คงไม่มีใครไม่รู้จัก YouTube และ YouTubers แน่ๆแต่ทุกวันนี้
YouTube กำลังเผชิญกับคู่แข่งสำคัญที่ปัจจุบันได้กลายเป็นแอปพลิเคชันใน
iPhone ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐ
นั้นคือ TikTok สำหรับในประเทศไทยนั้นจะคุ้นเคยกับ TikTok
มาระยะหนึ่งแล้ว
TikTok นั้นเป็นของบริษัทจากประเทศจีน
ชื่อ ByteDance เจ้าของบริษัท คือ Zhang Yiming เป็นชาวจีน ก่อตั้ง Bytedance ขึ้นในปี 2012ได้รับการประเมินมูลค่าอยู่ที่ $75,000 ล้าน
และถือเป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนที่มีมูลค่าสูงที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก
ในปี 2016 ByteDance ได้ออกแอปพลิเคชันที่เป็นแหล่งแชร์คลิปสั้นๆ ชื่อว่า Douyin และประสบความสำเร็จมากในประเทศจีน ภายใน 1 ปี มีคนเข้าใช้ 100 ล้านคนและ มี 1,000 ล้าน คลิปวิวต่อวันหลังจากนั้นในปี 2017 ก็ได้ขยาย Douyin ออกไปนอกประเทศจีน โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น TikTok และถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในประเทศต่างๆ ในเอเชียรวมทั้งประเทศไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
TikTokers การตลาดแนวใหม่มัดใจวัยรุ่น
ความสำเร็จของ TikTok ทำให้เริ่มเกิดอาชีพใหม่ขึ้นมาแข่งกับ YouTubers
นั้นคือ TikTokers ซึ่งกลายเป็นอีกทางเลือกและช่องทางหนึ่งของหลายๆ
คน โดย TikTokers นั้นจะต้องเริ่มจากการทำให้คนอื่นๆ เข้ามา Follow
ตัวเองให้เยอะๆ ก่อน จากนั้นจึงจะได้รับการยอมรับให้เป็น Influencers
และเริ่มมีรายได้เข้ามา
รายได้ของ TikTokers นั้นจะไม่ใช่การขายโฆษณาในรายการของตัวเอง
เนื่องจากคลิปใน TikTok มีระยะเวลาที่สั้นแต่จะเป็นในรูปแบบการได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม
การรับขายของหรือโฆษณาผ่านทางคลิป รวมทั้งการโปรโมทร่วมกับช่องทางสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ
ของตนเอง
ทุกวันนี้ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียจากจีน
TikTok ได้เข้ามาบุกตลาดประเทศไทยยึดหัวหาด Gen
Y และ Gen Z เรียบร้อยแล้ว ด้วยบริการที่โดนใจกลุ่มวัยรุ่นอายุ
15-35 ปี เป็นกลุ่มเป้าหมายการให้บริการแพลตฟอร์ม
วิดีโอขนาด 15-60 วินาที โดยคลิปเหล่านี้มักจะมีเพลงประกอบและเป็นคลิปสั้นๆ
ที่มีทั้งตลก น่ารัก แปลก ฯลฯ จำนวนการดูได้รับความนิยมสูงถึง 10,500 ล้านครั้งต่อเดือนหรือราวๆ 10 ล้านคนต่อเดือน
ที่น่าสนใจรูปแบบการให้บริการของ TikTok เน้นเฉพาะเจาะจงไปยังเนื้อหาคลิปสั้นๆที่มีความยาวมากสุดเพียง
60 วินาทีเท่านั้น และเป็นคลิปแนวตั้งซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นอกจากคลิปแนวตั้งแล้วยังเน้นคลิปสั้นถึงสั้นมากแค่ 15 วินาทีเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมคนดู
โดยแพลตฟอร์มของ TikTok ได้สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทก์ผู้ใช้งานที่นิยมดูคลิปมากกว่าเนื้อหารูปแบบอื่นๆแต่ทว่าเนื้อหาคลิปสั้นมากๆนั้นจะต้องทำให้น่าสนใจและดึงดูดมากๆ ตรงนี้ถือว่าเป็นหมัดเด็ดสำคัญของTikTok เลยทีเดียว
สำหรับกลุ่มผู้ใช้งาน TikTok ราวๆ 70% จะเป็นกลุ่มคนอายุระหว่าง15-35 ปี ที่สำคัญในจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดประมาณ 40% เป็นผู้สร้างเนื้อหาซึ่งตรงกับบุคลิกของ Gen Y และGen Z ที่มีความมั่นใจตัวเองสูงและอยากแสดงออกตรงนี้จึงทำให้ TikTok เป็นเจ้าตลาดคลิปแนวตั้ง ติด 1 ใน3ของอาเซียน คนใช้แอปฯเฉลี่ย 33 นาทีต่อวัน แซงหน้า Global Platform หลายรายที่อยู่ในตลาด
กลยุทธ์ของ TikTok คือ เนื้อหามีความหลากหลาย
โดยเพิ่มจำนวนคนสร้างเนื้อหาให้มากขึ้นเมื่อทำสิ่งเหล่านี้ชัดเจนแข็งแรงดี แล้วก็จะไปเน้นที่การสร้างเม็ดเงินให้เต็มที่ซึ่งรายได้หลักจะมาจากโฆษณาหลากหลายรูปแบบนอกจ
ากนี้กลยุทธ์สำคัญคือ เน้นความเป็นท้องถิ่น เน้นการทำ Localized Campaign เป็นหลักโดยผสานกลยุทธ์การตลาดบนออนไลน์ ควบคู่กับการตลาดออฟไลน์
ฉะนั้นเพื่อให้การใช้งานโดยเฉพาะการสร้างคลิปจึงต้องมีมาก หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น TikTok จึงใช้วิธีให้ความรู้กับผู้ใช้งานว่าแพลตฟอร์ม TikTok มีดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้างเพื่อตอบโจทก์การใช้งานทั้งผู้ใช้ทั่วไปรายบุคคล
และผู้ใช้งานที่เป็นแบรนด์และเป็นผู้ผลิตเนื้อหาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการสอนทำคลิปสอนใส่เนื้อเพลง
ใส่พื้นหลังการทำคลิปให้น่าสนใจ
เพื่อตอบโจทก์ในการกระจายเนื้อหาให้มีความหลากหลายซึ่งเป็นนโยบายบริษัท
การเข้ารุกตลาดดุจสายฟ้าแลบจนเติบโตอย่างรวดเร็วของ TikTok ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียสัญชาติจีนรายนี้ เท่ากับมาปลุกให้ยักษ์ใหญ่หลายรายทีเป็นเจ้าตลาดต้องตื่นขึ้นมารีบขยับตัวเพื่อรับมือเป็นการด่วน