ในปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น
ในบางครั้งสมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์เลยก็ว่าได้
ทั้งนี้เพราะสมาร์ทโฟนสามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว
ทั้งนี้รวมถึงการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) เช่น Facebook Twitter Instagram และ Instant
messaging อื่นๆ ด้วย
ร.อ.หญิง พญ.กานติ์ชนิต ผลประไพ จิตแพทย์โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า เดิมทีมนุษย์เป็นสัตว์สังคมซึ่งต้องการการยอมรับจากผู้คนรอบข้าง ดังนั้นการที่เราสามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ง่ายขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้มีความเสี่ยงในการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้นมากตามไปด้วย โดยเราสามารถสังเกตตนเองว่ามีอาการของโรคติดสื่อสังคมออนไลน์นี้ได้ จากลักษณะอาการหลายประการที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะพบปัญหาการติด Social media และอาจก่อให้เกิดภาวะของโรคซึมเศร้า โรคเครียด วิตกกังวล สมาธิสั้น และไบโพลาร์ได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เนื่องจากการจดจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟนหรือโซเชียลมีเดียเป็นเวลานานตลอดวัน
จะทำให้มีเวลาในการพักผ่อนน้อยลง
และเกิดการฝั่งตัวเองในโลกออนไลน์มากเกินไปจนตัดขาดจากผู้คนรอบข้าง
ผู้ป่วยบางรายใช้ชีวิตในโลกสมมติมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริงเสียอีก
เริ่มต้นเช็คอาการกันได้ดังนี้
1. อยู่กับโซเชียลมีเดีย
มากกว่าที่ตั้งใจไว้
2. ช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดีย
มักจะมีอาการกระวนกระวายใจหรือหงุดหงิด
3. หากเราพยายามที่จะควบคุมการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของตัวเอง
แต่ไม่สามารถควบคุมได้
4. คิดถึงโซเชียลมีเดียอยู่เรื่อยๆ
ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม
5. เวลาที่เครียดมักจะใช้โซเชียลมีเดียเพื่อคลายเครียด
6. มีการโกหกหรือปิดบัง เพื่อที่จะได้เล่นโซเชียลมีเดีย
7. โซเชียลมีเดียเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาการทำงาน
หรือเกิดปัญหาความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
ลักษณะอาการเหล่านี้เป็นตัวชี้บอกได้ว่า สื่อสังคมออนไลน์เริ่มมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ซึ่งตัวเราเองสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดสื่อสังคมออนไลน์ได้ในเบื้องต้น ได้แก่ พยายามจำกัดเวลาการใช้โซเชียลมีเดียให้ลดลงหรือกำหนดเวลาให้แน่ชัด โดยสามารถใช้การตั้งเตือนก่อนที่จะครบเวลาที่กำหนดช่วยด้วย และพยายามหากิจกรรมอื่นทำ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น งานอดิเรกที่สนใจ การออกกำลังกาย การพบปะเพื่อนหรือญาติ การไปท่องเที่ยว การหากิจกรรมคลายความเครียด
ดังนั้นหากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการของ Social addiction ดังกล่าวข้างต้น แล้วไม่สามารถจัดการกับตัวเองด้วยวิธีเบื้องต้นได้ ก็ควรนัดหมายเข้าพบจิตแพทย์เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาปัญหา Social addiction และโรคร่วมอื่นๆ ทางจิตเวชต่อไป