่งแล้วปวดเข่า ปวดหลัง อย่าโทษรองเท้า
3 เส้นทางสวรรค์สำหรับปั่นจักรยาน