คนไทยให้ความสำคัญกับ‘ความปลอดภัย’ในสังคมดิจิทัล

เชื่อว่าคงมีบ้างที่เคยสงสัยว่า แอพพลิเคชั่นที่เราใช้อยู่ติดเครื่องแอบฟังไว้รึเปล่า เพราะดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นอาทิ ตอนที่ใช้งานโซเชียลมีเดีย โฆษณาก็ปรากฏเรื่องที่เราเพิ่งคุยกับเพื่อนๆ ไปเมื่อเช้า   

เปล่า !!! อย่าไปเชื่อ นั่นมันเทคโนโลยีของซีไอเอ  ดังนั้นไม่ได้ติดตั้งเครื่องดักฟัง และไม่จำเป็นต้องติด เพราะการติดยอมให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูล นั่นเท่ากับว่าเราโดนเก็บสถิติไปแล้ว ดังนั้นทุกความสนใจของเราจะถูกบันทึกโดยข้ออ้างอาทิเพื่อการตรวจสอบตัวตนในแบบต่างๆ แต่เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าโดนก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว ผู้ให้บริการด้านดิจิทัล เลยพยายามทำทุกทางเพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าปลอดภัยและ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีจะไม่ไปปรากฏในที่อื่นเด็ดขาด

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

แล้วจริงๆ คนส่วนใหญ่ในไทยเชื่อมั่นแค่ไหน

สิ่งที่ผู้ให้บริการดิจิทัลต้องพัฒนาหรือเพิ่มเติมให้ดีก็คือ แนวทางการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจที่ดีขึ้น จากข้อมูลเชิงลึกจากผู้บริโภคเกือบ 6,000 รายและองค์กรธุรกิจ 590 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ปรากฏในรายงานประจำปีของเอ็กซพีเรียน บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลชั้นนำของโลก  ที่ได้รายงาน ผลการวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาจากกลุ่มผู้บริโภค 546 รายและกลุ่มธุรกิจซึ่งเป็นบริษัท 50 แห่งในประเทศไทย ที่เข้าร่วมตอบผลวิจัยในครั้งนี้

จากรายงานพบว่าผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่  69%  ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของประสบการณ์การใช้งานออนไลน์ ตามด้วย 'ความสะดวกสบาย'  20% และ 'ความชอบเฉพาะบุคคล' 11%

นอกจากนี้ ยังพบว่าธุรกิจในประเทศไทย 40% ได้ประสบกับความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตทางออนไลน์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการขโมยบัญชีใช้งานและเปิดบัญชีปลอม

จากผลการสำรวจพบว่า 66% ของผู้บริโภคในประเทศไทยรู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลในสังคมดิจิทัลของตัวเอง แลกกับความสะดวกสบายนั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว โดยที่พบว่า 63% ของธุรกิจในประเทศไทยเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นเพื่อพัฒนาประสบการณ์หรือเพื่อใช้ในการนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ในขณะที่วิธีการรักษาความปลอดภัยที่ใช้อยู่ในองค์กรปัจจุบันยังคงเป็นเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม ผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่และโซลูชั่นพิสูจน์ตัวตนที่ล้ำสมัย ยกตัวอย่างเช่น

ระบบตรวจสอบตัวตนชีวมิติ (biometrics) ทั้งลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางพฤติกรรมแบบที่ผู้ใช้คุ้นเคยของธนาคารในประเทศไทย ซึ่งมีมาตรฐานในระดับที่สูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค 84% ของผู้บริโภคชาวไทยเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยแบบระบบตรวจสอบชีวมิติทางกายภาพ (physical biometrics) ของธนาคารออนไลน์ว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูง ในขณะที่ 80% ระบุว่ามีความเชื่อมั่นสูงต่อระบบการตรวจสอบทางชีวมิติแบบลักษณะทางพฤติกรรมการใช้งานของตนเอง

ความโปร่งใส เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จากรายงานการสำรวจพบว่า 93% ของผู้บริโภคชาวไทยคาดหวังเรื่องความโปร่งใสในทุกขั้นตอนจากธุรกิจว่าจะใช้ข้อมูลของพวกเขาอย่างไร  : ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแฟซิฟิค ซึ่งจากความต้องการดังกล่าว พบว่าองค์กรธุรกิจ 70% ในประเทศไทยที่สำรวจได้ลงทุนในโครงการที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความโปร่งใส

โดยมีอีก 76% ของธุรกิจดิจิทัลในประเทศไทยมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าว การลงทุนหรือความตั้งใจในการลงทุนเพื่อความโปร่งใสของธุรกิจในประเทศไทยถือเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรองจากเวียดนาม ตัวอย่างของการริเริ่มเหล่านี้ ได้แก่ การให้ความรู้แก่ผู้บริโภค การสื่อสารข้อตกลงอย่างชัดเจน และช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา

แม้จะเป็นผลสำรวจกลุ่มย่อย ที่ย่อมต้องที่ค่าความคลาดเคลื่อนบ้าง แต่ก็ยังถือว่าผู้ให้บริการด้านดิจิทัลในปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการและ ผู้ใช้บริการเองก็เชื่อมั่นมากและให้ความสำคัญมากเช่นกัน ขณะที่พระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทยพ.ศ.2562 ที่เพิ่งประกาศใช้ก็เป็นเรื่องดีๆ สำหรับการสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในโลกดิจิทัล