เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังได้ออกมายอมรับว่า
การปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบอาจไม่แล้วเสร็จภายในต้นปีหน้านี้ แต่ยังมีมาตรการภาษีเป็นของขวัญปีใหม่
เร่งแก้กฎหมาย อุดช่องโหว่จัดเก็บ สร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการ พร้อมเก็บภาษี
VAT สินค้าสั่งจากต่างประเทศทั้งหมด
โดยนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า คณะกรรมการปฎิรูปโครงสร้างภาษีจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 24 ธ.ค. ซึ่งจะรายงานความคืบหน้าการศึกษาเพิ่มเติมจากครั้งก่อนของการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ ที่ได้ให้การสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแก้ในส่วนที่ยังมีความไม่เหมาะสมอยู่ ซึ่งยังคงยืนยันว่าการพิจารณาการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 10% ยังคงอยู่ในแผนการศึกษาอยู่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างภาษีนั้นมีหลายขั้นตอนในการพิจารณา ดังนั้นจึงอาจไม่แล้วเสร็จภายใน
ก.พ.ปีหน้าตามที่เคยคาดการณ์แน่นอน แต่คาดว่าในการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้
จะมีมาตรการภาษีบางส่วนที่สามารถดำเนินการได้ทันที และประกาศใช้ออกมา
เพื่อให้เป็นของขวัญในช่วงปีใหม่ให้กับประชาชน
มาตรการภาษีจะประกาศอย่างเป็นทางการช่วงหลังปีใหม่ ถ้าบอกก่อนก็ไม่ใช่ของขวัญปีใหม่
ส่วนการปรับลดภาษีเงินได้ 10% อาจจะยังไม่ทันในรอบนี้
เพราะคณะกรรมการก็ต้องศึกษาในภาพรวมทั้งหมด
การลดภาษีก็ต้องดูในเรื่องของความยั่งยืนทางการคลังด้วย
ซึ่งการปรับโครงสร้างจะต้องปิดช่องโหว่ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีทั้งหมด
การปฏิรูปโครงสร้างภาษี
จะต้องพิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจ ปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัว ระบบไอทีในการจัดเก็บภาษี
ความพร้อมของหน่วยงานจัดเก็บ และความพร้อมของผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้พบว่า
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี บางเรื่องยังเขียนได้ไม่ครอบคลุม
ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการทำธุรกิจ ก็ต้องเข้าไปปิดช่องว่าง
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร
เปิดเผยว่า สศค. ได้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษี
ว่าควรต้องมีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องอะไรบ้าง กรมสรรพากรจะเป็นเพียงหน่วยงานปฏิบัติงานในฐานะหน่วยงานจัดเก็บ
เมื่อได้รับนโยบายจาก สศค.มาแล้ว ก็จะให้ความเห็นว่าดำเนินการได้หรือไม่ได้
และมีข้อโต้แย้งในประเด็นใดบ้าง รวมทั้งในแผนการปฏิรูปดังกล่าว
จะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ในภาพรวมอย่างไร ก็จะเสนอกลับไปที่ สศค.
ก่อนจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการจัดเก็บภาษีในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่า การพิจารณาปฏิรูปโครงสร้างภาษีครั้งนี้ คลังจะให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) 7% ในสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์และส่งไปรษณีย์มาจากต่างประเทศทุกชนิดราคา พร้อมกับยกเลิกการยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท เพื่อเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับภาครัฐเพิ่มขึ้น ลดปัญหาการแจ้งสำแดงราคาต่ำเพื่อเลี่ยงภาษี รวมถึงสร้างความเป็นธรรมให้กับคนขายสินค้าเดียวกันที่อยู่ในประเทศ ซึ่งปัจจุบันต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
เป็นที่ทราบกันดีว่า
ทุกวันนี้คนไทยหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะจากจีน สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีมูลค่านับหมื่นนับแสนล้านบาท และบางส่วนมีพฤติกรรมการเลี่ยงภาษี
โดยแจ้งราคานำเข้าเป็นสินค้าที่มูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท
ทั้งที่จริงสินค้าเหล่านี้ราคาสูงเกินไปมาก
ซึ่งทำให้คนหันไปสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แทน
และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ดี
ดังนั้นการปฏิรูปโครงสร้างภาษีจะเข้าไปอุดช่องโหว่ตรงจุดนี้
โดยจะคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์เข้ามาทั้งหมด
ส่วนอากรนำเข้าจากศุลกากรอาจมีการยกเว้นไว้อยู่
ดังนั้นในแผนการปฏิรูปภาษี ต่อไปกรมศุลกากรจะต้องตรวจสแกนสินค้าที่ส่งนำเข้ามาได้ทั้ง 100% โดยไม่ใช่วิธีสุ่มตรวจอีก เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก สามารถแยกการเก็บภาษีอากร และ VAT ได้แล้ว รวมถึงกรมศุลฯ ยังมีแผนการติดตั้งเครื่องสแกนคร่อมสายพานกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเครื่องสแกนสินค้านำเข้าทางไปรษณีย์ ที่หลักสี่ ซึ่งจะช่วยให้สแกนสินค้านำเข้าได้ละเอียดและลดการรั่วไหลได้มีประสิทธิยิ่งขึ้น