E-waste พลิกเกมอุตสาหกรรม: เมื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นแรงขับเศรษฐกิจหมุนเวียน [2568]
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยกำลังจะเผชิญกับคลื่นยักษ์ของขยะอิเล็กทรอนิกส์จากซากแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน โดยคาดการณ์ว่าในปี 2570 เพียงปีเดียว ประเทศไทยจะต้องรับมือกับขยะแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสะสมที่มีน้ำหนักมากถึง 105,285 ตัน นี่ไม่ใช่แค่วิกฤตเท่านั้นแต่ยังเป็นโอกาสของธุรกิจ E-waste ด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกมิติของโอกาสในการทำธุรกิจ E-waste ตั้งแต่โมเดลที่น่าสนใจ ไปจนถึงแนวทางการเริ่มต้น พร้อมชี้ความท้าทายที่ต้องเตรียมรับมือ ในการเปลี่ยนขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กลายเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน
E-waste ภาคอุตสาหกรรม: คลื่นลูกใหม่ของขยะอิเล็กทรอนิกส์
E-waste มีอะไรบ้าง: รู้จัก E-waste ที่ไม่ใช่แค่ขยะมือถือ
E-waste คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดที่สิ้นสุดอายุการใช้งาน ชำรุด หรือไม่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกต่อไป ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง E-waste ได้กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแหล่งกำเนิดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ได้แก่ แผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ในศูนย์ข้อมูล (Data Centers)
ทำไม E-waste กลุ่มนี้ถึงเป็นทั้ง “ความเสี่ยง” และ “ขุมทรัพย์”?
ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นทั้ง “ความเสี่ยง” และ “ขุมทรัพย์” ที่ซ่อนอยู่ เพราะในแต่ละชิ้นส่วนมีทั้งสารอันตรายที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม และในอีกมุมหนึ่ง E-waste ก็มีโลหะมีค่าที่รอการนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น ลิเธียม โคบอลต์ นิกเกิล ทองแดง และทองคำ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลก หากเรามีระบบการจัดการที่เหมาะสม เราจะสามารถเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นวัตถุดิบมีค่า และสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ยั่งยืนขึ้นในประเทศได้
พลิกมุมคิด: 3 โมเดลธุรกิจหลักจาก E-waste ในยุคเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
ปัจจุบัน E-waste ไม่ได้ส่งผลเฉพาะต่อภาคสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยัง “กระทบโดยตรงและสร้างแต้มต่อ” ให้กับหลายอุตสาหกรรมหลักของประเทศ
อุตสาหกรรมพลังงาน – เมื่อแผงโซลาร์เซลล์หมดอายุ กลายเป็นแหล่งวัตถุดิบซิลิกอนและอะลูมิเนียมมหาศาล
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) – แบตเตอรี่เก่าจำนวนมากกำลังเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเพื่อกู้คืนลิเธียมและโคบอลต์
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล – ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) และอุปกรณ์ IT ที่หมดอายุสร้างทั้งความท้าทายและโอกาสใหม่ของธุรกิจรับรีไซเคิลและจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ E-waste กลายเป็น “กลไกสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน” ที่ดึงทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และ SME เข้ามาพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ดังต่อไปนี้
โมเดลที่ 1: ธุรกิจรีไซเคิลและสกัดวัตถุดิบ (Recycling & Material Extraction)
ธุรกิจรีไซเคิลและสกัดโลหะมีค่า คือ การนำ E-waste กลับเข้าสู่กระบวนการผลิต เพื่อกู้คืนและสกัดโลหะมีค่าที่ซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุอย่างอะลูมิเนียม เหล็ก และทองแดง ซึ่งธุรกิจ E-waste จะช่วยลดความต้องการวัตถุดิบใหม่จากการทำเหมือง ประหยัดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากกระบวนการทำเหมืองแร่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานสูงและสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ
โมเดลที่ 2: ธุรกิจซ่อมแซมและชุบชีวิต (Refurbishment & Second Life)
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านการซ่อมแซม (Refurbishment) เป็นทางออกสำคัญในการลด E-waste โดยช่วยยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้นานขึ้น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตใหม่ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นในราคาที่คุ้มค่าอีกด้วย
โมเดลที่ 3: ธุรกิจให้บริการจัดการครบวงจร (E-waste Management as a Service - EaaS)
ธุรกิจให้บริการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (EaaS) เป็นธุรกิจการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยครอบคลุมกระบวนการหลักทั้งการให้บริการรับขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสถานที่ของลูกค้า ทำลายข้อมูลในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยและออกใบรับรอง คัดแยกและส่งต่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงการกำจัดอย่างถูกวิธีจัดการชิ้นส่วนที่เป็นอันตรายที่เหลือจากการรีไซเคิลตามมาตรฐานและกฎหมาย
ทั้งสามโมเดลนี้ไม่เพียงช่วยลดของเสียในระบบอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เชื่อมโยงกันระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้รีไซเคิลอย่างยั่งยืน
เจาะลึกกรณีศึกษา: "แผงโซลาร์เซลล์" จากหลังคาสู่โอกาสธุรกิจ E-waste
วัฏจักรชีวิตของแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panel Lifecycle)
แผงโซลาร์เซลล์มีอายุเฉลี่ยประมาณ 30 ปี โดยประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะค่อย ๆ ลดลงตามกาลเวลา แม้จะมีการคาดการณ์ว่าประสิทธิภาพจะลดลง 10–20% ใน 25 ปี แต่ในความเป็นจริงพบว่าลดลงเพียง 6 – 8 % เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าแผงโซลาร์เซลล์มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ก่อนที่จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์
โอกาสในการรีไซเคิล: เราสามารถนำอะไรกลับมาใช้ใหม่ได้บ้าง?
แผงโซลาร์เซลล์แต่ละชนิดทั้งชนิดซิลิกอน (Silicon Based) และชนิดฟิล์มบาง (Thin-Film Based) มีแนวทางการรีไซเคิลที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่สามารถนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น กระจกสามารถรีไซเคิลได้เกือบทั้งหมด (90-95%) ชิ้นส่วนโลหะภายนอกทั้งหมด เช่น อะลูมิเนียม ถูกนำไปหลอมขึ้นรูปใหม่ได้ นอกจากนี้ซิลิกอนและสารกึ่งตัวนำเป็นวัสดุมีค่าสามารถรีไซเคิลได้ในอัตราที่สูงถึง 85-95% เพื่อใช้ในการผลิตโซลาร์เซลล์ใหม่ ซึ่งการรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์เหล่านี้จะสามารถลดปัญหาที่จะตามมาจากการกำจัด E-waste ที่ไม่ถูกวิธีได้
Roadmap สำหรับผู้ประกอบการ จะเริ่มต้นธุรกิจ E-waste ได้อย่างไร?
1. การศึกษาตลาดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (พ.ร.บ. WEEE)
ผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูลตลาดและทำความเข้าใจอุตสาหกรรมทั้งหมดอย่างถ่องแท้ ซึ่งการทำความเข้าใจตลาดเป้าหมาย ประเมินทรัพยากรที่มีอยู่ รวมถึงทำความเข้าใจกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ เช่น พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ หรือร่าง พ.ร.บ. WEEE จะช่วยสร้างธุรกิจ E-waste ที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนได้
2. การเลือกเทคโนโลยีและสร้างพันธมิตร
ธุรกิจ E-waste ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่มีหลายทางเลือกให้พิจารณา เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณและความเชี่ยวชาญของผู้ประกอบการ นอกจากนี้การพูดคุยปรึกษากับผู้ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับคำแนะนำและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดได้ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก หน่วยงานรัฐ หรือองค์กร NGOs จะช่วยสร้างแหล่งที่มาของ E-waste ที่สม่ำเสมอและช่วยขยายธุรกิจให้เติบโตได้
3. ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
การเริ่มต้นธุรกิจ E-waste ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น การลงทุนที่สูงในอุปกรณ์และสถานที่ การจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ซับซ้อน และความจำเป็นในการแข่งขันเพื่อดึงดูดลูกค้าและรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
การลงทุนในธุรกิจรีไซเคิล E-waste ต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไหร่?
ลงทุนในธุรกิจรีไซเคิล E-waste ในประเทศไทยนั้นไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่โดยทั่วไปแล้ว เงินทุนที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ดังนี้
ขนาดของธุรกิจ: ธุรกิจ E-waste ขนาดเล็กที่เน้นการรับซื้อและคัดแยกเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ที่ตั้งโรงงานเพื่อแปรรูปด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย
ประเภทของธุรกิจ: การเป็นเพียงศูนย์รวบรวมขยะมีต้นทุนต่ำกว่าการตั้งโรงงานเพื่อสกัดโลหะมีค่า
เทคโนโลยีที่เลือกใช้: การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการรีไซเคิลอย่างครบวงจร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีต้นทุนสูง แต่ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าของวัสดุที่ได้
กฎหมายการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่?
ประเทศไทยได้มีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (พ.ร.บ. WEEE) ตั้งแต่ ปี 2558 โดยปัจจุบันร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาและปรับปรุงแก้ไข และมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ร่างกฎหมายดังกล่าวมีแนวคิดการจัดการโดยให้ผู้ผลิตหรือนำเข้ารับผิดชอบการรวบรวมซาก E-waste เข้าสู่ระบบจัดการอย่างถูกต้องโดยร่วมจัดตั้งองค์กรกลาง (Producer Responsibility Organizations: PROs) และจ่ายค่าบำบัดและรีไซเคิลให้กับ PROs โดย PROs จะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกระทรวงห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) ฉบับปรับปรุง มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 เพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไทยจะไม่เป็นปลายทางของขยะอิเล็กทรอนิกส์จากทั่วโลก และหันมาให้ความสำคัญกับการจัดการขยะภายในประเทศ
อย่างไรก็ตามหาก พ.ร.บ. WEEE มีการบังคับใช้ จะเป็นก้าวสำคัญของภาคธุรกิจและสังคมไทยในการจัดการปัญหา E-waste อย่างเป็นรูปธรรมจะช่วยเสริมสร้างระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนในระยะยาว
ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจในกลุ่ม E-waste หรือไม่?
หน่วยงานรัฐที่สนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม E-waste โดยตรง คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยมีมาตรการให้สิทธิประโยชน์สำหรับกิจการที่นำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ที่รวมถึง E-waste ด้วย โดยมีสิทธิประโยชน์มากมาย ได้แก่ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอากรขาเข้าวัตถุดิบ นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tax Incentives) เช่น การอนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินสำหรับคนต่างด้าว และการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าช่างฝีมือและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติด้วย
บทสรุป: E-waste ไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ดูเหมือนไร้ค่ากลับมีชิ้นส่วนและโลหะที่มีมูลค่าซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก และยังสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นถึงโอกาสในการก้าวเข้ามาในตลาดได้อีกด้วย เพราะการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีไม่ใช่แค่การลดมลพิษและลดการพึ่งพาการขุดแร่จากธรรมชาติ แต่ยังสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
ดังนั้น ผู้ที่มองเห็นโอกาสและเข้าสู่ตลาดนี้ก่อน คือผู้ที่จะสร้างความได้เปรียบและเป็นผู้นำในธุรกิจ E-waste ของประเทศไทย เพราะนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน การเริ่มต้นก่อนจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
เพราะในวันที่ขยะกลายเป็นทรัพยากร ผู้ที่มองเห็นคุณค่าก่อน ย่อมเป็นผู้สร้างคุณค่ากลับคืนสู่ทั้งธุรกิจและสังคมได้มากกว่าเสมอ
ข้อมูลอ้างอิง
Thailand, Draft WEEE Action Plan 2022-2026 สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://enviliance.com/regions/southeast-asia/th/th-waste/th-weee
รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2567 สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://www.pcd.go.th/publication/36174/
Recycling vs. Refurbishing: Choosing the Right Option for Your E-Waste สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://reecollabb.com/recycling-vs-refurbishing-choosing-the-right-option/
Role of Refurbished Electronics in Reducing E-Waste: Circular Economy Perspective สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://forestnation.com/blog/role-of-refurbished-electronics-in-reducing-e-waste-circular-economy-perspective/
วัฏจักรชีวิตของแผงโซลาร์เซลล์ สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://erdi.cmu.ac.th/?p=828
How to Start an e-Waste Recycling Business: Complete Startup Guide สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://atouchofbusiness.com/startup-ideas/e-waste-recycling-business/
คู่มือการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 2568 สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 จาก https://faq108.co.th/common/download/boi/BOI_A_Guide_TH_2025.pdfR4AR6OR9G-zswotLo6BgK_UCg6-dVzGWtzBweYCMyW8myCGa7DouAsy8RituCWkQ_aem_vrBX2EhrLGG5qrN3fiPJnA