“คิง เฟรช ฟาร์ม” โมเดลเกษตรยุคใหม่ พาเกษตรไทยก้าวไกลตลาดโลก

SME in Focus
27/12/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 1 คน
“คิง เฟรช ฟาร์ม” โมเดลเกษตรยุคใหม่ พาเกษตรไทยก้าวไกลตลาดโลก
banner

ในช่วงที่หลายอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มมองหาทางเลือกใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าก้าวออกจากความคุ้นเคยเดิม ๆ ทว่า คุณนงนุช สุขใจเจริญกิจ คือหนึ่งในผู้ที่ตัดสินใจเช่นนั้น จากประสบการณ์ในธุรกิจด้านการศึกษา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สู่การต่อยอดแนวคิดสู่ธุรกิจเกษตรปลอดสาร ที่เชื่อมตั้งแต่ฟาร์ม โรงแพ็ก ไปจนถึงตลาดส่งออก ภายใต้ชื่อ “บริษัท คิง เฟรช ฟาร์ม จำกัด” ธุรกิจที่เติบโตบนมาตรฐาน และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

จุดตั้งต้นของบริษัทนี้มาจากการที่คุณนงนุชมองเห็นโอกาส เมื่อครอบครัวมีที่ดินว่างจำนวนมากและถูกปล่อยทิ้งไว้หลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เริ่มให้ความสำคัญกับอาหารที่ปลอดภัยมากขึ้น และตลาดต่างประเทศต้องการผลไม้ไทยที่มีมาตรฐานปลอดสารตามข้อกำหนดของประเทศปลายทาง จึงตัดสินใจสร้างฟาร์มออร์แกนิกบนที่ดินรกร้างกว่า 20 ไร่ และพัฒนาธุรกิจต่อยอดไปสู่การเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของซัปพลายเชนผลไม้ส่งออก ที่เชื่อมเกษตรกรหลายจังหวัดเข้ากับตลาดคุณภาพระดับญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ



 โมเดลเกษตรที่เริ่มจากฟาร์มเล็ก ๆ ก่อนขยายสู่ซัปพลายเชนระดับส่งออก 

แม้จะเริ่มต้นจากการเป็นฟาร์มออร์แกนิกเล็ก ๆ ที่ปลูกผักในที่ดินของครอบครัว แต่คิง เฟรช ฟาร์มเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การรวบรวมผลผลิต ไปจนถึงการบริหารซัปพลายเชนสำหรับตลาดต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนหลักคิดเดียวคือ มาตรฐานที่เข้มงวดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

“สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดคือมาตรฐาน เราควบคุมตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโรงงาน ทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในกระบวนการหลัก” คุณนงนุชกล่าว

 ฟาร์มออร์แกนิก 20 ไร่ จุดเริ่มต้นของระบบผลิตที่ได้มาตรฐาน 

พื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ดินรกร้าง ถูกพัฒนาให้เป็นฟาร์มออร์แกนิกขนาด 20 ไร่ ภายใต้มาตรฐาน USDA Organic ที่ต้องแยกโซนปลูก แยกพื้นที่บรรจุ และควบคุมการปนเปื้อนในทุกขั้นตอน

อีกหนึ่งความท้าทายของการทำเกษตรเพื่อการส่งออก คือข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละตลาด ซึ่งในบางกรณีมีความละเอียดถึงขั้นต้องแยกเมล็ดพันธุ์ตามมาตรฐานของประเทศปลายทาง และไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ สะท้อนความซับซ้อนของระบบผลิตที่ต้องวางแผนตั้งแต่ต้นน้ำ

นอกจากการปลูกแล้ว บริษัทยังต้องพิสูจน์ทุกขั้นตอนว่าปราศจากการปนเปื้อนจริง ทั้งในแปลงและในโรงเรือน ซึ่งทั้งหมดผ่านการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เข้มงวดจากต่างประเทศ

 เครือข่ายเกษตรกร โมเดลที่สร้างให้ทุกฝ่ายเติบโต 

เพื่อรองรับความต้องการผลไม้จำนวนมากสำหรับการส่งออก คิง เฟรช ฟาร์มรับซื้อผลผลิตจากเครือข่ายเกษตรกรจำนวนมากในราคาที่เป็นธรรม ครอบคลุมหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจแปลงก่อนรับซื้อ 

การตรวจแปลงไม่ได้พิจารณาเพียงคุณภาพผลไม้ แต่รวมถึงการประเมินความเสี่ยงของพื้นที่ เช่น โอกาสปนเปื้อน การกั้นโซนที่ต้องระวัง และการให้คำแนะนำเกี่ยวกับสารต้องห้ามตามข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า เพื่อช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถยกระดับผลผลิตเข้าสู่ตลาดคุณภาพได้จริง

สำหรับผลไม้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ตลาดส่งออก บริษัทจะนำไปสู่ตลาดรอง เช่น ห้างค้าปลีก ร้านอาหาร หรือนำไปแปรรูปเป็นสมูทตี้ ไอศกรีม และผลิตภัณฑ์ผลไม้บดแช่แข็ง เพื่อลดปัญหา Food Waste และเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตทุกส่วน


 ควบคุมคุณภาพระดับส่งออก มาตรฐานที่ตลาดต่างประเทศเชื่อมั่น 

นอกเหนือจากฟาร์มออร์แกนิกที่เป็นจุดตั้งต้นของธุรกิจ คิง เฟรช ฟาร์มยังขยายบทบาทสู่การเป็นโรงแพ็กและผู้ส่งออกผลไม้ปลอดสาร โดยควบคุมทุกล็อตภายใต้มาตรฐาน GAP และการตรวจสารตกค้างก่อนส่งออก ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญของประเทศปลายทางอย่างญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ กระบวนการนี้ทำให้ผลไม้มีความปลอดภัย และสามารถเข้าสู่ตลาดที่มีข้อกำหนดเข้มงวดได้อย่างต่อเนื่อง



 เทคโนโลยีและนวัตกรรม อาวุธที่ทำให้คิง เฟรช ฟาร์มแข่งขันได้ในระดับสากล 

การเติบโตของคิง เฟรช ฟาร์มไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีฟาร์มออร์แกนิกหรือเครือข่ายเกษตรกรจำนวนมากเท่านั้น แต่เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า “เกษตรส่งออก” จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว และระบบควบคุมคุณภาพที่เทียบเท่าประเทศผู้นำด้านอาหาร โดยคุณนงนุชย้ำชัดว่า “เทคโนโลยีคือสิ่งที่ทำให้เราไปต่อได้ในตลาดส่งออก เพราะแต่ละประเทศมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนมาก”

 เทคโนโลยีอบไอน้ำร้อนจากญี่ปุ่น  

หนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่บริษัทมีคือ การอบไอน้ำร้อน เทคโนโลยีนำเข้าจากญี่ปุ่นสำหรับใช้กำจัดศัตรูพืชอย่างไข่แมลงวัน โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ซึ่งถือเป็นข้อบังคับของบางประเทศปลายทางในการนำเข้าผลไม้ เช่น มะม่วง ทุเรียน และมังคุด หากไม่ผ่านขั้นตอนการอบไอน้ำร้อน ผลไม้จะไม่สามารถผ่านด่านนำเข้าของประเทศนั้น ๆ ได้

เทคโนโลยีนี้ทำให้คิง เฟรช ฟาร์มสามารถควบคุมความสะอาดและความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้าได้อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่ยังไม่มีระบบนี้ในโรงงาน

 Fresh Cut Durian นวัตกรรมที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคต่างประเทศ 

คิง เฟรช ฟาร์ม เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการส่งออกทุเรียนแกะเนื้อ (Fresh Cut Durian) ไปยังตลาดสหรัฐฯ การส่งออกทุเรียนที่แกะออกจากเปลือกแล้ว ทำให้ผู้บริโภคต่างประเทศเข้าถึงทุเรียนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรับมือกับการแกะผลไม้ที่เปลือกแข็งและมีหนาม รวมถึงลดปัญหาค่าขนส่งและความเสี่ยงเสียหายระหว่างทาง

คุณนงนุชอธิบายว่า ทุเรียนแบบ Fresh Cut ได้รับความนิยมมากโดยมีสัดส่วนถึง 70–80% เมื่อเทียบกับทุเรียนแบบทั้งผล ซึ่งสะท้อนผลชัดเจนของการใช้เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อสร้างรูปแบบสินค้าใหม่ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค



 ระบบ Cold Chain ที่ควบคุมอุณหภูมิตั้งแต่ต้นทางจนถึงโรงงาน 

ผลไม้และผักปลอดสารมีความบอบบางกว่าสินค้าที่ใช้เคมี ทำให้การรักษาคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวเป็นเรื่องสำคัญ บริษัทจึงพัฒนาระบบ Cold Chain แบบครบวงจร เพื่อควบคุมอุณหภูมิอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สวนจนถึงโรงงาน โดยมีรถห้องเย็นไปรับสินค้าโดยตรงจากสวน ก่อนนำมาคัดและบรรจุในห้องเย็น จากนั้นจึงเก็บรักษาในคลังควบคุมอุณหภูมิ ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาและคงสภาพผลผลิตโดยไม่ใช้สารเคมีใด ๆ



 ทำ ERP ในฟาร์มและโรงงาน เหมือนบริษัทผลิตสินค้าสมัยใหม่ 

แม้จะเป็น SME เกษตร แต่คิง เฟรช ฟาร์มก็เลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อจัดการข้อมูลทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ERP ที่ครอบคลุมการรับผลผลิต การผลิต และคลังสินค้า 

  • QR Code สำหรับรับผลผลิตเข้าระบบเพื่อทำการตรวจสอบย้อนกลับ

  • Dashboard วิเคราะห์ยอดขายและตลาด

  • การมี Developer in-house เพื่อคอยพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับการทำงานจริง

สิ่งเหล่านี้ทำให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพได้ตั้งแต่สวนจนถึงปลายทาง และเตรียมพร้อมขยับสู่แนวคิด Smart Farming ที่เกษตรกรสามารถบันทึกข้อมูลการผลิตผ่านแอปพลิเคชันและส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบของโรงงานแบบเรียลไทม์

 กระจายความเสี่ยง (Diversification) กลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอด 

ในโลกของธุรกิจเกษตร การพึ่งพาตลาดเดียวหรือสินค้าชนิดเดียวเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้ธุรกิจสะดุดได้ง่าย จากความผันผวนของสภาพอากาศ เงื่อนไขการนำเข้า กฎระเบียบของประเทศคู่ค้า ไปจนถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ไม่อาจควบคุมได้ คุณนงนุชจึงวางกลยุทธ์ให้คิง เฟรช ฟาร์มไม่เดินเกมแบบ “พึ่งพาเส้นทางเดียว” แต่วางโครงสร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่นและกระจายตัวอย่างรอบด้าน

“ถ้าตลาดหนึ่งสะดุด เราต้องพร้อมขยับไปตลาดอื่น ไม่ยึดตลาดเดียว เพราะความเสี่ยงสูงมาก”

คิง เฟรช ฟาร์มจึงทำการตลาดกับหลายประเทศพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งแต่ละประเทศมีความต้องการที่แตกต่างกัน และมีรอบการนำเข้าที่ไม่ตรงกัน ทำให้บริษัทสามารถบริหารการกระจายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี หากประเทศหนึ่งชะลอการนำเข้า บริษัทก็สามารถจัดสรรผลผลิตไปยังตลาดอื่นได้ทันที ช่วยลดความเสี่ยงจากการกดราคารับซื้อหรือการชะลอตลาดที่เกิดจากปัจจัยภายนอก



นอกจากนี้ คุณนงนุชยังเข้าใจดีว่าผลไม้มีความเป็นฤดูกาลสูงมาก การทำธุรกิจด้วยผลไม้อย่างใดอย่างหนึ่งอาจทำให้เครื่องจักรและโรงงานหยุดทำงานระหว่างปี บริษัทจึงเลือกกระจายชนิดผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน มะพร้าว ลำไย ส้มโอ ทำให้โรงงานไม่มีช่วงว่างยาวเกินไป และทีมงานสามารถหมุนเวียนการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความพร้อมนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้นด้วย

และด้วยความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลผลิตปลอดสาร จึงมีธุรกิจจำนวนมากมาขอให้คิง เฟรช ฟาร์มผลิตสินค้าให้ในรูปแบบ OEM ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงงานอาหาร หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งล้วนต้องการผลผลิตที่ปลอดภัยและตรวจสอบย้อนกลับได้

“บางทีลูกค้าบางรายขอให้บริษัทผลิตสินค้าให้ เพราะเขาเห็นว่าโรงงานเราได้มาตรฐาน ปลอดสารเคมี” คุณนงนุชเล่า

OEM จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้ให้คิง เฟรช ฟาร์ม โดยไม่ต้องผูกขาดกับการส่งออกเพียงอย่างเดียว


 ความยั่งยืน (Sustainability) ในมุมมองของคิง เฟรช ฟาร์ม 

สำหรับคิง เฟรช ฟาร์ม ความยั่งยืนไม่ใช่คำสวยหรูทางการตลาด แต่เป็นแนวคิดที่อยู่ในทุกขั้นตอนของการทำงาน ตั้งแต่ต้นทางในแปลงปลูก ไปจนถึงการส่งออกสู่ประเทศต่าง ๆ โดยสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญคือการผลิตอาหารที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางโลกที่ผู้บริโภคมองหาสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ 

“ผู้บริโภคทุกวันนี้เขาอยากได้ของปลอดภัย และเราเองก็อยากทำอะไรง่าย ๆ แบบไม่มีเคมีตั้งแต่ต้นทางอยู่แล้ว”

ความยั่งยืนของบริษัทจึงไม่ใช่เพียงการทำออร์แกนิก แต่คือการพัฒนาระบบการผลิตแบบ Chemical-free ตั้งแต่สวนจนถึงโรงงาน เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพสม่ำเสมอ และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

หนึ่งในแนวคิดที่บริษัทเริ่มพิจารณา คือการเข้าไปศึกษาด้าน Carbon Credit ร่วมกับหน่วยงานของรัฐและมหาวิทยาลัย เพื่อวัดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสาร หากสามารถประเมิน Carbon Footprint ได้อย่างเป็นระบบ ก็จะช่วยสร้างมาตรฐานเพิ่มเติมให้สินค้าไทยมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นในตลาดโลก

แม้โครงการด้านคาร์บอนเครดิตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา แต่แนวคิดนี้สะท้อนว่า คิง เฟรช ฟาร์มไม่ได้ทำออร์แกนิกเพราะเป็นกระแส แต่ทำเพราะเชื่อว่าความปลอดภัยคืออนาคตของอาหารโลก ทั้งยังเชื่อมโยงกับเทรนด์ผู้บริโภคสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “ความสะอาด ความปลอดภัย และผลกระทบเชิงสิ่งแวดล้อม” มากกว่าที่เคย



 มุมมองต่ออนาคตเกษตรไทย โอกาสที่อยู่ในมือผู้ผลิตที่พร้อมปรับตัว 

จากประสบการณ์ทำงานจริงในฟาร์ม โรงงาน และตลาดส่งออกหลายประเทศ คุณนงนุชมองอนาคตเกษตรไทยด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตสูงมาก หากผู้ผลิตปรับตัวและทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็น “มาตรฐาน” และ “เทคโนโลยี” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของตลาดโลกในยุคใหม่

สิ่งแรกที่เธอย้ำคือความจำเป็นของการรับมือกับ Climate Impact ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพผลผลิต ความสม่ำเสมอ และความพร้อมของแปลง คุณนงนุชเชื่อว่าเกษตรกรจำเป็นต้องใช้ความรู้และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งการเพิ่มโรงเรือน การใช้สารชีวภาพ และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ

“สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรจึงต้องมีโรงเรือน จำเป็นต้องใช้สารชีวภาพอย่างเหมาะสม เช่น ไตรโคเดอร์มา มาช่วยจัดการโรคพืช”

เธอมองว่าหากเกษตรกรยังทำงานแบบเดิม คือไม่บันทึกข้อมูล ไม่ตรวจสอบสาร และไม่ทำตามมาตรฐาน โอกาสเข้าสู่ตลาดที่ดีก็จะยิ่งยากขึ้น ความรู้เรื่องการผลิตที่ปลอดภัยและการใช้เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับจึงเป็นสิ่งจำเป็น 

สิ่งสำคัญอีกประการคือ การมีตลาดรองรับที่ชัดเจน หากผลผลิตคุณภาพดีจริง มีมาตรฐานจริง ตลาดทั้งในและต่างประเทศก็พร้อมจ่าย เพราะผู้บริโภคยุคนี้มองหาความปลอดภัยมากกว่าราคาถูก จึงเป็นโอกาสของเกษตรกรไทยที่พร้อมปรับตัว

คุณนงนุชมองว่าเส้นทางเกษตรยุคใหม่ต้องเป็นระบบที่ทุกฝ่ายช่วยกัน ทั้งเกษตรกร โรงงาน และตลาดปลายทาง โดยมีเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นตัวกลางสำคัญ การเปลี่ยนผ่านนี้จะทำให้เกษตรไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสามารถแข่งขันสูงขึ้น และสามารถส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดที่มีมาตรฐานเข้มงวดได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต


“เกษตรยุคใหม่ต้องมีความรู้ ต้องใช้เทคโนโลยี

และต้องทำงานแบบเป็นระบบ จึงจะไปสู่ตลาดโลกได้”


เรื่องราวของคิง เฟรช ฟาร์มสะท้อนภาพชัดเจนว่า การทำเกษตรในยุคใหม่ไม่ใช่การแข่งขันเรื่องพื้นที่ปลูกหรือปริมาณผลผลิตอีกต่อไป แต่คือการแข่งขันด้านความรู้ มาตรฐาน เทคโนโลยี และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ SME ไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นในตลาดส่งออกได้อย่างมั่นคง

จากจุดเริ่มต้นของฟาร์มออร์แกนิกขนาด 20 ไร่ บริษัทพัฒนาไปสู่การเป็นตัวกลางสำคัญที่เชื่อมเกษตรกรหลายจังหวัดเข้ากับประเทศคู่ค้าระดับญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ ผ่านระบบที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่การอบไอน้ำร้อนซึ่งประเทศปลายทางกำหนดเป็นข้อบังคับ ระบบ Cold Chain ที่ควบคุมอุณหภูมิตลอดเส้นทาง ไปจนถึงการใช้ ERP และระบบดิจิทัลภายในโรงงานเพื่อจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทยังสร้างคุณค่าให้แก่เกษตรกรรายย่อยด้วยวิธีการทำงานแบบพัฒนาแปลงร่วมกัน ทั้งตรวจสาร สอนการใช้สารต้องห้าม และรับซื้อในราคาที่เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตผลไม้ที่ปลอดภัยและเข้าสู่ตลาดคุณภาพได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แนวคิดของคุณนงนุชที่มองว่าออร์แกนิกและสินค้า Chemical-free ไม่ใช่กระแส แต่เป็น “การเติบโตจริง” เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับอาหารปลอดภัย และเทคโนโลยีก็กลายเป็นอาวุธสำคัญของเกษตรไทยในยุคแข่งขันสูง

ทั้งหมดนี้ทำให้คิง เฟรช ฟาร์มเป็นภาพตัวอย่างของ SME ไทยที่เลือกเดินเกมเกษตรแบบใหม่ คือ เกมที่ต้องอาศัยข้อมูล ความแม่นยำ และการทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแรงพอจะเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และพิสูจน์ว่าการทำเกษตรอย่างมีมาตรฐานสามารถพาไทยไปสู่โอกาสที่ใหญ่ขึ้นได้จริงในตลาดโลกที่ซับซ้อนกว่าเดิม


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

“คิง เฟรช ฟาร์ม” โมเดลเกษตรยุคใหม่ พาเกษตรไทยก้าวไกลตลาดโลก

“คิง เฟรช ฟาร์ม” โมเดลเกษตรยุคใหม่ พาเกษตรไทยก้าวไกลตลาดโลก

ในช่วงที่หลายอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มมองหาทางเลือกใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ…
pin
1 | 27/12/2025
ออนเซ็น แอท ม่อนแจ่ม ที่เป็นมากกว่าโรงแรม มาแล้ว…และอยากกลับมาอีก

ออนเซ็น แอท ม่อนแจ่ม ที่เป็นมากกว่าโรงแรม มาแล้ว…และอยากกลับมาอีก

ท่ามกลางกระแสท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงประสบการณ์ (Wellness & Experience Economy) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง “ออนเซ็น แอท ม่อนแจ่ม” คือหนึ่งในตัวอย่างธุรกิจไทยที่นำความชอบส่วนตัวมาพัฒนาเป็นจุดเด่นที่ตลาดต้องการ…
pin
1 | 26/12/2025
จาก Data สู่การเล่าเรื่อง ESG ที่ทรงพลังของแบรนด์

จาก Data สู่การเล่าเรื่อง ESG ที่ทรงพลังของแบรนด์

ในยุคที่ใครก็พูดเรื่องความยั่งยืนได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ พิสูจน์ได้ แบรนด์ที่ยืนอยู่ในตลาดวันนี้จึงไม่ใช่แบรนด์ที่ “พูดเก่งที่สุด” อีกต่อไป…
pin
1 | 20/12/2025
“คิง เฟรช ฟาร์ม” โมเดลเกษตรยุคใหม่ พาเกษตรไทยก้าวไกลตลาดโลก