แม้ว่าผลพวงจากสงครามการค้า
และภาวะอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าอย่างหนักในรอบ 6
ปี จะทำให้การส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีแรกซวนเซติดลบถึง 2.9%
แต่หากเปิดดูรายการสินค้าจะพบว่า "อัญมณีและเครื่องประดับ"
เป็นสินค้าที่โต 15.21%
มูลค่ามูลค่า 7,244.46
ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 228,683.16
ล้านบาท ถือว่าสวนกระแสการส่งออกที่ติดลบ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกในช่วง 6
เดือนของปี 2562 เพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกทองคำ
ที่เพิ่มขึ้นถึง 40.15%
เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
และอานิสงค์จากความวิตกกังวลในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกและจีน
ทำให้มีแรงซื้อทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่เติบโตดี เช่น
ตลาดอินเดียเติบโตแรงสุด เพิ่ม 95.14%
จากการส่งออกสินค้ากึ่งวัตถุดิบและวัตถุดิบอย่างเพชรเจียระไน พลอยก้อน
และโลหะเงินได้เพิ่มขึ้น เพราะอินเดียนำเข้าไปแปรรูปเพื่อจำหน่ายและส่งออกต่อ
รองลงมา คืออาเซียนเพิ่ม 50.92%
จากการส่งออกไปสิงคโปร์ เวียดนาม และกัมพูชา เพิ่มขึ้น 96.12%
,56.37% และ 44.11%
ตามลำดับ โดยสิงคโปร์มีการส่งออกเศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่า
และเครื่องประดับเทียมเพิ่มขึ้น เวียดนาม ส่งออกอัญมณีสังเคราะห์ โลหะเงิน
และเพชรเจียระไนได้เพิ่มขึ้น และกัมพูชาส่งออกเพชรเจียระไนได้เพิ่มขึ้น และจีน
เพิ่ม 0.18%
จากการส่งออกเครื่องประดับเงินเป็นหลัก
ความท้าทายในครึ่งปีหลัง
สำหรับแนวโน้มการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี
2562
ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งจากสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจสหรัฐฯ กับจีน
และสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ รวมถึงความไม่แน่นอนในการเจรจาแยกตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ
(Brexit) ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุนโลก
รวมถึงค่าเงิน โดยเฉพาะค่าเงินเหรียญสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น รวมถึงเงินบาท
ซึ่งหากค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าคู่แข่งซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันได้
อย่างไรก็ตาม
อีกด้านหนึ่งผลจากสงครามการค้ายังทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกไปสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น
เพื่อทดแทนสินค้าจากจีนที่ถูกขึ้นภาษีนำเข้า
ซึ่งเท่ากับผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมพร้อม เนื่องจากสหรัฐฯ
เข้มงวดกับธุรกิจเครื่องประดับ
โดยได้กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลแหล่งที่มาของวัตถุดิบทั้งเพชร พลอยสี
และโลหะมีค่าอื่นๆ เพื่อป้องกันปัญหาการฟอกเงินและการค้าวัตถุดิบในการผลิตเครื่องประดับเพื่อเป็นแหล่งทุนสนับสนุนเหตุความขัดแย้งและกลุ่มนอกกฎหมาย
หากไทยสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ย่อมจะส่งผลดีกับการส่งออก
และที่สำคัญ "ผู้ประกอบการ" ต้องพัฒนาสินค้า ควบคุมคุณภาพ มาตรฐาน และกำหนดจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อเรื่องราคามาก และต้องโฟกัสกลุ่มผู้บริโภคให้ถูก เช่น กลุ่มมิลเลนเนียลจะชื่นชอบอัญมณีและเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์ เพื่อสะท้อนบุคลิกภาพ และมีพฤติกรรมซื้อแบบปากต่อปาก ตามจากการโฆษณาและอิทธิพลของเซเลบหรือผู้ทรงอิทธิพลในสื่อออนไลน์ เป็นต้น
เจาะตลาดออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Zilingo
นางดวงกมล เจียมบุตร
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
หรือ GIT เปิดเผยว่า
GIT มุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
โดยมีโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ หรือ Buy With
Confidence (BWC) ซึ่งมีผู้ประกอบการในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับผ่านใบรับรองคุณภาพจากจีไอทีแล้วรวมกว่า
200 ราย
พร้อมดันขยายออกสู่ตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ
ทั้งยังเดินหน้าจัดโครงการนำร่องในการพัฒนาผู้ประกอบการเข้าสู่การทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ภายใต้โครงการพัฒนาจังหวัดจันทบุรีเป็นนครอัญมณี ผ่านแพลทฟอร์ม Zilingo
ประเทศไทยซึ่งเป็นเป็นแพลทฟอร์มสำหรับการซื้อขายออนไลน์
โดยได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่าย ซึ่งผู้ประกอบกการที่ได้รับการรับรอง BWC
จะได้ตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค
เพราะซื้อแล้วมั่นใจได้ว่าได้ของดีมีคุณภาพ
นอกจากนี้ในอนาคต GITวางแผนจะขยายความร่วมมือไปสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจากเครื่องหมายนี้มั่นใจได้เลยว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่กลุ่มลูกค้าได้ โดยจะมีสติกเกอร์ตราสัญลักษณ์ BWC ที่ติดอยู่หน้าร้านค้า หรือ หน้า Website ของร้านค้า สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของสินค้าที่ได้รับการรับรองผ่าน QR Code จากนั้นสามารถเรียกดูใบรับรองฉบับจริงจากร้านค้า เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าที่จำหน่าย และสามารถซื้อได้อย่างมั่นใจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอนาคตอย่างแน่นอน