‘ไทเกอร์โดรน’ โดรนฝีมือคนไทย นวัตกรรมช่วยทำเกษตรยุคใหม่

SME in Focus
31/05/2024
รับชมแล้วทั้งหมด 1793 คน
‘ไทเกอร์โดรน’ โดรนฝีมือคนไทย นวัตกรรมช่วยทำเกษตรยุคใหม่
banner
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า ‘โดรน’ เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยมีการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ความมั่นคงทางทหาร ไปจนถึงภาคการเกษตร ขณะที่ประเทศไทยเริ่มมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่วันนี้ คนไทยสามารถผลิต ‘โดรน’ ได้เองแล้ว โดยนำมาใช้ในภาคเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้จะพามารู้จักกับ ดร.มหิศร ว่องผาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง ‘บริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด’ เทค สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ผู้เปลี่ยนความหลงใหลหุ่นยนต์ในวัยเด็กสู่การพลิกโฉมธุรกิจผลิตโดรนเพื่อการเกษตร ภายใต้ชื่อ “ไทเกอร์โดรน” ที่คิดค้น ออกแบบ พัฒนา และผลิตโดยคนไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล อวดฝีมือคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก Bangkok Bank SME จะพาไปติดตามเส้นทางความสำเร็จก่อนจะมาถึงวันนี้ ของ เทคโนโลยีโดรน คนไทยให้มากขึ้นด้วยกัน



จุดเริ่มต้นจากความหลงใหลในหุ่นยนต์ 

ดร.มหิศร ว่องผาติ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ‘ไทเกอร์โดรน’ ย้อนที่มาของธุรกิจว่า จุดเริ่มต้นการทำ เทค สตาร์ทอัพ เกี่ยวกับหุ่นยนต์และโดรน เกิดจากตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีโอกาสไปแข่งขันหุ่นยนต์ชิงแชมป์โลก เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และได้สนับสนุนให้ทีมรุ่นน้องได้แชมป์โลกในการแข่งขันที่จีน เมื่อปี 2008 พอเรียนจบปริญญาตรี เพื่อน ๆ ในทีมต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่อต่างประเทศ 

พอเพื่อน ๆ เรียนจบกลับมาไทย ด้วยความชื่นชอบเรื่องหุ่นยนต์เหมือนกัน เมื่อปี 2011 จึงรวมตัวกันเพื่อก่อตั้ง บริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด ขึ้นมาเพื่อออกแบบ และผลิตเกี่ยวกับหุ่นยนต์ตามความต้องการของลูกค้า ระหว่างนั้นได้มีโอกาสทำโปรเจคเกี่ยวกับโดรน และหุ่นยนต์ให้กับกองทัพอากาศและหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง 




จุดเปลี่ยน สู่ ‘โดรนการเกษตร’

ดร.มหิศร กล่าวว่า ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ เราออกแบบหุ่นยนต์ตามออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการทุกรูปแบบ ซึ่งมีความหลากหลายมาก จนมาวันหนึ่ง เรามองเห็นการใช้โดรนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2023 ยอดจดทะเบียนการใช้งานโดรนในไทยมีถึง 4,500 ลำ คิดเป็นมูลค่ากว่า 900 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก 

เมื่อพิจารณาแนวโน้มการใช้โดรนในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมเกษตรแล้ว มองว่ามีแนวโน้มจะขาดแคลนแรงงาน รวมถึงค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เกษตรกรไทยส่วนใหญ่เข้าสู่ช่วงสูงวัยมากขึ้นด้วย จึงจำเป็นต้องหาเทคโนโลยีมาทดแทนแรงงาน ซึ่ง ‘ไฮฟ์กราวนด์’ ถนัดเรื่องหุ่นยนต์ จึงคิดต่อยอด ว่าจะเอาโดรนมาทำเป็นเชิงธุรกิจได้อย่างไร จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโดรนด้านเพื่อการเกษตร ที่เติบโตจาก SME มาเป็นสตาร์ทอัพ สาย AgriTech หรือ ธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตร ปัจจุบันมีทีมงานประมาณ 50 คน ร่วมพัฒนา ‘โดรน’ ขึ้นเอง ในชื่อ ‘ไทเกอร์โดรน’ ที่คิดค้น ออกแบบ พัฒนา และผลิตโดยคนไทย หวังยกระดับมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล



ได้สัมผัสอุตสาหกรรมเกษตรของจริงเป็นอย่างไร? 

ดร.มหิศร สะท้อนมุมมอง พื้นที่ที่ได้เข้าไปทำงานว่า เมื่อได้ลงไปสัมผัสอุตสาหกรรมเกษตรไทยของจริง จึงรู้ว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมเกษตรบ้านเรา มีปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงานเนื่องจากเกษตรกรเข้าสู่สังคมสูงวัย ลูกหลานไม่อยากสืบทอดอาชีพการทำเกษตรต่อ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าแรง และการฉีดพ่นสารเคมีทางการเกษตร การทำงานกลางแดดร้อนจัด อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพของเกษตรกร การนำเทคโนโลยีโดรนมาใช้น่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

“โดรนพ่นสารเคมีทางการเกษตร ช่วยลดการใช้แรงงานคนทำงานซ้ำ ๆ ในปริมาณมาก สารเคมีก็อันตราย ต้องทนทั้งแดดร้อน ฝนตก บางคนพ่นยาจนปอดไม่ดีมีปัญหาสุขภาพ ค่าจ้างก็ถูก แบบนี้ควรใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยอย่างยิ่ง เพราะชีวิตคนมีค่ามากกว่าค่าแรงที่ไม่คุ้มกับสุขภาพที่จะเสียไป” 



ออกแบบ ‘ไทเกอร์โดรน’ แก้ Pain Point การทำเกษตรไทย

ดร.มหิศร กล่าวว่า ‘ไทเกอร์โดรน’ เป็นการออกแบบจาก Pain Point ของเกษตรกรไทยและอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นขนาดโดรน และซอฟต์แวร์ เป็นเทคโนโลยีของเราเอง ที่สามารถระบุพื้นที่แบบไร่ งาน หรือตารางวาได้ จึงทำให้เกษตรกรทำงานง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการฟาร์มเกษตร ช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย แต่ได้คุณภาพและปริมาณผลผลิตที่สูงขึ้น 



สำหรับ ไทเกอร์โดรน1 เป็นรุ่นแรก มีขนาด 10 ลิตร เหมาะกับพื้นที่การเกษตรประมาณ 3-5 ไร่ และเหมาะกับการทำงานคนเดียว หรือครอบครัวขนาดเล็ก ใช้งานง่าย โดยบริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะผลักดันให้เป็นโดรนการเกษตร ที่เกษตรกร 10 ล้านครัวเรือนต้องมีไว้ใช้งาน ซึ่งปัจจุบันโดรนรุ่นนี้ มีแนวโน้มราคาถูกลง และฟังก์ชันการใช้งานก็เหมาะกับเกษตรไทย ที่สำคัญมีต้นทุนในการบำรุงรักษาตํ่ากว่าแบรนด์จากต่างประเทศอีกด้วย     



พัฒนา ‘ไทเกอร์โดรน 2’ สู่ระดับมาตรฐานสากล 

ขณะที่ ‘ไทเกอร์โดรน 2’ ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานของเกษตรกรมากขึ้น ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมและสั่งการโดรน เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำการบินฉีดพ่นสารเคมีเกษตร บินหว่านเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยรูปแบบเม็ด โดยมีขนาด 20 ลิตร สามารถทำงานได้ 5-7 ไร่ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง เพิ่มความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ ‘ไทเกอร์โดรน 2’ เริ่มวางจำหน่ายเมื่อปี 2023 ได้รับผลตอบรับดีมาก มีการนำไปใช้งานด้านการเกษตรแล้วหลายสิบลำ ถือเป็นโปรดักส์เรือธงของบริษัท ที่ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดรนเพื่อการเกษตร โดยตั้งเป้า 3 ปีต่อจากนี้บริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาดโดรนเพื่อการเกษตร ที่ลงทะเบียนใหม่ในประเทศไทยประมาณ 10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2%

ดร.มหิศร กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ต้นปี 2024 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายทีมงานด้านการตลาดและการขาย รวมถึงขยายตัวแทนจำหน่าย เพื่อขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยขณะนี้เริ่ม ขยายตลาดไปประเทศฟิลิปปินส์แล้ว ซึ่งโรงงานผลิตไทเกอร์ โดรน มีกำลังการผลิตสูงสุด 100 ลำต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของตลาดในอนาคต 

“ปัจจุบันมีโดรนของเราใช้งานอยู่ใน ไร่ นา สวน ทั้ง ข้าว เผือก มัน อ้อย ไม้ผล กัญชง กัญชา พืชผักต่าง ๆ รวมไปถึงไม้ดอก ประมาณ 200 ลำ สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายทำยอดขายให้ได้ไม่ต่ำกว่า 400 ตัว” 



ความโดดเด่นของ ‘ไทเกอร์โดรน’ สัญชาติไทย

ดร.มหิศร บอกว่า ปัจจุบันได้ผลิตโดรนเพื่อใช้ทางการเกษตรออกมา 2 รุ่น โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศกว่า 60% นำเข้าชิ้นส่วนที่ไม่มีไทย 40 % และนำมาประกอบโดยคนไทยที่โรงงานทั้งหมด โดยหวังที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับภาคเกษตรกรรมไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ขณะที่ปัจจุบันโดรนเพื่อการเกษตรกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้เชี่ยวชาญ Deep Tech ที่นอกจากผลิตโดรนได้เองแล้ว ยังสามารถพัฒนาโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นในการใช้ควบคุมโดรนได้เองด้วย อาทิ ระบบวางแผนเส้นทางการบิน ที่มีความแม่นยำสูง พัฒนาแอปพลิเคชัน TIGERDRONE App ด้วยเมนูภาษาไทย สามารถแสดงค่าพื้นที่และหน่วยวัด ต่าง ๆ ตามการใช้งาน และสามารถบินทำงานพร้อมกันได้หลายตัว (Tiger Share) ด้วยระบบการบินอัตโนมัติ แจ้งเตือนสิ่งกีดขวาง ด้วยภาพและเสียง ได้อย่างแม่นยำ



นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายที่พัฒนาเพื่อเกษตรกรโดยเฉพาะ อาทิ โหมดช่วยให้ผลผลิตการเกษตรไม่เสียหายจากการบินโดรน, โหมดกันข้าวไหม้ ที่ช่วยให้การฉีดพ่นเป็นไปอย่างสม่ำเสมอไม่มากเกินไป เป็นต้น

“เราดีไซน์ ‘ไทเกอร์โดรน’ ที่ใช้เชิงธุรกิจระยะยาว ดังนั้นราคาจึงจับต้องได้มากกว่าโดรนของจีน รวมถึงการซัพพอร์ตอะไหล่ให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง”



พัฒนาด้าน AI มากขึ้น 

ดร.มหิศร ให้วิสัยทัศน์ว่า สำหรับด้านซอฟแวร์ เรามีเป้าหมายทำให้โดรนของเราเป็น AI มากยิ่งขึ้น สามารถตรวจจับ (Detect) ผืนนาเอง และทำงานเองได้โดยอัตโนมัติ โดยที่คนไม่ต้องไปดูว่าขอบเขตนาอยู่ตรงไหน เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เกษตรกรใช้งานง่าย ปลอดภัย ในระยะยาว คาดว่าอนาคตโดรนจะเป็นสินค้าที่ซื้อง่าย ขายคล่อง ไม่ต้องกลัวชน กลัวตกเสียหาย

“วันนี้เราพาตัวเองมาถึงจุดที่ไม่ได้แพ้เขาแล้ว ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะพัฒนาต่อไปไม่หยุดนิ่ง”



แนวโน้มอนาคต โดรนการเกษตร เติบโตปีละกว่า 200% 

ดร.มหิศร เผยถึงสถิติการใช้โดรนการเกษตรของ สำนักงาน กสทช. ว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดรนการเกษตรมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 200% และจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้น คาดว่าตลาดโดรนการเกษตรในปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนโดรนจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2- 3 หมื่นลำ หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มความต้องการใช้งานที่เติบโตสูงขึ้นต่อไป 

ซึ่งปัจจุบันโดรนแบรนด์จีนครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% มีเพียง 5-10% เท่านั้น ที่เป็นบริษัทไทยและส่วนใหญ่นำเข้าอุปกรณ์จากจีนมาประกอบขาย มีเพียงไม่กี่รายที่พัฒนา คิดค้นและออกแบบเอง ซึ่งเราเป็นหนึ่งในนั้น จึงมองว่าจำเป็นอย่างมากที่อุตสาหกรรมไทยต้องเร่งพัฒนาเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้มากขึ้น เพราะเราก็มีบุคลากรที่มีความสามารถ พร้อมสร้างโดรนให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้เช่นกัน



รัฐบาลสนับสนุน โดรนคนไทย เชื่อช่วยลดภาระ-ประหยัดได้จริง

ดร.มหิศร กล่าวว่า อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ ‘ไทเกอร์โดรน’ คือนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำมาจัดแสดงในทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นบริษัทโดรนของคนไทยแท้ ที่ได้รับรางวัลจากทั่วโลก ตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ใช้เกษตรแม่นยำและประหยัดแรงงาน


Cr.ภาพจาก THE STANDARD




อะไร? คือ Key Success ในการทำธุรกิจ

ก่อนจบบทสนทนา ผู้บริหารหนุ่ม กล่าวถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของเขาว่า จุดแข็งของเราคือ การรู้จริง ทำจริง เข้าใจในสิ่งที่ทำ ออกแบบคิดค้นเทคโนโลยีของตัวเอง เมื่อลงไปสัมผัสกับผู้ใช้งาน จะสามารถตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตาม จากที่บริษัทเป็นสตาร์ทอัพ ก็มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย โดยตอนนี้ได้เริ่มประเทศฟิลิปปินส์ แล้ว นอกจากนี้ ยังมองในประเทศเพื่อนบ้าน คือ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในอนาคต ถือเป็นอีกหนึ่ง เทค สตาร์ทอัพคนไทยที่น่าจับตามอง เป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนา ยกระดับภาคอุตสาหกรรมเกษตรไทยให้มีคุณภาพ มาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขอบคุณเครดิตภาพประกอบจาก บริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด และ ‘ไทเกอร์โดรน’
รู้จัก บริษัท ไฮฟ์กราวนด์ จำกัด และ ‘ไทเกอร์โดรน’ เพิ่มเติมได้ที่ :




Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ขับเคลื่อนเกษตรกรไทยด้วยแนวทาง 2 Q เปิดสวิตช์ติดเครื่อง ฟื้นคืนวัฏจักร ผลักดันสู่อาเซียน

ขับเคลื่อนเกษตรกรไทยด้วยแนวทาง 2 Q เปิดสวิตช์ติดเครื่อง ฟื้นคืนวัฏจักร ผลักดันสู่อาเซียน

แม้ในปัจจุบัน มนุษย์จะมีองค์ความรู้มากขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในแทบทุกวงการ มนุษย์ก็ต้องการเครื่องทุ่นแรง เพื่อมาช่วยเหลือในเรื่องต่าง…
pin
2 | 05/02/2025
ราชินีแห่งดอนตูม รวมกลุ่มเกษตรกร ส่งต่อมะเขือเทศผ่านแนวคิดพอเพียง

ราชินีแห่งดอนตูม รวมกลุ่มเกษตรกร ส่งต่อมะเขือเทศผ่านแนวคิดพอเพียง

เสิร์ฟสานความสดใหม่ ร่วมมือร่วมใจเกษตรกรแข็งขัน องค์ความรู้เก่า แนวคิดใหม่ ส่ง “มะเขือเทศราชินี” สู่การแข่งขันจากแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง…
pin
5 | 04/02/2025
“น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” จากธุรกิจครอบครัว สู่แบรนด์ระดับโลก สร้างความยั่งยืนธุรกิจเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG

“น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” จากธุรกิจครอบครัว สู่แบรนด์ระดับโลก สร้างความยั่งยืนธุรกิจเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด ESG

เจาะกลยุทธ์ “น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ” สร้างความยั่งยืนธุรกิจ ด้วยแนวคิด ESG เติบโตเคียงคู่ดูแลสิ่งแวดล้อม สู่แบรนด์ระดับโลกช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…
pin
8 | 21/01/2025
‘ไทเกอร์โดรน’ โดรนฝีมือคนไทย นวัตกรรมช่วยทำเกษตรยุคใหม่