ธุรกิจในภาคเกษตรยุคปัจจุบันต้องมีการปรับตัวตามยุคตามสมัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยให้เกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farming ได้มีการพัฒนาการผลิต พัฒนาคุณภาพผลผลิต
ต้นทุนและกลไกการตลาด ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของภาคเกษตรไทย
ที่น่ายินดีคือ
ปัจจุบันมีเกษตรกรสมัยใหม่หลายๆ รายได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ
มาประยุกต์ใช้กับการทำเกษตรมาขึ้น และตระหนักถึงความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
ซึ่งนวัตกรรมเหล่านั้นที่พูดถึงจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้การปลูกพืช ดูแล ส่งขาย
ไปจนถึงการทำธุรกิจให้ครบจบแบบทุกขั้นตอนของเหล่าเกษตรกรเป็นไปอย่างมีระบบและง่ายขึ้น
โดยในปี 2563 นี้มีสตาร์ทอัพสายเกษตร หรือ AgriTech
(Agriculture Technology)ของประเทศไทยที่เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น
และนี่คือ 4 สตาร์ทอัพที่เหล่าเกษตรกรควรหรือแม้แต่คนทั่วไปควรรู้จัก
เพราะมันช่วยคุณได้มากจริงๆ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ฟาร์มโตะ
เริ่มต้นด้วยสตาร์ทอัพที่มาช่วยเหล่าเกษตรกรให้สามารถขายสินค้าของตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง
นั่นหมายความว่าคุณจะได้รับกำไรไปเต็มๆ
ด้วยค่าแรงที่คุ้มความเหนื่อยของคุณแบบไม่ถูกกดราคา
ส่งตรงสินค้าสู่ผู้บริโภคได้ทันที ฟาร์มโตะเป็นสตาร์ทอัพที่นำเสนอช่องทางการขายผลผลิตของเกษตรรูปแบบใหม่
ที่จะให้ผู้บริโภคและเกษตรเข้ามาเจอกัน ผ่านวิธีการทำงานร่วมกัน
นั่นคือ
ผู้บริโภคจะจองสินค้าจากฟาร์มเกษตรกรไว้ และสามารถเดินทางมาดูสวนผัก
หรือฟาร์มเหล่านั้นได้ตลอดเวลา และเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว
ทางเกษตรกรก็จะส่งผลผลิตไปให้ผู้บริโภคได้รับประทานทันที สด ใหม่
และได้คุณค่าทางโภชนาการแบบเต็มที่
นับเป็นวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ช่วยให้ผู้บริโภครับประโยชน์ไปเต็มๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://farmto.co.th/
2. FARMBOOK สมุดทะเบียนเกษตรกรดิจิทัล
สำหรับคนที่ทำเกษตรแล้ว
แน่นอนว่าการมีข้อมูลที่มากมาย หลากหลาย จากแหล่งความรู้ที่ถูกต้อง
จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และดำเนินการต่างๆ ได้อย่างทันยุคทันสมัย
และได้รับข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่ง FARMBOOK เกิดขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์นั้นนั่นเอง
เป็นแอปพลิเคชันเพื่อเกษตรกรไทย ที่จะช่วยแจ้งปลูก ปรับปรุงข้อมูลการปลูก
ติดตามตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร
หรือตรวจสอบสำรวจสมาชิกของครัวเรือนตัวเองได้
นอกจากนี้เกษตรกรยังสามารถใช้ช่องทางนี้ในการติดตามสิทธิ์ตามโครงการและมาตรการของรัฐของครัวเรือนได้อีกด้วย
นับเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายด้านข้อมูลให้เหล่าเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://farmbook.doae.go.th/login
3. Gaorai (เก้าไร่)
คนที่ปลูกพืชเพียงไม่กี่ต้น
หรือปลูกพืชในร่ม สถานที่เล็กๆ อาจไม่คุ้นเคยกับความสำคัญของการรดน้ำ พ่นยา
ให้กับพืชพรรณต่างๆ ซึ่งขั้นตอนนี้นับเป็นอะไรที่เสียเวลาอย่างมาก
ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะเสร็จสิ้น
รวมทั้งเหล่าเกษตรกรเองยังต้องรับภาระหนักทั้งการปนเปื้อนสารเคมี ทั้งต้องเดินเหนื่อยจนหมดแรงทั้งวัน
ซึ่งเป็นงานที่หนักมาก
ดังนั้นเก้าไร่จึงเกิดขึ้น
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตอย่างยั่งยืนให้กับฟาร์มของเกษตรกรทุกคน
เก้าไร่เป็นระบบปฏิบัติการเทคโนโลยีที่จะใช้โดรนเข้ามาเกี่ยวข้องในการฉีดพ่นให้กับพืช
ซึ่งตอนนี้เปิดรับ 4 ชนิดพืชหลักๆ คือ
ไร่ข้าว ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง และข้าวโพด
นับเป็นตัวช่วยยุคใหม่สมกับสตาร์ทอัพสายเกษตรที่ทุกคนรอคอย
แถมลดค่าใช้จ่ายให้เกษตรกรได้ถึง 30%
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://gaorai.io/main
4. Eden AgriTech
หนึ่งในปัญหาหลักสุดหนักใจที่เหล่าเกษตรกรต้องเจอ
คือเรื่องที่ผลผลิตนั้นเน่าเสียในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งๆ
ที่กว่าจะเพาะปลูกได้ออกมาตามแบบที่ต้องการ กลับต้องใช้เวลานานมาก
พืชบางชนิดหนึ่งปีเก็บเกี่ยวได้แค่ครั้งเดียว ซึ่งถ้าเสียหาย
หรือเน่าเสียเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงฝันร้ายดีๆ นี่เอง ดังนั้น Eden Agritech จึงเกิดขึ้น
เป็นนวัตกรรมที่ใช้ยืดคุณภาพและยืดอายุของผลผลิต
ให้มีความสด Fresh และมีอายุยืนยาวไปได้นานขึ้นกว่าเดิม
ไม่เพียงแต่จะเหมาะสำหรับนำส่งขายในประเทศไทยหลากหลายจังหวัด
แต่ยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ที่ต้องการนำส่งผลผลิตของตัวเองออกนอกประเทศได้ ขยายอายุยืดเวลาไป
ให้เกิดของคุณภาพส่งตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วโลก เป็นผลดีต่อแบรนด์ของคุณแน่นอน
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/edenagri/
สตาร์ทอัพทั้งหมดนี้เป็นที่น่าจับตามองตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป และนับเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพสายเกษตรกรในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ผ่านการพิทชิ่งมาแล้วมากมายหลายเวที ไม่เพียงแต่จะเข้าใจในด้านความต้องการของเกษตรกร แต่พวกเขายังสามารถให้คำแนะนำด้านการตลาด และการทำธุรกิจต่างๆ ให้กับคุณได้อย่างแน่นอน ลองเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อมาใช้งานตามความต้องการของธุรกิจคุณได้เลย