กรมอุตุฯประกาศว่าปีนี้เมืองไทยจะหนาวมาก
เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม เป็นต้นไปยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุณหภูมิลดลงถึง 7-8 องศาทีเดียว อากาศเย็นสบายอย่างนี้
แพคกระเป๋าไปเที่ยวกันดีกว่า
“เชียงใหม่” คือจุดหมายปลายทางที่จะขอแนะนำให้ไปกัน อย่าเพิ่งร้องยี้ว่าเบื่อนะคะ เพราะตอนนี้เชียงใหม่มีที่ unseen เพิ่มขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะวัดเก่า ๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์อยู่ ไปไหว้พระกันดีกว่าค่ะ
วัดต้นเกว๋น
เพราะภายในวัดมีต้นเกว๋นอยู่ เลยตั้งชื่อว่า “วัดต้นเกว๋น” ก่อนมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดอินทราวาส วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่งดงาม มี “ศาลาจัตุรมุข” ซึ่งพบเพียงหลังเดียวในภาคเหนือ
ที่เป็นเป็นต้นแบบทางศิลปกรรมล้านนาที่มีคุณค่าและยังคงความสมบูรณ์
จนสมาคมสถาปนิกสยามประกาศให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น เมื่อปี พ.ศ.2532 และสถาปัตยกรรมจากวัดต้นเกว๋นแห่งนี้เองได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้สถาปนิกใช้เป็นต้นแบบ
ในการออกแบบ “หอคำหลวง” ซึ่งตั้งอยู่กลางอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในงานพืชสวนโลก เมื่อปี 2549
นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
เพราะเคยเป็นสถานที่พักกระบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุจากวัดพระธาตุจอมทองที่จะเดินทางไปยังเมืองเชียงใหม่
ซึ่งถือเป็นประเพณีเก่าแก่ของเจ้าหลวงเชียงใหม่
วัดต้นเกว๋นอยู่ในเส้นทางที่ขบวนแห่จะต้องหยุดประดิษฐานที่ศาลาจัตุรมุข
เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน
เพื่อให้ศรัทธาประชาชนได้สักการะบูชา สรงน้ำสมโภช
ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองเชียงใหม่
ที่ตั้ง หมู่ที่ 4 ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน
วัดนี้เดิมชื่อ
“วัดหรีบุญเรือง” เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุประมาณ 125 ปี ต่อมาเปลี่ยนเป็น "วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน"
เนื่องจากวัดสร้างอยู่บนเนินเตี้ย ๆ สามารถมองเห็นโดดเด่นมาแต่ไกล นอกจากนี้ภายในวัดยังเต็มไปด้วย
ต้นโพธิ์ หรือ ภาษาเหนือเรียก “ต้นสะหรี” ซึ่งมีความหมายเป็นมงคล
จึงมีการนำชื่อดังกล่าวมาตั้งเป็นชื่อวัด
อีกทั้งที่ตั้งของวัดยังอยู่ในเขตเมืองเก่าโบราณที่เรียกว่า “เมืองแกน”
ชาวบ้านก็เลยเรียกชื่อวัดนี้เต็ม ๆ ว่า "วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน"
เป็นต้นมา
เดิมวัดนี้มีเจ้าอาวาส คือครูบาเทือง
นาถสีโล ได้บูรณะจากวัดเล็ก ๆ ให้มีความวิจิตรงดงามตระการตาด้วยศิลปะ
สถาปัตยกรรมไทยล้านนา จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่สิ่งปลูกสร้างที่มีความสวยงามมาก โดยครูบาเทือง มีความตั้งใจให้วัดนี้เป็นศาสนสถานที่งดงาม
แฝงด้วยคติธรรมเพื่อเป็นอุบายในการดึงคนเข้าวัดเพื่อการขัดเกลาจิตใจและใช้เป็นสถานที่พักผ่อนทางจิตใจมากกว่า
การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
โดยภายในวัดประกอบไปด้วย
อุโบสถ หอไตร หอกลอง วิหารเสาอินทขิล กุฏิไม้สักทองทรงล้านนา พระวิหาร สถูปเจดีย์
ศาลาและยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุ 12 ราศีองค์จำลองที่ตระหง่านเป็นสีขาวขาวเด่นมากราบไหว้
ถือว่าเป็นการรวบรวมองค์พระธาตุ 12 ราศีไว้ครบในสถานที่แห่งเดียว
ที่ตั้ง ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
วัดอุโมงค์
เป็นวัดที่แปลกไม่เหมือนวัดอื่น ตรงที่มีอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มีทางเดิน 4
ช่องทางเชื่อมต่อกัน ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าอันร่มรื่น โดยเฉพาะหน้าฝนจะมีมอสสีเขียวเกาะเต็มผนังด้านนอก
กลายเป็นภาพที่งดงาม ท่ามกลางความสงบร่มรื่นและเป็นมุมที่ถูกเช็คอินจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่
เพราะสร้างขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับการสร้างเมืองเชียงใหม่ ส่วนอุโมงค์นี้สร้างขึ้นในสมัยพญากือนา เพื่อให้พระมหาเถระจันทร์ใช้เป็นที่วิปัสสนากรรมฐาน
สร้างโดยการก่ออิฐถือปูนในแบบล้านนาภายในอุโมงค์มีหลายช่องทางเดินสามารถเดินทะลุกันได้ นอกจากนี้ผนังภายในยังมีภาพวาดจิตรกรรมผาผนังที่มีความเก่าแก่ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่โดยกรมศิลปากร ส่วนบริเวณด้านนอกเกือบทั้งหมดนั้นไม่ปรากฏชั้นของปูนฉาบแล้ว
เหลือเพียงอิฐก่อผนัง และอิฐก่อโครงสร้างอุโมงค์เท่านั้น
ที่ตั้ง เลขที่ 135 หมู่ 10 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดผาลาด
ถ้าใครไปเชียงใหม่แล้วจะขึ้นไปกราบสักการะพระธาตุด้วยสุเทพ ระหว่างทางขึ้นตรงช่วงใกล้จะถึงพระธาตุดอยสุเทพประมาณ
5-6 กิโลเมตรสามารถแวะที่วัดผาลาด ซึ่งเป็นวัดป่า
1ใน 3 วัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย
วัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี สร้างในสมัยพระเจ้ากือนา
โบราณสถานที่สำคัญภายในวัดที่สามารถเดินชมได้
อาทิ วิหาร ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัย
สันนิษฐานว่าสร้างโดยสล่าชาวพม่ากลุ่มเดียวกับที่สร้างวิหาร
เนื่องจากเป็นศิลปะพม่ายุคเดียวกัน
สำหรับองค์พระบรมธาตุเจดีย์ภายในวัดที่มีตะไคร่ขึ้นจนเขียวทั้งองค์งดงามงามมาก
ทุกๆวันจำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาชมมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด
และยังเป็นวัดแห่งเดียวที่น้ำตกธรรมชาติไหลผ่านกลางวัดทำให้ร่มเย็นและสวยงามมาก กลายเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองไปเห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง
ที่ตั้ง 101 หมู่ 1 ถนนศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
วัดป่าดาราภิรมย์
วัดป่าดาราภิรมย์
เป็นวัดที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของวัดในเชียงใหม่ ด้านสิ่งก่อสร้างล้วนมีความวิจิตร
ในสถาปัตยกรรมแบบล้านนา นอกจากนี้ยังมีความสำคัญเนื่องจากเป็นพระอารามหลวงแห่งที่
7 ในจังหวัดเชียงใหม่
ความเป็นมาของวัดแห่งนี้ สร้างเมื่อปี 2484 พระครูวินัยธรมั่น
ภูริทัตฺโต ได้ออกจาริกธุดงค์มายังเชียงใหม่ และได้พำนัก ณ
ป่าช้าร้างติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ของเจ้าดารารัศมี
พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสถานที่สงบ เป็นสัปปายะในการบำเพ็ญกรรมฐาน
และมีพระสงฆ์ได้เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อชาวบ้านในละแวกเห็นแล้วได้เกิดศรัทธา
ได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ได้ใช้ในกิจการสงฆ์ ต่อมาในปี
พ.ศ. 2484 เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของเจ้าดารารัศมี
พระราชชายา
ได้ถวายที่ดินดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด
จึงมีการเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ นามว่า “วัดป่าดาราภิรมย์” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
ภายในวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ประกอบด้วยพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสุโขทัย พระนามว่า “พระสยัมภูโลกนาถ” มีมณฑปพระเจ้าทันใจ
เป็นศิลปะล้านนาแบบเชียงตุง ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์ มีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรและพระบรมราชานุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี
พระราชชายา
ที่ตั้ง หมู่ 1 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่