ไอศกรีม รสชาติ ‘ภูเก็ต’ Model Business เจ้าของแบรนด์ไอศกรีมพรีเมียม ที่สร้างสรรค์เมนู จากเอกลักษณ์จังหวัดภูเก็ต
‘ภูเก็ต’ จังหวัดทางภาคใต้ของไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในฐานะ "ไข่มุกแห่งอันดามัน" ด้วยมนต์เสน่ห์หลากหลาย เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานนับร้อยปี ที่แห่งนี้ จึงหลอมรวมวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร ภาษา และสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่ตั้งตระหง่านย่านเมืองเก่า ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งชาวภูเก็ต ยังมีอัธยาศัยไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส ยิ่งทำให้ ‘ภูเก็ต’ กลายเป็น Destination ลำดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลก อยากมาเยี่ยมเยือน เพื่อสัมผัสอัตลักษณ์ที่โดดเด่นแบบนี้สักครั้ง
ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น ที่หลงใหลมนต์ขลังของเมืองนี้ เพราะแม้แต่ชาวภูเก็ตแท้ ๆ อย่าง คุณทอรี่ วงศ์วัฒนกิจ ที่ไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานับสิบปี เลือกกลับมาทำธุรกิจร้านไอศกรีม ที่ผสานคุณค่า วัฒนธรรม ความเป็นเอกลักษณ์ สู่เรื่องเล่าผ่านแบรนด์ โดยเขาสอดแทรก Story ลงไปในทุกรายละเอียดขององค์ประกอบอย่างพิถีพิถันและตั้งใจ จนกลายเป็นแบรนด์ Torry's Ice cream ร้านเล็ก ๆ ที่มีเพียง 5 โต๊ะ ในทำเลย่านเมืองเก่า ถนนถลาง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น
Story of Torry's Ice cream หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์แห่ง ‘ภูเก็ต’
คุณทอรี่ กล่าวว่า เขาเกิด และโตที่ภูเก็ต ใช้ชีวิตวัยเด็กจนถึงอายุ 15 ปี จึงไปเรียนต่อระดับไฮสคูล ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา และเรียนระดับมหาวิทยาลัย ที่รัฐชิคาโก สาขา Art & Design ขณะที่พี่สาวอยู่ที่อังกฤษ เลยคุยกันว่า ถ้าย้ายกลับบ้านเกิด จะทำธุรกิจอะไรดี?
“ผมคิดเล่น ๆ ว่าภูเก็ตอากาศร้อน อยากกลับมาขายไอศกรีม บวกกับครอบครัวชอบกิน และชอบไปลองชิมตามร้าน จึงคิดว่าน่าจะทำได้”
เมื่อมีเป้าหมายที่ใช่ เขาจึงเดินทางไปศึกษาต่อเพื่อสิ่งที่ชอบ โดยเลือกเรียนสาขาวิชาการผลิตไอศกรีม (Creamery Science and Technology) ที่ Penn State University มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการสอนทำไอศกรีม
หลังเรียนจบ คุณทอรี่ กลับมาเมืองไทย และเริ่มทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ คือสร้างแบรนด์ไอศกรีม Torry's Ice cream ในปี 2015 โดยเน้นใช้วัตถุดิบคุณภาพดี พร้อมคิดค้นรสชาติไอศกรีมแปลกใหม่ ผสมผสานเอกลักษณ์ของภูเก็ต ให้ออกมาเป็นรสชาติร่วมสมัย จากวันนั้น ถึงวันนี้ เขาเดินตามฝันมาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว
ชื่อร้าน Torry's Ice cream มาจากชื่อ ทอรี่ และถูกนำมาใช้เป็นโลโก้หลักของแบรนด์ ส่วนโลโก้ บรรทัดที่สอง Phuket Wonders มาจากคำบอกเล่าของลูกค้าว่า “ร้านนี้เหมือนสิ่งมหัศจรรย์ของภูเก็ต ทำไมคิวถึงยาวขนาดนี้ ทำไมเป็นร้านไอศกรีมที่มีแค่ 5 โต๊ะ แต่ทำไมคนต้องมา” บวกกับ คำนี้ ตรงกับความตั้งใจจะสร้างแบรนด์ ให้เป็นร้านประจำจังหวัด ให้คนนึกถึง Torry’s แล้วนึกถึงความเป็นภูเก็ต นึกถึงภูเก็ตแล้วให้นึกถึงคำว่า Torry’s
ตัวร้าน Torry's Ice cream เป็นตึกเล็ก ๆ สีชมพู ตามลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส สะท้อนถึงความเป็นคนพื้นถิ่น ภูเก็ตเปอรานากัน (Peranakan) ที่มีความหมายว่า “เกิดที่นี่” การตกแต่งและออกแบบตัวบ้าน เป็นแนวยาว เปรียบเสมือนมังกร ประตูบ้าน คือ ‘ปากมังกร’ หน้าต่างสองข้างด้านล่างเปรียบเสมือน ‘ตามังกร’ หน้าต่างด้านบน เปรียบเสมือน ‘คิ้วมังกร’ มีสัญลักษณ์ค้างคาว 4 ตัวหันหน้าเข้าหาทั้ง 4 มุม การตกแต่งในร้าน ประกอบด้วยเคาน์เตอร์สไตล์จีน แต่สอดแทรกสไตล์ยุโรปด้วยแชนเดอเลีย ผสานระหว่างความเป็นจีนกับยุโรปอย่างลงตัว
We are not selling just an Ice Cream. We are selling Local Experience and Happiness
“เราบอกพนักงานที่ร้านเสมอว่า Torry's Ice cream ไม่ได้เป็นแค่ร้านขายไอศกรีม แต่เราขายประสบการณ์ ขายความเป็นพื้นเมืองของภูเก็ต และพร้อมจะส่งมอบความสุขให้ลูกค้า นี่คือ Concept แรกที่ตั้งไว้ก่อนจะเปิดให้บริการ”
Brand Story กับการสื่อความหมายที่ซ่อนไว้อย่างลงตัว
เราตั้งใจให้คนเห็นโลโก้ร้าน Torry's Ice cream ที่มองเผิน ๆ แล้วรู้สึกเหมือนเป็นแบรนด์จากยุโรป แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียด จะต้องมองเห็นความเป็นภูเก็ตซ่อนอยู่ โดยการเล่าเรื่องผ่าน 5 ตัวละคร ที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน แต่สามารถ Represent ความเป็นครอบครัวของเราได้อย่างลงตัว
คาแรกเตอร์ที่ 1 สัญลักษณ์รูปแพะ คือตัวแทนของผม มีลูกโลกกับเรือสำเภา สื่อความหมายถึง การเดินทาง ผมไปอยู่อเมริกามา 10 ปี แล้วกลับมาบ้านเกิด จึงเป็นคนเดียว ที่ไม่ได้ใส่ชุดพื้นเมือง แต่ใส่ชุดเหมือนนักเรียนนอก บนหน้าอกจะมีจิวเวลรีคล้ายดาวกระจาย เรียกว่า ปิ่นตั่ง เป็นจิวเวลรี่ประจำจังหวัดภูเก็ต สื่อให้เห็นว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กภูเก็ต ส่วนแพะ มีความหมายมงคล สื่อถึง ความมั่งคั่ง และประสบความสำเร็จ
คาแรกเตอร์ที่ 2 คือคุณพ่อ แทนด้วย จระเข้ สื่อถึงความเป็นชาวภูเก็ตแต่กำเนิดอย่างแท้จริง เพราะต้นตระกูลเรา คือ เข้ ภาษาทางใต้หมายถึง จระเข้ ชุดของคุณพ่อ เป็น ชุดนายเหมือง เพื่อให้เห็นวัฒนธรรมภูเก็ตในสมัยก่อนว่า บ้านเราเติบโตมาจากการทำเหมืองแร่ และอีกหนึ่งความหมายของ เข้ แปลว่า เปิดออก สื่อความหมายว่า คุณพ่อเปิดประตูร้านออกมายืนต้อนรับลูกค้าอยู่ที่หน้าร้าน
คาแรกเตอร์ที่ 3 คือพี่สาว แทนด้วยนก สื่อถึงนิสัยรักอิสระ สวมชุดพื้นเมือง เรียกว่าชุดเจ้าสาว หรือชุดครุย สวมมงกุฎดอกไม้ไหวเป็นเครื่องประดับศีรษะ มีเสี่ยหนา คือ ปิ่นโต หรือตะกร้าซึ่งเป็นเครื่องใช้ของชาวจีน ตั้งอยู่ที่พื้น เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด
คาแรกเตอร์ที่ 4 เพื่อเป็นการสะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นภูเก็ตด้วยวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่าง จีน กับ ตะวันตก จนเกิดเป็นความนิยมในการดื่มชายามบ่าย พร้อมขนมหวานพื้นเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นเมนู Signature ของทางร้าน ชื่อว่า บีโกหมอย (Bi-co-moi) ลักษณะคล้ายข้าวเหนียวเปียก เสิร์ฟในกระทะทองเหลือง บีโก แปลว่าข้าวเหนียวดำ ส่วนหมอย แปลว่า ต้ม จะเห็นเป็นรูปกระทะตั้งอยู่บนโต๊ะ และมีคุณแม่เป็นคนทำ เราใช้คาแรกเตอร์แมวแทนให้ท่าน เพราะ “แมว” คือชื่อเล่นของคุณแม่ ผู้อยู่เบื้องหลังเมนู Signature ที่เป็น Best Seller ของร้าน
คาแรกเตอร์ที่ 5 Phuket Lobster หรือ กุ้งมังกร 7 สี เป็นตัวแทนของพนักงาน เปรียบเสมือน พนักงานของเราที่มาจากต่างที่ ต่างถิ่น แต่เมื่อมาอยู่รวมกันในองค์กร พวกเขากลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้องค์กรเติบโต
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือตัวอักษรที่อยู่บนโลโก้ เป็นลายมือที่เขียนขึ้นมาเอง ไม่ใช้ฟอนต์สำเร็จรูป เพราะต้องการให้แบรนด์ดูอินเตอร์ แต่ในความอินเตอร์ แฝงรายละเอียดสิ่งที่เป็นภูเก็ตทั้งหมด เพื่อไปถึงเป้าหมาย คือ เป็นแบรนด์ประจำจังหวัด สะท้อนความเป็นเด็กภูเก็ต มี Identity ที่สื่อผ่านแบรนด์
Ice Cream & Brand Heritage
คุณทอรี่ กล่าวว่า ทุกคาแรกเตอร์ ที่สื่อออกไป ต้องแสดงถึงภาพลักษณ์ และวัฒนธรรมของภูเก็ต รวมถึงอยู่ในแพ็คเก็จจิ้งของร้าน ทุกอย่างเรา Custom ใหม่ ให้เป็นสไตล์ตัวเอง สะท้อนวิถีความเป็นอยู่ที่มีคุณค่า ในทุกอย่างรอบตัว
"เราเปิดร้านเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ตรงกับช่วงเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของภูเก็ต คือ ถือศีลกินผัก หรือเทศกาลกินเจ สินค้าที่เราทำออกมาขายครั้งแรก จึงเป็นไอศกรีมมังสวิรัติทั้งหมด เป็นวีแกนไอศกรีม นั่นคือการเปิดตัวครั้งแรกของเรา”
นอกจากไอศกรีม ที่นำเสนอรสชาติจากเมนูในท้องถิ่น สะท้อนความเป็นภูเก็ต เรายังอบขนมกันทุกวัน เพราะอยากให้ลูกค้ารู้ว่า การลุกขึ้นมาสร้างคุณค่า เปลี่ยน และยกระดับขนมพื้นเมือง เราทำแบบไหนบ้าง ทำไม คุณซื้อขนมในร้านเรา แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินออกจากชอปแบรนด์เนม อีก 100 ปีผ่านไป ความเป็นภูเก็ต หรือ Torry’s จะยังคลาสสิก ทุกยุค ทุกสมัย นี่คือเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับ แพ็คเก็จจิ้ง หรือภาชนะใส่ขนมพื้นเมือง
สื่อสารเรื่องราว วัฒนธรรมภูเก็ต ผ่านไอศกรีม
“ลิ้มลองรสชาติอารยธรรมความเป็นภูเก็ต และกลับไปด้วยความทรงจำอันล้ำค่า” คำสั้น ๆ ที่แทนคำนิยามของ Torry's Ice cream โดยคุณทอรี่ บอกว่า สิ่งที่อยากได้จากธุรกิจนี้ ไม่ใช่ผลกำไร แต่คือการทำให้ขนมพื้นเมือง มีคุณค่า เขาเชื่อว่าการยกระดับอย่างถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลา จะทำให้สานต่อได้ไม่รู้จบ
วันนี้เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่อยากทำขนมเปี๊ยะแล้ว เพราะเหนื่อย แถมกำไรน้อย เราอยากเปลี่ยนมุมมองใหม่ให้เขาเห็นว่า ขนมพื้นเมืองภูเก็ต เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การรักษาและสืบทอด เราไม่เน้นกำไรแต่เน้นสื่อสารให้ความเป็นภูเก็ตไปถึงทุกคน
คนส่วนใหญ่ กินไอศกรีม เพราะอยากกินของอร่อย แต่กลัวอ้วน เราจึงเลือกวัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยสั่งซื้อผลิตภัณฑ์นม และวิปครีม แบรนด์ แดรี่ โฮม (Dairy Home) จากมวกเหล็ก สระบุรี ส่วนน้ำตาล เราใช้ของวังขนาย นอกจากนี้ เราอยู่ในสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย - Thai Organic Consumer Association ซึ่งมีกลุ่มเกษตรอินทรีย์ทุกจังหวัดเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม เราจึงสามารถติดต่อ เพื่อให้เขาส่งผลิตภัณฑ์มาให้เราแปรรูปเป็นไอศกรีมได้ ดังนั้น วัตถุดิบเกิน 90% จึงเป็นออร์แกนิกทั้งหมด
ผมเชื่อว่าวันหนึ่ง คนจะเห็นคุณค่าของคำว่าออร์แกนิก รับประทานแล้วดีต่อสุขภาพ ผมคือร้านที่คัดคุณภาพมาให้แล้ว ใครไม่เริ่มตอนนี้ ถือว่าช้า ไม่ต้องรอให้เวลามาถึง ทำได้เลย ราคาขนมของเราอยู่ที่ 200 ถึง 300 บาท ถ้าลูกค้าเข้าใจ จะรู้ว่าเราขายไม่แพงเลย อย่างเมนู โอ้เอ๋ว ราคาทั่วไปจะอยู่ที่ 85-120 บาท
นอกจากเมนูไอศกรีมแล้ว เรายังมีขนมไหว้พระจันทร์ ที่มีความพิเศษ คือนำแป้งไปหมักน้ำเชื่อมนานนับปี เพื่อให้ได้ความนุ่ม แม่พิมพ์เป็นรูปดอกโบตั๋น เราให้ช่างไม้เจาะพิมพ์จากไม้บล็อกใหญ่ เพื่อให้แม่พิมพ์มีความอ่อนช้อยที่สุด เพราะไอศกรีมที่เสิร์ฟทุกถ้วย คือการสื่อสารถึงความปราณีตในการเสิร์ฟอาหาร ส่วนเรื่องรสชาติ คือแรงบันดาลใจที่มาจากขนมพื้นเมือง
เรื่องราวทั้งหมดของเรา Based on true story เป็นเรื่องจริงที่เราออกแบบและใส่ลงไปในแบรนด์ ไม่ใช่การแต่งเรื่องใหม่เพื่อสร้างคุณค่า แต่เป็นการเอาคุณค่ามาเล่าเรื่อง เราจึงเล่าได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ
ความสำเร็จ ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
คุณทอรี่ กล่าวถึงการทำตลาดว่า บริษัทเราไม่มีฝ่ายขาย ไม่มีทีมการตลาด โพสต์ Facebook ปีละครั้ง Instagram มีไม่ถึง 20 รูป เพราะการตลาดของเราคือการบอกต่อจากลูกค้า เมื่อเขาประทับใจ จะบอกต่อกัน รวมถึงสายการบิน โปรโมทร้านให้เราโดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงได้รับการแนะนำโดยสื่อต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่ตอนนี้เริ่มกลับมาโพสต์มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าทราบว่าเรายังอยู่ตรงนี้ ที่เดิม
หลายคนมองว่าเราโชคดี เพราะทำเลที่ดี แต่ลองย้อนไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ย่านเมืองเก่ายังไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างตอนนี้ คนมาภูเก็ตเพราะอยากไปทะเล หรือแหล่งท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เราคิดทุกอย่างรอบด้าน และมีความตั้งใจเกินร้อย สร้างแบรนด์จากความเป็นคนพื้นเมืองจริง ๆ
กำไร ที่ตั้งใจคืนกลับให้ชุมชนและสังคม
เราอยากส่งเสริมคนในท้องถิ่น จึงทำการ Collaboration กับ Local Chef กลุ่มเชฟรุ่นใหม่ในจังหวัดภูเก็ต มาช่วยออกแบบเมนูไอศกรีมกับเรา โดยสร้างสรรค์รสชาติด้วยแรงบันดาลใจจากเส้นทางการเติบโต การดำรงชีวิต ถ่ายทอดผ่านไอศกรีมในมุมมองของพวกเขา
นอกจากนี้ เราร่วมกับมูลนิธิบ้านอาจ้อ (Baan Ar-Jor Foundation) ทำไอศกรีมให้เขา 3 รส รายได้ทั้งหมด บริจาคให้โรงเรียนบ้านไม้ขาว เป็นการคืนกำไรให้สังคม เพราะเด็กที่นั่นค่อนข้างลำบาก ไม่มีแม้กระทั่งรองเท้าจะใส่ไปโรงเรียน เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำได้ อย่างเต็มใจ
ความใส่ใจ พิถีพิถันกับรายละเอียด เป็นสิ่งที่คุณทอรี่ ไม่ปล่อยผ่าน ทุกอย่างของ Torry's Ice cream เต็มไปด้วยเรื่องราว แม้กระทั่งบนแพ็คเก็จจิ้งที่ส่งมอบให้ลูกค้า จะมีบทกลอนภาษาอังกฤษ เป็นคำขอบคุณลูกค้า
Thank you for visiting our little corner of the world.
May the winds guide you back to us and the tastes &
tokens of our heritage linger in your hearts forever.
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมมุมเล็ก ๆ ในโลกใบนี้
ขอให้สายลมได้พัดพาคุณกลับมาอีกครั้ง
ขอให้อารยธรรมเมืองภูเก็ต ได้ตราตรึงใจคุณไปตลอดกาล”
นี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่เราตั้งใจมอบให้ เมื่อลูกค้ามาที่ร้าน และซื้อของติดไม้ติดมือกลับไป
การเดินทาง สู่ Sustainability
ผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ สะท้อนแนวคิดว่า ความรับผิดชอบต่อสังคม Social Responsibility ที่เรายึดถืออยู่เสมอ คือการรักษาเมืองที่เราอยู่อาศัยให้นานที่สุด มีกิจกรรมหนึ่งที่พนักงานของเราช่วยกันคิด คือ รถขยะ เพราะได้เห็นว่ามีถ้วยไอศกรีมของร้านใช้แล้วบางส่วน ถูกวางทิ้งไว้ตามหน้าบ้านร้านรวง และทางเดินของชุมชน เราจึงคิดทำรถขยะขึ้นมา และช่วยกันเดินเก็บขยะตอน 5 โมงเย็นในทุก ๆ วัน
ส่วนเรื่องแพ็คเก็จจิ้ง มีการออกแบบและดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ทั้งจาน ชาม เป็นงานทำมือที่ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้สื่อถึงอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่สวยงามของจังหวัดภูเก็ต ซองห่อขนมด้านใน เราใช้ซองกระดาษ ลดการใช้พลาสติกให้น้อยที่สุด กล่องกระดาษสามารถย่อยสลายได้แบบ 100% และกระป๋องใส่สินค้าเป็นแบบอัปไซเคิค สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
แนวคิดทิ้งท้ายจากคุณทอรี่ คือ การทำธุรกิจ ต้องคิดให้รอบด้าน เอา Passion เป็นตัวตั้ง แล้วทุกอย่างจะออกมาดีเสมอ เพราะการทำในสิ่งที่รัก เราจะอยู่กับสิ่งนั้นได้นาน ธุรกิจที่ทำกำไรตามกระแส อาจจะไม่ยั่งยืนถามตัวเองว่าเราคืนอะไรให้กับสังคม มองให้หลายมิติ แล้วคุณจะไม่เหนื่อย
ที่สำคัญ คือ วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน แล้วคุณจะไม่หลงทาง ผมไม่ได้ขายสินค้าตามเทรนด์ แต่ขายคุณค่า ให้ลูกค้าสัมผัสวัฒนธรรมของภูเก็ตผ่านไอศกรีมของเรา
ติดตาม ‘Torry's Ice cream’ เพิ่มเติมได้ที่
TORRY'S Ice cream
Open Monday-Sunday
10am-6pm everyday
16 Soi Rommani, Talat Yai, Mueang Phuket District, Phuket 83000
Phone : 076 510 888
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333
Related Article
การเดินทางของ “น่านดูโอ คอฟฟี่” ผู้บุกเบิกกาแฟโรบัสต้าจากภาคใต้สู่ภาคเหนือ พร้อมเคล็ดลับการหาช่องว่างในตลาดกาแฟ
ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มคู่ใจสำหรับวัยทำงานคงหนีไม่พ้น “กาแฟ” ด้วยกลิ่นหอมละมุน รูปแบบการคั่วเมล็ดหลากหลายตามความชอบ เกิดเป็นรสชาติที่ทำให้หลายคนติดใจ…
4 | 18/04/2025
“โรงหล่อ ก.เจริญ” ผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กหล่อไทยกว่า 50 ปี ด้วยนวัตกรรม Lean Manufacturing และ Automation
ในโลกของอุตสาหกรรมการผลิต “วัตถุดิบโลหะ” ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน เครื่องจักร…
7 | 11/04/2025
เปลี่ยนขยะให้เป็นมูลค่าด้วย Zero-Waste
แนวคิด Zero-Waste กลายเป็นกลยุทธ์ที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญหลายธุรกิจเริ่มตระหนักว่าการลดขยะไม่ใช่แค่ช่วยสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดต้นทุน…
10 | 06/04/2025