ปฏิเสธไม่ได้ว่านาทีนี้ “เวียดนาม” กลายเป็นประเทศที่เนื้อหอมสุดๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ CLMV(กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) เพราะหลายประเทศในยุโรปหรือแม้แต่เอเชียล้วนอยากจะสร้างสัมพันธ์ทางการค้า
หรือเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม รวมทั้งการส่งออกหรือแม้แต่การย้ายฐานการผลิต ส่งผลให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สังเกตได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่สูงถึงร้อยละ 7
เวียดนามยังเป็นประเทศที่มีการวิวัฒนาการด้านนวัตกรรมที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ประชากรในประเทศร้อยละ 50 อยู่ในวัยแรงงานช่วยขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างรวดเร็ว
รวมทั้งการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวเวียดนามอย่างไม่ขาดสาย เป็นเสมือนแบตเตอรี่ที่ช่วยเดินเครื่องเศรษฐกิจเวียดนามได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้นักธุรกิจส่งออกจึงควรหันมามองถึงโอกาส และสร้างมูลค่าการค้าระหว่างประเทศกับประเทศเวียดนาม ซึ่งมีหลายสินค้าและบริการที่มีแววเติบโต
และสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme

ขุมทรัพย์แห่งสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีพรหมแดนเชื่อมต่อกับประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น
จีน ลาว กัมพูชา รวมทั้งยังเป็นประเทศที่ติดทะเล
ซึ่งข้อนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้เวียดนามได้เปรียบในการขนส่งสินค้าทางเรือ
ส่วนพื้นที่ที่เหมาะแก่การเข้าไปลงทุนนั้นจะอยู่ที่เวียดนามตอนเหนือบริเวณเมืองฮานอย
ซึ่งเป็นเมืองหลวง และมีการกระจุกตัวของประชากร
อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศอย่างต่อเนื่องทำให้ธุรกิจด้านการบริการ
อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านกาแฟเติบโตเป็นอย่างมาก
อีกด้านคือเวียดนามตอนใต้ บริเวณเมือง
โฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
มีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 16 ล้านคน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
และการเงินมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ดังนั้นจึงทำให้ธนาคาร อุตสาหกรรม
รวมทั้งศูนย์การค้าโมเดิร์นเทรดในนครโฮจิมินห์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งเมืองคือเมืองเกิ่นเทอ เป็นเมืองที่อยู่กลางสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงจุดเด่นคือเป็นพื้นที่ทำเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์
มีทั้งการทำประมง ปลูกข้าว โดยเมืองเกิ่นเทอถือว่าเป็นเมืองรองหลักที่สำคัญของเวียดนามเพราะระบบการขนส่งสินค้าที่มีความสะดวกและครอบคลุมทั้งทางน้ำ
ทางอากาศ และทางบก อีกเมืองที่สำคัญไม่แพ้กันคือภาคใต้ตอนกลางบริเวณเมืองดานัง
เพราะดานังถูกออกแบบให้เป็นเมืองท่าสำหรับการขนถ่ายสินค้าออกสู่ทะเลจีนใต้
และอีกไม่นานจะถูกผลักดันเป็นประตูการค้าในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเล
นอกจากนี้รัฐบาลของเวียดนามยังมีนโยบายที่จะส่งเสริมดานังให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้นจึงทำให้ธุรกิจโรงแรม
ร้านอาหารทุกระดับเพิ่มจำนวนมากขึ้น
สินค้าและบริการแบบไหนโดนใจคนเวียดนาม
เพราะการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้สินค้าครองใจผู้ซื้อจนผู้ซื้อยอมควักกระเป๋าซื้อสินค้าหรือบริการของเราได้
โดยสินค้าของไทยมีโอกาสที่จะเข้าถึงคนเวียดนามได้ง่ายๆ
เพราะคนเวียดนามค่อนข้างมั่นใจและชอบสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
รวมทั้งเห็นว่าสินค้าไทยมีคุณภาพ
สำหรับสินค้าที่คนเวียดนามต้องการจะเป็นสินค้าจำพวกแม่และเด็ก สินค้าอุปโภค
อาหารประเภทเดลี่โปรดักส์ อาทิ นม น้ำหวาน ฯลฯ
รวมทั้งคอสเมติกที่เน้นเรื่องความขาวเพราะคนเวียดนามได้รับวัฒนธรรมมาจากประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้ร้านอาหารและร้านคาเฟ่ยังคงครองใจคนเวียดนามได้อย่างดี
เนื่องจากคนเวียดนามนิยมออกมาทานอาหารนอกบ้านกันมากขึ้นโดยเฉพาะวัยทำงาน
ด้านการบริการอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ผู้ประกอบการก็สามารถนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวกับโรงแรมได้ เช่น
สบู่ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ของตกแต่ง
ส่วนพฤติกรรมคนเวียดนามมีการเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิม
จากปกติที่ประชาชนส่วนใหญ่มักจะชอบซื้อสินค้าตามร้านโชห่วยแต่ปัจจุบันมีการหันใช้บริการ
ห้างสรรพสินค้าที่เป็นโมเดิร์นเทรดมากขึ้น
เพราะประชาชนที่อยู่ในวัยทำงานมีกำลังการจับจ่าย คนในแต่ละหัวเมืองของเวียดนามก็ยังมีพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าที่เฉพาะตัว
โดยคนในภาคเหนือเป็นกลุ่มที่มีความซื่อสัตย์และเปลี่ยนใจยากหากได้ใช้สินค้าอะไรก็จะใช้แต่สินค้าเดิมๆ ชอบสินค้าที่มีความหรูหรา
และมีขนาดใหญ่
คนในภาคใต้จะชอบความสะดวกสบายเน้นสินค้าประเภทนวัตกรรม ชอบสินค้าที่แพคเก็ตจิ้งที่สวยงาม เล็กกะทัดรัด ส่วนคนภาคกลางจะค่อนข้างอ่อนไหวกับราคาของสินค้า แต่เชื่อการโฆษณา ดังนั้นสินค้าต่างๆที่จะเข้าไปตีตลาดในเวียดนามจะต้องมีโปรโมชั่นและกิจกรรมที่สามารถทำให้คนเวียดนามพูดปากต่อปากได้ ที่สำคัญการทำการค้าในเวียดนามจำเป็นจะต้องมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นคนท้องถิ่นและมีความรู้ความเข้าใจในประเทศเวียดนามเป็นอย่างดี
กลุ่มเซ็นทรัล เล่าประสบการณ์บุกเบิกตลาดเวียดนาม
ปัจจุบันมีธุรกิจขนาดใหญ่
ขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยหลายบริษัทที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม อย่างกลุ่มเซ็นทรัล นางสาวจริยา
จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เล่าถึงประสบการณ์และแนวทางการเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม ว่า
เซ็นทรัลเริ่มต้นการทำธุรกิจในเวียดนามโดยการขายเสื้อผ้าในพื้นที่ 100
ตารางเมตรก่อน
เพราะขณะนั้นคนเวียดนามไม่นิยมใช้บริการห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรดมากนัก
แต่ช่วงหลังพฤติกรรมของคนเวียดนามเริ่มเปลี่ยนคนส่วนใหญ่หันมาใช้บริการโมเดิร์นเทรดมากขึ้นจากปกติเคยซื้อของตามร้านโชห่วยเท่านั้น
เซ็นทรัลจึงเริ่มขยายตลาดให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของคนเวียดนามในอนาคต
ทั้งนี้จากการสำรวจความต้องการของคนเวียดนามส่วนมากจะชอบสินค้าที่มีคุณภาพ
ซึ่งสินค้าไทยสามารถเข้าไปตีตลาดในเวียดนามได้แน่นอน
เพราะสินค้าของไทยคุณภาพดีอยู่แล้ว ส่วนช่องทางการเข้าถึงสินค้าปัจจุบัน เซ็นทรัลให้ความสำคัญกับช่องออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
เพราะจากการสำรวจพบว่าคนเวียดนามมีสมาร์ทโฟนมากถึงร้อยละ 70 และสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้มากถึงร้อยละ
90 ดังนั้นหากสามารถเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าในรูปแบบออนไลน์จะช่วยให้คนเวียดนามเข้าถึงสินค้าเราได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมผู้ประกอบการของไทยให้เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม เนื่องจากประเทศเวียดนามถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และถือเป็นตลาดเกิดใหม่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CLMVT) ที่ต่างประเทศ ให้ความสนใจในการทำการค้าและการลงทุน
และมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจตลาดเวียดนามอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ก่อนที่จะไปลงทุนเวียดนามจะทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น