ท่ามกลางความท้ายทายใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในโลกการทำธุรกิจ
ที่มีความแข่งขันสูงในทุกวันนี้ จากแรงกระเพื่อมวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ปัญหาสงครามการค้า ค่าเงินบาทผันผวนตลอดเวลา วิกฤติไวรัสโควิด-19 ลามทั่วโลก และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามีบทบาทสำคัญต่อทุกภาคอุตสาหกรรมที่เปรียบเสมือนคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ทำให้บางธุรกิจเกิดการสั่นคลอนอย่างหนัก
โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ที่เป็นเสมือนแขนขาให้ผู้ผลิตรายใหญ่
ในฐานะผู้ป้อนชิ้นส่วน หรือวัตถุดิบในแต่ละสาขาอุตสาหกรรม ต่างทยอยปิดกิจการลงเพราะปรับตัวไม่ทัน
แต่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องสู้ต่อไป
แต่จะต่อสู้อย่างไรให้รอดนั้นมีหลากหลายทางออก โดยหนึ่งในนั้นคือ ผู้ประกอบธุรกิจต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ของไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
6 กลยุทธ์ที่ไม่มีวันหมดอายุ
การเปลี่ยนแปลงธุรกิจ SMEs สู่ระบบดิจิทัลนั้น
ไม่ได้เป็นแค่การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน
ธุรกิจต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์สูง เพราะด้วยสภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เป็นความท้าทายให้ผู้ประกอบการต้องพัฒนาปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต แข่งขันอยู่รอดต่อไปได้ แต่มีอยู่ 6
กลยุทธ์คลาสสิกต่อไปนี้ที่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็สามารถใช้เป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จได้
นั้นก็คือ
1. รู้จักคู่แข่ง ในฐานะผู้ประกอบการ SMEs จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่า ใคร คือ คู่แข่งทางธุรกิจ อีกทั้งยังต้องทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์หรือ บริการที่คู่แข่งกำลังเสนอ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง โดดเด่นจากคู่แข่งออกสู่ตลาดได้
2. อย่าเข้าหาตลาดใหญ่ในครั้งแรก ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นเปิดตัวธุรกิจ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง ในช่วงแรกนั้นควรหลีกเลี่ยงการขยายเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ แต่ควรเริ่มต้นทดลองจากตลาดเล็กๆ ดูก่อน หรือทำตามกำลังที่เราคิดว่าเอาอยู่ เพราะแม้เกิดความผิดพลาดก็ยังสามารถปรับตัว และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
3. ประหยัดเงินสด ไม่ว่าธุรกิจเล็กหรือใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ด้วยการพยายามรักษาเงินสดให้อยู่กับตัว เพื่อไว้เป็นทุนใช้จ่ายตั้งแต่รายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงเป็นทุนรอน สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินสามารถหยิบฉวยมาใช้ได้ทันเหตุการณ์ หากไม่มีเงินสดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ธุรกิจที่ลงทุนไปย่อมเกิดความชะงักชะงันและท้ายสุดต้องปิดกิจการลงเพราะขาดสภาพคล่องนั่นเอง
4. พัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เติบโตก้าวหน้าต่อไปได้ ผู้ประกอบการต้องไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ แม้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะเป็นสินค้าที่ดี มียอดขายดีอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงการพัฒนาของธุรกิจอยู่ตลอดเวลา โดยปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้มีตัวช่วยทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงมีเวลามากขึ้นในการคิดค้นปรับปรุงพัฒนาสินค้าของตัวเองเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคไม่หยุดยั้ง
5. รับฟังความคิดเห็นของลูกค้า ความคิดเห็นของลูกค้า คืออีกส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จก้าวหน้าต่อไปได้ เพราะลูกค้า คือผู้ทดลองใช้งานสินค้าตัวจริงของเรา และเป็นผู้สนับสนุนให้ธุรกิจของเราอยู่ต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ต้องนำมาวิเคราะห์พิจารณาให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราด้วย
6. ตอบรับการเปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้ปัจจัยแวดล้อมต่อการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ที่จะอยู่รอดได้ คือผู้ที่รู้จักยืดหยุ่นและปรับตัวต่อสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นได้ จุดเริ่มต้นแรกของเรา ย่อมไม่ใช่จุดสุดท้ายของการทำธุรกิจ วันนี้เป็นแบบนี้ แต่พรุ่งนี้อาจมีการเปลี่ยนไปแล้ว
แม้ว่าภาครัฐเดินหน้าอัดงบประมาณสนับสนุน SMEs อย่างเต็มกำลัง แต่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ SMEs ยังต้องพึ่งพาวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการ SMEs เองที่ตระหนักรู้และมีการเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากอิทธิพลของเทคโนโลยีดิจิทัล