นับจากช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา
หลายคนอาจกังวลว่าการทำการตลาดสินค้าไปยังตะวันออกกลางจะต้องสะดุดลง จากปัญหาความเสี่ยงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ
และอิหร่านที่มีความตึงเครียดกันมากขึ้น ภายหลังจากมีการสังหารนายพลอิหร่านโดยคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ถือว่าปิดตายไปเสียทีเดียว เพราะตลาดตะวันออกกลางยังมีประเทศสมาชิกที่น่าสนใจอย่าง "อิสราเอล"
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการระหว่างประเทศ
ณ กรุงเทลอาวีฟ รัฐอิสราเอล ฉายภาพว่าแม้ว่าตลาดอิสราเอลจะมีขนาดเศรษฐกิจไม่ใหญ่
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในตะวันออกลาง และแอฟริกา ด้วยมีจำนวนประชากรเพียงแค่
9.124 ล้านคน และมีมูลค่าเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ 355,024 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น
"อิสราเอล" มีความน่าสนใจหลายด้าน
ทั้งจาก "กำลังซื้อที่สูง"
เพราะประชากรอิสลาเอลมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรในประเทศที่ค่อนข้างสูงถึง
34,789 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศไทยถึง 6 เท่า ประชากรอิสราเอลมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
3,030 เหรียญสหรัฐ และมีอัตราการขยายตัวของเงินเฟ้อที่ 0.3% ด้วยเหตุนี้ทำให้อิสราเอลมีความต้องการสินค้าและบริการจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน
อิสราเอลยังถือเป็นตลาดแรงงานสำคัญ
การขยายความสัมพันธ์ทางด้านการกับอิสราเอลไม่ใช่เพียงจะได้ตลาดที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น
แต่ไทยยังจะได้โอกาสในการขยายตลาดแรงงานขนาดใหญ่ เพราะปัจจุบันอิสราเอลถือเป็นตลาดแรงงานไทยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ
1 ใน 10 โดยมีจำนวนแรงงานไทยในอิสราเอลถึง 25,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ร้อยละ 75
เป็นแรงงานในภาคเกษตร
โอกาสธุรกิจท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน
อีกด้านหนึ่งอิสราเอลถือเป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญของไทย
เพราะในแต่ละปี มีจำนวนนักท่องเที่ยวอิสรเอลเดินทางมาเยือนไทย ปีละ 190,000 คน
ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดหากเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกลางที่เดินทางเยือนไทย
สำหรับโอกาสในการลงทุนในอิสราเอลมีหลายด้าน
เพราะปัจจุบันรัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเป็นอย่างมาก จนเรียกได้ว่า
เป็น "Startup Nation" ก็ว่าได้
โดยจะเห็นว่า ปัจจุบันอิสราเอลมีการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมในอุตสาหกรรมไฮเทค
ครอบคลุมอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น เกษตร ปัญญาประดิษฐ์ (AI) Internet of
Things (IoT) ด้านการเงิน (Fintech) ด้านความปลอดภัยไซเบอร์
(Cyber Security) เป็นต้น
ถือเป็นโอกาสที่ดีหากไทยจะสนับสนุนให้นักลงทุนอิสราเอลขยายการลงทุนเข้ามายังประเทศไทย
ซึ่งกำลังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)
ในสาขาต่างๆ อาทิเกษตร การแพทย์และเครื่องมือแพทย์
ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) เป็นต้น
ขณะเดียวกันอิสราเอลก็มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนจากต่างประเทศสามารถถือหุ้นได้ 100% โดยสาขาที่ส่งเสริมมาก เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ สิ่งแวดล้อม การแพทย์ เทเลคอมมูนิเคชั่น ความมั่นคงแห่งประเทศ (Homeland Security) เทคโนโลยีด้านการเกษตร และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
หากพิจารณานโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของอิสราเอลจะพบว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) กับนานาประเทศ มากถึง 11 ฉบับ เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐ
สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) แคนาดา ตุรกี เม็กซิโก
ตลาดร่วมอเมริกาตอนใต้ (Mercosur) อียิปต์ จอร์แดน โคลัมเบีย
และปานามา
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา FTA
กับทั้งอินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้ จีน และยูเครน
และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเจรจากับ สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย
ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์มาเนีย และคีร์กีซสถาน
ในด้านการค้ากับไทยนั้น
อิสราเอลเป็นคู่ค้าลำดับที่ 41 ในด้านการส่งออก และเป็นคู่ค้าอันดับ 39
ในการนำเข้า และมีการลงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น
โดยนักลงทุนจากไทยเริ่มแสวงหาลู่ทางลงทุนในอิสราเอลเพิ่มขึ้น เช่น บริษัทอินโดราม่าเข้าไปลงทุนซื้อกิจการใน
บริษัท AVGOL
Industry เมื่อปี 2561
ขณะที่นักลงทุนอิสราเอลเข้ามาลงทุนในไทย
โดยขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักคณะส่งเสริมการลงทุน (BOI)
นับ 10 โครงการ มูลค่า 184 ล้านบาท ในช่วงปี 2556-2560
ในสาขาเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์
ทั้งหมดนี้อาจจะเรียกได้ว่า "อิสราเอล" เปรียบเหมือนตลาดแห่งความหวังที่ยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์หนึ่งของไทย ท่ามกลางกระแสความผันผวนของเศรษฐกิจและความเปราะบางทางการเมือง
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
ปักหมุดลงทุน 'ศรีลังกา' ไทยได้อะไร?
“บังกลาเทศ” ประตูการค้าสู่เอเชียใต้