SMEs จะติดปีกหลบหลีกอย่างไร ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง

SME Update
28/02/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 2254 คน
SMEs จะติดปีกหลบหลีกอย่างไร ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง
banner

ภายหลังมีการออกมาฟันธงว่า การเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีในปี 2563 จะลดลงเหลือเพียง 2.7% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 3.5% สาเหตุหลักคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระทบต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีสัดส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสูงถึง 58% อาจทำให้ผู้ประกอบการตื่นตระหนกอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามอย่าได้ตื่นตกใจมากเกินไป เนื่องจากรัฐบาลไทยยังเล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศ ซึ่งมีจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากกว่า 3 ล้านราย มียอดขายสินค้าคิดเป็น 40% ของจีดีมวลรวม และทำให้เกิดระบบการจ้างงานได้ถึง 14 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ที่สูงถึง 80-85% ของการจ้างงานในประเทศทั้งหมด

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 


ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจึงเปรียบเสมือนกลุ่มฟันเฟืองช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมานาน รัฐบาลจึงยกระดับเรื่องของเอสเอ็มอีให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อพยุงให้สามารถข้ามวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้ ด้วยโครงการ "ต่อเสริมเติมทุนเอสเอ็มอีสร้างไทย" ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 โดยแบ่งการช่วยเหลือเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง ให้แก่ SMEs ที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน  โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีวงเงินค้ำประกัน 60,000 ล้านบาท ให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้เปลี่ยนเครื่องจักรวงเงิน 20,000 ล้านบาท เเละปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง ชำระหนี้ วงเงิน 50,000 ล้านบาท

2. ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs  ให้ บสย.ขยายเวลาค้ำประกันเเละปรับเงื่อนไขให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ SMEs เพื่อให้ทำธุรกิจต่อไปได้

3. ปล่อยกู้วงเงินให้กลุ่ม SMEsที่ มีศักยภาพ มากกว่าเเสนล้านบาท  การเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ จะเป็นผู้ที่มีศักยภาพมาก และมีวงเงินปล่อยกู้ให้มากกว่าเเสนล้านบาท จากกองทุน สสว.ปล่อยกู้วงเงิน 50,000 ล้านบาท, เงินกู้เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) วงเงิน 20,000 ล้านบาท สินเชื่อ SME ประชารัฐสร้างไทย ธนาคารออมสิน วงเงิน 45,000 ล้านบาท รวมถึงสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยด้วย 10,000 ล้านบาท

จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2562 ที่สะดุดลงจากวิกฤติการณ์ทางการเงินโลก ซึ่งเกิดจากสงครามทางการค้าโลกระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทำให้เกิดผลกระทบในห่วงโซ่เศรษฐกิจโลกแล้ว สถานการณ์เรื่องเชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศจีนและหลายประเทศทั่วโลก ยังคงกระหน่ำซ้ำเศรษฐกิจให้ซบลงกว่าเดิม จากความหวั่นเกรงเรื่องการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ท่องเที่ยวน้อยลงและมีการเก็บตัวอยู่กับบ้านมากขึ้น ไม่แค่แต่ในประเทศจีน แต่ในประเทศไทยก็เงียบเหงาด้วยเช่นกัน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจโดยรวมลง ดังนั้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำเป็นต้องติดปีกหลบ ปรับกลยุทธ์สู้เพื่อให้ผ่าน ณ ช่วงเวลานี้ไปให้ได้

ทั้งนี้ มี เดวิด ฟิสแมน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโตรอนโตของแคนาดา ได้เขียนบทวิเคราะห์เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่นให้กับสมาคมโรคติดต่อระหว่างประเทศ (International Society for Infectious Diseases)  หากประเมินช่วงฤดูกาลตามคำพูดของฟิสแมน นักวิจัยแคนาดาที่อยู่ในซีกโลกเหนือ กล่าวว่า

“จากการประเมินข้อมูลชุดแรกที่มีอยู่ ในกรณีดีที่สุดอาจจะต้องรอจนผ่านพ้นฤดูใบไม้ผลิไปถึงฤดูร้อน เมื่อถึงเวลานั้นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก็จะหยุดระบาด” หากประเมินช่วงฤดูกาลตามคำพูดของฟิสแมน นักวิจัยแคนาดาที่อยู่ในซีกโลกเหนือ หมายความว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะระบาดทั่วโลกนานถึงปลายเดือน ก.ย. หรือหยุดระบาดอย่างเร็วที่สุดคือเดือน ส.ค.

หากเป็นเช่นที่นายฟิสแมนคาดการณ์ไว้จริง สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจก็อาจะจะสะดุดต่อเนื่องไปจนเกือบหมดปี 63 เพราะต้องมีระยะฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติดังเดิมเพิ่มเติมเข้ามา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำเป็นต้องหาวิธีรับมือกับการผันผวนทางเศรษฐกิจและตั้งรับปักหลักสู้ดำเนินกลยุทธ์ใหม่ เพื่อพลิกเกมให้ทันท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนเร็ว ซึ่งกลยุทธ์ที่เอสเอ็มอีต้องนำมาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจไปได้


กลยุทธ์การเดินเกมธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติ

1. ปรับตัวให้เร็วในทุกสถานการณ์รอบด้าน

2. ตอบรับเทคโนโลยีให้มากขึ้นตามเทรนด์โลกให้ทัน

3. อ่านเกมให้ไว ติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้อย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับใช้ในธุรกิจได้ทันท่วงที

4. ปรับกลยุทธ์เปลี่ยนมาเป็นการวางแผนในระยะยาวเป็นเดือนหรือรายไตรมาส แทนการวางแผนแบบวันต่อวัน เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจและปัจจัยลบต่างๆ ที่รุมเร้า

ทั้งนี้ หากไม่ถอดใจและยังยืนหยัดสู้ต่อไปก็ไม่แน่หรอกว่าในวิกฤติเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ อาจนำมาสู่รูปแบบการทำธุรกิจที่จับพลัดจับผลูแล้วตอบโจทย์ในการทำธุรกรรมที่เปลี่ยนไป และเข้ากับทิศทางการดำเนินงานของตัวเอง จนนำมาสู่รายได้และการเติบโตต่อยอดไปได้ในแบบที่ถ้าไม่มีเรื่องที่เข้ามากดดันก็คงคาดคิดวางแผนไปไม่ถึง เพราะในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา.

 

แหล่งอ้างอิง : https://news.thaipbs.or.th/content/287746 


เปิด 12 Trends E-Commerce 2020 ที่ธุรกิจ SMEs ต้องรับมือ

Omni Channel เทรนด์นี้กำลังมาน่าจับตาอย่างไร

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<



Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1227 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1586 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1872 | 25/01/2024
SMEs จะติดปีกหลบหลีกอย่างไร ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง