หนึ่งในเรื่องที่น่าปวดหัวที่สุดสำหรับการทำสตาร์ทอัพก็คือ
เรื่องของเงินนี่แหละ
เพราะสตาร์ทอัพส่วนใหญ่มักจะมีไอเดียที่ดีแต่ขาดซึ่งเงินลงทุนที่เพียงพอ
ทำให้ต้องชะลอโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ออกไป
ด้วยเหตุนี้เองนักลงทุนจึงมอบโอกาสดีๆ อย่างการ Pitching
ให้เหล่าสตาร์ทอัพมาประลองไอเดียกัน
และผู้ชนะก็จะได้เงินรางวัลเป็นเงินลงทุนกลับไปพัฒนาธุรกิจต่อ
แต่การ Pitching ที่ดีไม่ใช่แค่การออกมาบอกเล่าถึงไอเดียของคุณแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ อีกมากมายที่จะทำให้คุณคว้ารางวัลได้ ดังนั้นสำหรับคนที่ทำสตาร์ทอัพทั้งหลายต้องศึกษาเทคนิคเหล่านี้ไว้เพื่อสักวันคุณจะได้ใช้มันในการคว้ารางวัลเป็นเงินลงทุนก้อนโต
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
1. นำเสนอให้เข้าใจง่าย
การนำเสนอของสตาร์ทอัพนั้นยิ่งเข้าใจง่ายมากเท่าไหร่ยิ่งดี
หลายคนไปติดกับดักตรงที่ต้องอธิบายด้วยศัพท์เทคนิค หรือลงลึกรายละเอียด
ซึ่งกรรมการทั้งหลายเขาต้องใช้องค์ประกอบทุกอย่างในการตัดสินใจอยู่แล้ว
ซึ่งเค้ามีข้อมูลของธุรกิจคุณอยู่ครบจนแทบจะไม่มีอะไรให้สงสัย
เพียงแต่คุณแค่ต้องขึ้นไปนำเสนอในจุดเด่นจริงๆ ของคุณซึ่งเป็นจุดขายเท่านั้น
ยิงตรงให้เข้าเป้าในหมัดเดียว ไม่ใช่แย็บแล้วแย็บอีกแต่ไม่ได้อะไรกลับไป
พยายามเน้นความเรียบง่ายที่สุด
ให้คนฟังเข้าใจง่าย อาจเริ่มเป็นแพทเทิร์นแบบนี้ก็ได้
1. วิสัยทัศน์
2. ปัญหาที่เจอ
3. วิธีที่สตาร์ทอัพของคุณแก้ไข และ
4. ช่องทางสร้างกำไร
เพื่อสุดท้ายแล้วนักลงทุนจะต้องเข้าใจว่าคุณจะทำกำไรหาเงินกลับมาคืนเขาได้จริงๆ
2. เริ่มต้นจากคำว่า “Why”
การ Pitching แบบนี้เป็นแนวคิดของ
Simon Sinek ซึ่งเขาได้รวบรวมแนวคิดในการประสบความสำเร็จด้านต่างๆ เอาไว้ และทุกธุรกิจบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จจากคำว่า
“Why” ทั้งสิ้น ซึ่งการเริ่มต้นด้วยทำไมจะช่วยให้การ Pitching ของเรานั้นตรงไปตามเป้าหมาย
ทำให้กรรมการมองเห็นภาพที่ชัดเจน
ดังนั้นตัวเราเองต้องรู้ก่อนว่า เรา Pitching ไปทำไม
เราจะทำอะไร จะ Pitching ให้ใครดู การรู้ทุกสิ่งทุกอย่างและเริ่มต้นจาก Why
จะช่วยให้มองเห็นภาพกว้างในทุกเรื่องมากขึ้น และคนฟังก็จะเกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้นตามไปด้วย
ว่าธุรกิจของคุณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์อะไร
3. ชี้ให้เห็นปัญหาชัดเจน
เรื่องของปัญหานี้ก็สำคัญเช่นกัน
เพราะทุกธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่และจะได้เงินจากการ Pitching
นั้นต้องเริ่มจากการเข้ามาแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งทั้งสิ้น คุณต้องชี้ให้เห็นก่อนว่าปัญหาที่กำลังจะเสนอ
หรือสร้างเครื่องมือมาแก้นี้มันมีอยู่จริง
และกลุ่มที่ต้องการเครื่องมือหรือนวัตกรรมของเรานั้นก็มีอยู่เยอะมากเช่นกัน
ซึ่งนักลงทุนเค้าจะมองจากมุมนี้นี่แหละว่าธุรกิจจะกระจายวงกว้างไปได้มากน้อยแค่ไหน
ซึ่งถ้าปัญหานี้ใหญ่เพียงพอและมีผู้คนรอการแก้ไขอยู่ การ Pitching ให้สำเร็จก็จะเป็นเรื่องง่าย
4. เตรียมเสนอข้อมูลที่จำเป็นให้ครบ
ถึงแม้เวลาในการ Pitching นั้นจะมีจำกัด
แต่คุณก็ต้องนำเสนอในทุกๆ ส่วนที่สำคัญให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น วิสัยทัศน์ ,ปัญหาที่พบเจอ ,การแก้ปัญหาที่คุณคิดค้น
,โอกาสในความสำเร็จ ,สินค้าและบริการคืออะไร ,ทีมงานของคุณ ,คู่แข่ง และความต้องการของตลาด
ซึ่งทั้งหมดนี้จะสำคัญหมดเลย
เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องการรู้ คุณห้ามมองข้ามไปแม้แต่ประเด็นเดียว
เนื่องจากทุกส่วนสอดคล้องกัน และจะสร้างภาพรวมที่แข็งแกร่งให้เกิดขึ้น
ทำให้นักลงทุนมองเห็นภาพชัดเจน
และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าธุรกิจคุณนั้นเหมาะสมกับเงินของพวกเขามากแค่ไหน
5. รู้จักกรรมการ และเวทีที่จะไป
ก่อนตัดสินใจสมัคร
การทำสตาร์ทอัพ
เรื่องของเวลาในการพัฒนาโปรดักต์นั้นสำคัญมาก เพราะถ้าคุณช้าเพียงแค่ 1-2 เดือน
ก็อาจจะมีคู่แข่งหน้าใหม่เกิดขึ้น และเทคโอเวอร์ความคิดของคุณไปเรียบร้อยแล้วก็ได้
ซึ่งการเตรียมตัวสำหรับการ Pitching นั้นอาจจะต้องใช้เวลายาวนานเป็นอาทิตย์ในแต่ละเวที
การที่คุณเอาโปรดักต์ตัวเองไปประกวนในทุกๆ ที่
ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้รับเงินลงทุนจำนวนมากกลับมา
แต่ในทางกลับกัน
การที่คุณมุ่งหวังสู่เวทีที่มีโอกาสชนะ
และศึกษาข้อมูลมาก่อนอย่างถี่ถ้วนต่างหากครับที่จะช่วยให้คุณได้รับเงินลงทุนที่มากมายมหาศาลได้
ดังนั้นอย่า Pitching ในทุกๆ เวทีที่คุณพบ
แต่ให้เลือกเฉพาะเวทีที่เหมาะสมกับคุณและคุณมีโอกาสจะชนะเท่านั้นพอ
เพื่อที่ว่าเหล่านักลงทุนในงานต่างๆ
จะได้ไม่มองว่าธุรกิจคุณเป็นธุรกิจรองที่ไม่น่าสนใจ
และทำให้คุณมีเวลาเหลือเฟือในการพัฒนาโปรดักต์ของคุณนั่นเอง
การรู้เขารู้เรานี่จะช่วยให้รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งอย่างแน่นอน แม้แต่การพิทชิ่งเองก็ตาม ยิ่งเรารู้จักกรรมการ รู้จักเวที รู้ว่าเขาจะใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสิน ก็จะช่วยให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นมากเลยล่ะ
สุดท้ายแล้วก็อย่าลืมฝึกฝนตัวเองหน้ากระจก จัดวางภาษากายให้เหมาะสมและมีอิมแพคน่าเชื่อถือ และเปิดดูคลิปการ Pitching ของคนอื่นบ่อยๆ ก็จะช่วยให้การเสนอโปรดักต์เพื่อขอทุนครั้งต่อไปน่าสนใจขึ้นกว่าเดิมแน่นอน!