“Air Orchids” ธุรกิจกล้วยไม้ไทย ที่เติบโตได้เพราะรู้จักต่อยอด
หนึ่งในปัญหาคลาสสิกของเกษตรกรไทย คือการขายผลผลิตได้ในราคาต่ำ และมักหยุดอยู่ที่การผลิตขั้นต้นโดยไม่มีการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้รายได้และโอกาสเติบโตถูกจำกัด ทว่า Air Orchids กลับเป็นกรณีศึกษาที่แตกต่างออกไป ด้วยการมองเห็นโอกาสในทุกช่องทางที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ ตั้งแต่รุ่นคุณตาคุณยายที่ทำฟาร์มกล้วยไม้ตัดดอก สู่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่พัฒนาห้องแล็บเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และส่งต่อให้รุ่นลูก โดย คุณพันธพัฒน์ คุ้มวิเชียร ที่มีบทบาทสำคัญในการต่อยอดธุรกิจที่ไม่เพียงขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั้ง Value Chain จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ แต่ยังต่อยอดไปสู่สินค้าและบริการเชิงไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะชาวไทยหรือชาวต่างชาติ
เปลี่ยน “กล้วยไม้” ให้กลายเป็นสินค้าที่เต็มไปด้วยคุณค่า
Air Orchids ไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายกล้วยไม้แบบดั้งเดิม แต่ลงทุนคิดค้น วิจัย และพัฒนาสายพันธุ์ใหม่กว่า 4,000 ชนิด โดยคัดเลือกพันธุ์ที่ออกดอกง่าย ทนทานต่อสภาพอากาศ และมีสีสันที่หลากหลาย ตั้งแต่โทนสีขาว ชมพู แดง ไปจนถึงการผสมสีที่ทำให้ในหนึ่งดอกมีหลายเฉดสีในกลีบเดียว ถือเป็นการสร้างกล้วยไม้รูปแบบใหม่ที่เพิ่มตัวเลือกให้ตลาด และทำให้ลูกค้าเห็นคุณค่าที่แตกต่างชัดเจนกว่าเดิม
หลังจากรุ่นคุณพ่อคุณแม่พัฒนาห้องแล็บและผสมพันธุ์ได้หลากหลาย Air Orchids จึงเปิด Air Orchid Supermarket เพื่อรวบรวมสินค้าที่พร้อมขายจากหลายฟาร์มไว้จุดเดียว ให้ลูกค้าต่างประเทศและผู้ค้าส่งเข้ามาเลือกได้สะดวก จากนั้นจึงขยายสู่ลูกค้าปลีก และใช้พื้นที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ สาธิตการจัดวาง การรับแสง การรดน้ำ–ใส่ปุ๋ย เพื่อลดความกังวลเรื่องการดูแลกล้วยไม้ของผู้ซื้อ
ด้านการจำหน่ายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ทีมงานออกแบบบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบเพื่อการจัดวางที่สวยงามและการขนส่งที่ปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ขยายบริการจัดส่งทั่วประเทศ
คุมห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ให้ครบวงจร จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ
สิ่งที่ทำให้ Air Orchids แตกต่างจากผู้ประกอบการกล้วยไม้ทั่วไป คือการสร้างระบบธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่ห้องแล็บเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ใช้เวลาถึง 2–3 ปีในการเพาะต้นกล้า การเลี้ยงจนออกดอก ไปจนถึงการขายผ่าน Air Orchids Supermarket ศูนย์กลางที่รวบรวมผลผลิตจากหลายฟาร์มเพื่อค้าส่งและค้าปลีก
เพื่อคงคุณภาพและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า กล้วยไม้ทุกต้นจะได้รับการตรวจสอบมาตรฐานด้วยระบบ QC และบาร์โคด นอกจากนี้ยังมีทีมบริการหลังจากขายให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น ศัตรูพืชรบกวน ต้นไม่โต หรือไม่ออกดอก ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ทันที
ในช่วงโควิด-19 Air Orchids ปรับงานขายสู่ช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ พร้อมตั้งทีมเฉพาะเพื่อดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการรับออร์เดอร์ การแพ็กสินค้า ไปจนถึงการจัดส่งถึงบ้าน จากนั้นได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยและผู้ให้บริการขนส่งเอกชนในการออกแบบกระบวนการจัดส่งที่เหมาะสม กำหนดวิธีปฏิบัติอย่างชัดเจน เช่น ต้องตั้งกล่อง ห้ามกลับหัว พร้อมทดสอบซ้ำหลายรอบจนได้รูปแบบที่เหมาะสม ก่อนเปิดบริการจัดส่งแบบ door-to-door ทำให้กล้วยไม้คงสภาพสมบูรณ์และถึงมือลูกค้าได้อย่างปลอดภัยแทบทั้งหมด
“เราต้องคุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่อย่างนั้นกล้วยไม้ที่ใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้ดอก อาจเสียหายระหว่างทางได้ทั้งหมด” คุณพันธพัฒน์กล่าว
บริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายตลาด
การทำธุรกิจเกษตรก็เหมือนการเดินเรือกลางทะเล บางครั้งคลื่นลมสงบ แต่บางครั้งก็เจอพายุใหญ่ Air Orchids เองก็ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้ง ซับไพรม์ มาจนถึงโควิด-19 ซึ่งทุกเหตุการณ์ล้วนสอนให้รู้ว่า เราไม่ควรพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง
“ประสบการณ์จากการพึ่งพาตลาดเดียวทำให้เราได้บทเรียนว่า ปัจจุบันจำเป็นต้องกระจายตลาด และไม่พึ่งพาลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป”
ในอดีต ตลาดหลักของกล้วยไม้ไทยคือยุโรปและอเมริกา แต่เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว การส่งออกสะดุด Air Orchids จึงปรับกลยุทธ์ด้วยการกระจายตลาดไปยังหลายภูมิภาค ทั้งจีน เวียดนาม ลาว พม่า รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ การกระจายเช่นนี้ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง แต่ยังทำให้ธุรกิจยืนหยัดได้ แม้จะเผชิญอุปสรรคด้านการขนส่งช่วงโควิด-19 ที่เครื่องบินหยุดบิน หรือสถานการณ์การเมืองที่ชายแดนซึ่งทำให้การขนส่งล่าช้าและไม่แน่นอน แต่ Air Orchids ก็ยังสามารถรักษาการส่งออกและเดินหน้าธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
กลยุทธ์นี้ไม่เพียงกระจายความเสี่ยง แต่ยังช่วยให้ Air Orchids สร้างเครือข่ายคู่ค้าที่หลากหลาย และรักษาสถานะของกล้วยไม้ไทยในฐานะสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญได้อย่างต่อเนื่อง
ต่อยอดธุรกิจใหม่ จากกล้วยไม้สู่สินค้าและบริการเชิงไลฟ์สไตล์
“ผมมองเห็นโอกาสว่ากล้วยไม้สามารถต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ ของฝาก หรือเครื่องประดับ”
แนวคิดนี้สะท้อนกลยุทธ์สำคัญของ Air Orchids ที่ไม่หยุดอยู่แค่การขายกล้วยไม้ แต่ขยายสู่สินค้าและบริการเชิงไลฟ์สไตล์ ทำให้กล้วยไม้กลายเป็นมากกว่าพืชสวน แต่เป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้จริง เช่น
The Flask Cafe Air Orchids – คาเฟและร้านอาหารท่ามกลางบรรยากาศสวนกล้วยไม้ เปิดพื้นที่ให้ครอบครัวและนักท่องเที่ยวใช้เวลา ทั้งนั่งจิบกาแฟ ขี่จักรยานชมฟาร์ม หรือเข้าร่วมฟาร์มทัวร์
Workshop DIY กล้วยไม้เคลือบเรซิ่น – เปิดโอกาสให้วัยรุ่น นักเรียน และครอบครัว ได้ทำเครื่องประดับจากดอกกล้วยไม้จริง เช่น สร้อยคอ กิ๊บ หรือแหวน เป็นทั้งของฝากและประสบการณ์
เครื่องประดับกล้วยไม้ (Jewelry) – ออกแบบในสไตล์เรียบง่ายร่วมสมัย เจาะกลุ่มวัยรุ่น และต่อยอดด้วยเวิร์กช็อปทำเครื่องประดับจากดอกกล้วยไม้จริง
คราฟต์โซดากลิ่นกล้วยไม้ช้าง – เครื่องดื่มรสพิเศษที่ผลิตในจำนวนจำกัด เพียงปีละประมาณ 1,000 ขวด เพื่อสร้างความพิเศษในแบบ Limited Edition
ผลิตภัณฑ์บิวตี้ – สกินแคร์ มาส์กหน้า และน้ำหอมจากสารสกัดกล้วยไม้ เจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน
เส้นทางของ Air Orchids สะท้อนให้เห็นว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการเสี่ยงแบบไม่มีการวางแผน แต่เกิดจากการมองหาโอกาสใหม่ ๆ อย่างรอบคอบ และลงมือทำอย่างมีระบบ ตลอดกว่า 50 ปีของการทำธุรกิจ ครอบครัวคุ้มวิเชียรได้พัฒนาจากฟาร์มกล้วยไม้ตัดดอก สู่ห้องแล็บเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ขยายเป็น Air Orchid Supermarket และต่อยอดสู่ The Flask Cafe Air Orchids รวมถึงธุรกิจใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ดังที่คุณพันธพัฒน์ฝากข้อคิดไว้ว่า