แม้ฝนจะตกทุกวันแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งสายเที่ยวอย่างเราไปได้จริงมั้ย
? และหน้าฝนก็ต้องเที่ยวฟาร์มเหมาะที่สุดเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเขียวขจี
สามารถสูดไอดินกลิ่นดอกหญ้า กินอาหารอร่อย
พร้อมกับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบใหม่ให้ท้าฝนแบบslow life
ราชบุรี จังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคตะวันตก ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่มีของดีมากมายไม่ ขอแนะนำเที่ยวฟาร์มหน้าฝน กับ 5 ฟาร์มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
Coro Field Farm ใช่เลย! ฟาร์มเมล่อนในสไตล์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อของอ.สวนผึ้ง เลี้ยวรถเข้าไปปั๊บเจอโคโรโระคุง
ใส่ชุดยูกะตะที่ทำจากฟางข้าวยืนยิ้มตัวกลมคอยต้อนรับแขกที่มาเยือน ที่นี่เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ที่ใช้คอนเซ็ปต์ Lifestyle Farm
เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรมรูปแบบใหม่ที่ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ด้านเกษตรกรรมผ่านกิจกรรมหลากหลายในกรีนเฮ้าส์ขนาดใหญ่ เช่นการปลูกผัก หรือจะเดินชมสวน เก็บผักผลไม้
จุดมุ่งหมายคือต้องการให้เราไปใช้ชีวิตในวันหยุดแบบ slow life
อย่างมีความสุขท่ามกลางฟาร์มธรรมชาติ
นอกจากจะได้สุกสนานกับกิจกรรมหลากหลายแล้ว ที่นี่ยังมีโซนร้านอาหารนั่งกินสบาย ๆ แบบคาเฟ่บิสโท ที่เสิร์ฟอาหารคลีนแนว Japanese fusion โดยใช้วัตถุดิบที่ปลูกจากฟาร์มออร์แกนิกแห่งนี้มาปรุงแต่งอาหารจานสวย ๆ อีกสิ่งหนึ่งต้องไม่พลาดคือ น้ำเมล่อนและไอศกรีมเมล่อน ซึ่งเลือกใช้เมล่อนเนื้อหวานฉ่ำที่ปลูกในฟาร์ม ก่อนกลับยังสามารถช้อปผักผลไม้สด ๆ ไร้สารกลับไปปรุงอาหารที่บ้านได้อีกจากโซนโคโรฟิล มาร์เก็ต
The Scenery vintage Farm มาราชบุรีต้องได้มาป้อนหญ้าให้แกะให้ได้ไม่เช่นนั้นถือว่ายังมาไม่ถึง
ถ้าเช่นนั้นต้องมาเช็คอินที่ The Scenery vintage Farm ฟาร์มแกะยอดฮิตของสวนผึ้ง
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ
ออกแบบ
Landscape แบบ
English
Country มีบ้านเรือนแบบยุโรป
ตัดกับด้านหลังที่เป็นภูเขา เดิน ๆ
อยู่นึกว่าตัวเองมาเที่ยวชนบทของสวิสเซอร์แลนด์ซะงั้น แถมมีพร็อพเยอะมากให้นักท่องเที่ยวมาเชลฟี่สวย ๆ
อวดเพื่อนในFB ให้ตื่นเต้นกัน
ค่าเข้าชมฟาร์มคนละ
50 บาทจะได้หญ้ามา 1
กำเพื่อป้อนให้น้องแกะปุกปุย โดยมีวิธีป้อนหญ้าแบบขำๆ คือ ให้กางแขนยื่นหญ้าออกไปจากลำตัว
ปล่อยปลายหญ้าลงไป ห้ามชูหญ้าขึ้นเด็ดขาดเพราะน้องแกะจะมาตะกายตัวเราเพื่อกินหญ้า
นอกจากเดินเล่นในบรรยากาศเหมือนชนบทในสวิสเซอร์แลนด์แล้ว ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้สนุกกัน เช่น เช่น ขับรถAVชมรอบ ๆ ฟาร์ม นั่งชิงช้าสวรรค์ชมวิวจากที่สูง ฟาร์มหมูน้อย, การโชว์ตัดขนแกะ ยิงธนู เล่นเกมทุบแกะลงถัง ปาลูกโป่ง ทำสปาปลา ป้อนนมปลาคราฟ์ เที่ยวเพลิน ๆ ถ้าหิวก็ยังมีร้าน Honey Scene Steak & Bar ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนเมนูเด็ดคือไอศกรีมนมรสหวานมัน
Secret Space ดินแดนแห่งความลึบลับที่มาของชื่อเพราะสร้างทางเข้าเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต
ท้าทายผู้มาเยือนตั้งแต่เส้นทางเข้ามา และถ้ามาถูกทางก็จะมาโผล่ที่หน้าร้านกาแฟเล็ก
ๆ แต่เห็นแล้วต้องร้องWOW!!! เป็นแบบมินิมอลลิสต์บวกกับลอฟต์
ที่เน้นความโปร่งโล่งสบายตา
บนพื้นที่
500 ไร่ของ
Secret Space เป็นแหล่งผลิตไม้ใบรายใหญ่อันดับต้นของประเทศ
มาที่นี่แล้วจะได้อะไรบ้าง??ตอบได้เลยว่าใครชอบต้นไม้ใบหญ้ามาได้เลย
เพราะเจ้าของฟาร์มเตรียมความรู้ในเรื่องพันธุ์ไม้แปลก ๆ 4
โซนคือไม้ดึกดำบรรพ์หายาก ไม้ผล เฟิร์น และกระบองเพชร รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตต้นไม้ที่ไม่ได้จัดวางในชั้นแบบทั่วไป
เพราะนักท่องเที่ยวเดินไปมุมไหนถ้าสนใจต้นไม้ต้นไหนที่ปลูกในกระถาม
สามารถซื้อแล้วยกกลับบ้านได้เลย
ร้านกาแฟ Secret Space Café ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนร่มรื่น อาหารเป็นแนวฟิวชั่นเล็ก ๆ คลีนหน่อย ๆ ส่วนไฮไลต์คือ Secret Coffee ที่ใช้เมล็ดกาแฟปั่นลงไปด้วยเพื่อสุขภาพ ส่วนจะอร่อยแค่ไหน ขับรถไปลองกันเลยดีกว่า
ไร่ปลูกรัก
เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ (Organic Farm) ที่ประสบความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่มาของชื่อเกิดจากเจ้าของได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำผืนดิน 60 ไร่กลายมาเป็นฟาร์มผักออร์แกนิกเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของครอบครัวและเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบป้อนให้กับร้านอโณทัย
เป็นอาหารมังสวิรัติ
ฟาร์มนี้เหมาะสำหรับพาครอบครัวลูกเล็ก ๆ มาร่วมกิจกรรมสนุก ๆ กับการเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ ทั้งเสียเงินและฟรี เช่น ลุยดำนาแบบโยนข้าว (กล้าต้นละ 1 บาท ) ,เกี่ยวข้าว ( 20 บาท) , เล่นว่าวริมนากับลุงแดง ( ว่าวชุดละ 50 บาท) ,ปลูกผักเพ้นต์กระถาง ( ชุดละ 30 บาท )
อัลปาก้าฮิลล์
(AlpacaHill) อะไรเอ่ยอูฐก็ไม่ใช่ แกะก็ไม่เชิง
เพราะหน้าตาเป็นลูกผสมระหว่างอูฐกับแกะ จึงทำให้อัลปาก้าสัตว์หน้าตาประหลาดจากทวีปอเมริกาใต้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายเมื่อมาอยู่เมืองไทยในฟาร์มอัลปาก้าฮิลล์แห่งนี้
ส่วนอัลปาก้าภายในฟาร์มพื้นที่กว่า 250 ไร่นี้ ได้สายพันธุ์มาจากออสเตรเลีย
ซึ่งเลี้ยงไว้เพื่อประกวดโดยเฉพาะ
เป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงอัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย อัลปาก้าเป็นสัตว์รักสงบมีนิสัยเป็นมิตร
ผู้มาเยี่ยมชมสามารถให้อาหารได้อย่างใกล้ชิดการเข้าชม ทางฟาร์มอัลปาก้าฮิลล์ (Alpaca Hill) จะกำหนดจำนวนผู้เข้าชมไว้ที่
200 ท่านต่อวันเท่านั้น เพื่อเป็นการลดความเครียดอันเนื่องมาจากการติดต่อกับมนุษย์ โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ
กลุ่มละ 8 -10 คน
น่าไปใช่มั้ย...แพ็คกระเป๋าสิ จะรออะไร
ขอบคุณภาพจาก Facebook