เพิ่มยอดขายด้วยการ “เล่า” ยิ่งทำให้เชื่อ โอกาสยิ่งมาก
‘งานขาย’ กับการ
‘เล่าเรื่อง’
เป็นของคู่กันอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง
เพราะการจะทำให้ใครสักคนหันมาสนใจสินค้าของคุณได้
คุณต้องทำให้เขาเชื่อมั่นในมันเสียก่อน ซึ่งหลักการง่ายๆ
ที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้ ก็คือการเล่าเรื่องให้เกี่ยวข้องกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
ลูกค้าจะมองเห็นถึงความสำคัญ และประโยชน์จากมันมากหรือน้อย
ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเล่าที่คุณจะใช้
ในบริษัทที่มีพนักงานขายมากกว่าหนึ่งคน จะมีทั้งคนที่ทำยอดขายได้เยอะ และคนที่ทำยอดขายได้น้อย ซึ่งถ้าถามถึงความต่าง คุณจะเห็นเลยว่าทั้งสองคนมีเทคนิคการเล่าเรื่องที่ต่างกัน ซึ่งการเล่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้ยากถึงขนาดจะฝึกฝนกันไม่สำเร็จ และนี่คือ 4 เทคนิคการเล่าให้คนเชื่อ เพื่อสร้างยอดขายที่ดีขึ้นแก่ธุรกิจคุณ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. รู้ตัวเสมอว่าจะเล่าเรื่องอะไร
การเล่าเรื่องไม่ใช่การพูดไปเรื่อย
และไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์ยากให้คำพูดของคุณดูดี
เพียงแต่คุณต้องรู้อยู่เสมอว่าคุณจะเล่าเรื่องอะไร ให้ใครฟัง
จำไว้ว่ายิ่งมันเป็นคำที่ง่าย นึกภาพตามได้ไวเท่าไหร่ยิ่งดี
อย่าพยายามยกตัวอย่างที่มันห่างไกลจากตัวพวกเขามาก เพราะสุดท้ายจะทำให้เรื่องเล่านี้ไม่มีความน่าเชื่อใดๆ
และกลายเป็นเพียงคำพูดที่เสียเวลา เพราะเขาจับต้นชนปลาย รวมถึงนำมาปรับใช้
หรือตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเองไม่ได้เลย
2. ดึงคนฟังให้อยู่ตลอดการเล่าเรื่อง
การดึงคนฟังให้มีส่วนร่วมและรับฟังคุณตลอดการเล่าเรื่องมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งถ้าคุณต้องยืนพรีเซนต์ต่อหน้าคนเยอะๆ ถ้าเรื่องของคุณไม่น่าสนใจ
เขาจะไม่รับฟังและหันไปเล่นมือถือทันที ดังนั้นคุณต้องใช้ 3 เทคนิคนี้ในการจูงใจให้คุณและคนฟังไปในจุดที่คุณหวังไว้พร้อมๆ
กัน
- เล่าเรื่องน่าสนใจที่คุณเจอมา
โดยเล่าว่าเมื่อวานนี้คุณได้เจอ...วันก่อนคุณได้พบกับ...การขึ้นต้นด้วยรูปประโยคเหล่านี้จะทำให้คนฟังจดจ่อกับการเล่าของคุณ
และรอลุ้นถึงจุดน่าสนใจของมัน
- นึกไว้เสมอว่าคนฟังไม่เห็นภาพ
ดังนั้นต้องเล่าเรื่องให้ง่าย น่าสนใจ และจินตนาการตามได้อย่างรวดเร็ว
เหมือนเดี่ยวไมโครโฟนต่างๆ ที่จะใช้คำสบายๆ แต่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี
- ถามคนฟังบ้างบางครั้ง
เพื่อไม่ให้เขาหลุดโฟกัสกับเรื่องของคุณ เช่น ถามคำถามง่ายๆ ว่า “คุณเป็นมั้ย” “คุณเคยรึเปล่า” เป็นต้น
3. ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เขาเจอ
คุณต้องศึกษาผู้คนที่คุณจะไปเล่าเรื่องต่างๆ
หรือขายสินค้าใดๆ ก็ตามให้ฟัง ว่าเขาเป็นคนยังไง ทำธุรกิจอะไร
เพื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาที่เขาน่าจะเจอ ซึ่งถ้าคุณรู้ถึงปัญหานั้นแล้ว
การเล่าเรื่องของคุณจะง่ายขึ้น เพราะสุดท้ายเขาจะรู้สึกกับคุณเป็นแง่บวกหรือลบ
ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำให้เขารู้สึกว่า “ใช่จริงๆ ด้วย” ระหว่างเล่าเรื่องได้รึเปล่า
เทคนิคที่เรียบง่ายที่สุดคือ
ยกตัวอย่างในเรื่องเล่าให้เป็นเคสเดียวกันกับที่ลูกค้าคนนั้นเจอเลย
คุณจะทำให้เขาจดจ่อกับเรื่องเล่านี้อย่างเต็มที่
และพยายามฟังถึงวิธีแก้ปัญหาจากคุณแน่นอน
4. เพิ่มความน่าสนใจและน่าเชื่อถือ
การยกตัวอย่างในเรื่องเล่าจะช่วยให้เขาจินตนาการได้อย่างชัดเจน
รวมถึงตัวอย่างบางครั้งที่ตรงกับสิ่งที่เขาเจอ
จะยิ่งทำให้เขาเชื่อเรื่องเล่าของคุณมากขึ้นไปใหญ่ ที่สำคัญนอกจากชี้ให้เขาเห็นถึงปัญหาแล้ว
คุณเองต้องสร้างความมั่นใจให้เขาโดยการยกเคสตัวอย่างที่คุณแก้ไขปัญหาได้สำเร็จด้วย
จำไว้เสมอว่าเครดิตที่คุณมีจะยิ่งน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก
หากลูกค้าที่เคยใช้บริการคุณเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ดารา นักแสดง หรือคนมีชื่อเสียง
เพราะเขาเหล่านั้นจะกลายเป็น Reference ชั้นเยี่ยมให้กับคุณ
และทำให้เรื่องเล่าคุณน่าสนใจ น่าเชื่อถือที่สุด
สุดท้ายแล้วเทคนิคปิดการขายหลังจากเล่าเรื่องเสร็จก็ขึ้นอยู่กับสไตล์แต่ละคน และสินค้าที่คุณกำลังขาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำ 4 ข้อนี้ครบถ้วน โอกาสในการจะขายสินค้าได้ก็เป็นเรื่องง่าย เพราะลูกค้าจะเชื่อคุณหมดใจ รวมถึงมั่นใจว่าคุณจะแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่เขาเจอได้แน่นอน จากเรื่องที่คุณเล่ามา