รายงาน World Investment Report (WIR) ประจําปี
ค.ศ.2019 โดยนาย
James Zhan ผู้อำนวยการฝ่าย Investment and Enterprise ของ UNCTAD ซึ่งได้จัดทำประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศไทยไว้ในหลายด้าน
ซึ่งประกอบด้วย
เศรษฐกิจโลก
มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign direct investment - FDI) ระดับโลกลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งลดลงร้อยละ 13 ในปี ค.ศ. 2018 โดยมีสาเหตุหลักจากการปฏิรูปทางด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาที่เปิดให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถเก็บภาษีจากรายได้ที่บริษัทสหรัฐอเมริกาเก็บไว้ที่ต่างประเทศ เป็นเหตุให้บริษัทสหรัฐอเมริกาส่งรายได้กลับสหรัฐอเมริกา (Repatriations) เป็นจำนวนมาก ซึ่งลดการนำรายได้เหล่านี้ไปลงทุนต่อ (Reinvestment) และลดมูลค่า FDI ตามลำดับ
มูลค่า FDI ในประเทศพัฒนาแล้วลดลงถึงระดับต่ำที่สุดตั้งแต่
ค.ศ. 2004 โดยลดลงถึงร้อยละ 27 โดยมีสาเหตุหลักจาก Repatriations
ของบริษัทสหรัฐอเมริกา
ซึ่งส่วนใหญ่มีบริษัทลูกอยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม มูลค่า FDI ในประเทศกำลังพัฒนามีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2
ส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนามีสัดส่วนมูลค่า FDI สูงที่สุดที่ร้อยละ
54
นโยบายใหม่ด้านการลงทุนในปี ค.ศ. 2018
ยังคงเน้นนโยบายเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 66
ของนโยบายใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม
จำนวนมาตรการเพื่อจำกัดการลงทุนจากต่างชาติมีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในช่วง 20
ปีที่ผ่านมา
เขตเศรษฐกิจพิเศษ
หรือSpecial Economic Zones (SEZs) เป็นนโยบายสำคัญที่ประเทศส่วนใหญ่โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาใช้ในการส่งเสริม
FDI โดยในปัจจุบันมีจำนวน SEZs มากถึง 5,400 เขตใน 147 ประเทศ
ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4,000 เขตเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว และปัจจุบันกำลังมีการพัฒนา SEZs อีก 500 เขต
อย่างไรก็ตาม SEZs จำนวนมากส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงแรกเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปัจจัยสำคัญเพื่อส่งเสริมความสำเร็จของ SEZs อาทิ การออกแบบ SEZs ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะนโยบายด้านการพัฒนาความยั่งยืนทางการเงินและงบประมาณสำหรับ SEZs การเลือกบริเวณที่เหมาะสมในการตั้ง SEZs การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทใน SEZs เดียวกัน ตลอดจนโครงสร้างการบริหาร SEZs ที่มีธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
แนวโน้มการลงทุนในระดับภูมิภาค
แอฟริกามีมูลค่า FDI เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
11 โดยมีสาเหตุหลักจากการลงทุนในด้านทรัพยากร
ความต้องการการลงทุนที่หลากหลายของนักลงทุน
ตลอดจนการฟื้นฟูด้านการลงทุนในแอฟริกาใต้
เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีมูลค่า FDI สูงที่สุดและมีมูลค่าสูงขึ้นร้อยละ 4
โดยเฉพาะโครงการ การลงทุนในลักษณะ Greenfield ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่าตัว
แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีในภูมิภาคจากปี ค.ศ. 2017
ที่อยู่ในสภาวะการลงทุนชะลอตัว
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับ FDI เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 คิดเป็นมูลค่า 149
พันล้านดอลลาห์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าสูงที่สุดที่ภูมิภาคนี้เคยได้รับ
ซึ่งมีสาเหตุหลักจากมูลค่า FDI ที่เพิ่มขึ้นในสิงคโปร์
อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย โดยเฉพาะการลงทุนในด้านการเงิน
การค้าส่งและค้าปลีกระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการค้าในภาค Digital
economy
นอกจากนี้
มูลค่าการลงทุนระหว่างประเทศในภูมิภาคก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มมูลค่า FDI อย่างไรก็ตามมาเลเซียและฟิลิปปินส์มีมูลค่า FDI ลดลง
พัฒนาการด้านการลงทุนของไทย
มูลค่า FDI ในไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
62 ในปี ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มมูลค่า FDI ที่สูงที่สุดในอาเซียน
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไทยได้ฟื้นตัวจากการชะลอตัวทางการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้ว
ปัจจัยหลักที่ส่งเสริม FDI ในไทย อาทิ
การลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น ฮ่องกง และเกาหลีใต้
ตลอดจนการนำเงินไปลงทุนต่อ (Reinvestments) โดยบริษัทต่างชาติ
(Multinationals) ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ไทยมีมูลค่าการลงทุนในกลุ่มประเทศประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
(Least
developed country -LDCs) เป็นอันดับ
3 ของโลก (รองจากจีนและฝรั่งเศส) ในปี ค.ศ. 2017 ด้วยมูลค่าการลงทุน 10
พันล้านดอลลาห์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในเมียนมาและลาว
ไทยได้ออกนโยบายเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 2018
เพื่อส่งเสริมการลงทุน อาทิ (1) การประกาศใช้ พรบ. EEC ซึ่งสร้างแรงจูงใจทางการคลังให้ต่างชาติมาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(2) ระบบ Smart visa ซึ่งช่วยดึงดูดแรงงานที่มีทักษะสูงเข้ามาทำงานในไทย
ไทยมีจํานวน SEZs ติด 10 อันดับแรกของโลก โดยในภูมิภาคเอเชีย ไทยมีจำนวน SEZs เป็นอันดับที่ 5 รองจากจีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย และตุรกี โดยรายงานดังกล่าวได้ยกไทยให้เป็นตัวอย่างในการใช้การรวมตัวในระดับ ภูมิภาค (Regional integration) เพื่อส่งเสริมการพัฒนา SEZs ตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ WIR เป็นรายงานประจำปีของ
UNCTAD ที่เน้นติดตามแนวโน้มของ FDI ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับนโยบายด้านการลงทุนในระดับประเทศและระหว่างประเทศ
โดย UNCTAD ใช้ข้อมูลการลงทุนของปี ค.ศ. 2018
เพื่อจัดทำ WIR 2019
เอกสารสรุปผลการวิเคราะห์และแนวโน้มด้านการลงทุนสำคัญจาก
WIR 2019 สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://unctad.org/en/PublicationsLibrary/wir2019_en.pdf