สำหรับวงการแพทย์กับวิทยาการหุ่นยนต์
แม้จะไม่ได้นับว่าแปลกใหม่นัก แต่ที่เห็นได้ชัดมีการพัฒนาที่รวดเร็วและมีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19
ระบาดไปทั่วโลก โรงพยาบาลหลายๆ แห่งนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้
เพื่อเป็นการปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ไม่ให้ไปสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อโดยตรง
ซึ่งในประเทศไทยก็มีหลายหน่วยงานทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล
และองค์เอกชนที่ร่วมกันพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถเป็นผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ได้
กรณีล่าสุดซึ่งเราได้หยิบยกมากล่าวถึงนี้ก็เช่นกัน โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกันสร้าง 2 นวัตกรรม ‘หุ่นยนต์เวสตี้’ (Wastie) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์เก็บขยะติดเชื้อ และหุ่นยนต์ฟู้ดดี้ (Foodie) ที่เป็นหุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับส่งอาหาร-ยาในหอผู้ป่วย โดยใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีอัตโนมัติ AGV (Automated Guide Vehicle) ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำ รองรับงานหนักและงานเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล โดยคาดว่าจะนำมาใช้ในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามในเร็วๆ นี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่าการนำนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ
AGV และเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาดิจิทัลเฮลท์แคร์
(Digital Healthcare) ในโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุขไทยให้เข้มแข็งและมั่นคงปลอดภัย
รองรับภาวะความท้าทายของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และวิถีใหม่
New Normal อีกทั้งปริมาณขยะติดเชื้อจากหน้ากากและอุปกรณ์ในโรงพยาบาลที่เพิ่มมากขึ้น
ลดภาระงานหนักและเสี่ยงของบุคลากร แถมยังสามารถลดปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอได้ด้วย
ที่สำคัญนี่เป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวเป็นผู้นำบริการเฮลท์แคร์และอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ (New S-Curve) ยกระดับพัฒนาโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) เพื่อคุณภาพและความก้าวหน้าของบริการสาธารณสุขแก่ประชาชน และความปลอดภัยของบุคลากรที่ดีขึ้น ตลอดจนพัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัลสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ลดการนำเข้าเทคโนโลยี AGV และซอฟท์แวร์ปีละกว่า 200 ล้านบาท
‘หุ่นยนต์เวสตี้’ ยกของหนักได้ครั้งละ 5 กก. บรรทุกได้ถึง 500 กก.
ทางด้าน ดร.เอกชัย วารินศิริรักษ์
หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า
หุ่นยนต์เวสตี้ (Wastie) เก็บขยะติดเชื้อ
ประกอบด้วย AGV แบบระบบนำทางด้วยเทปแม่เหล็ก และแขนกล(CoBot)
สำหรับยกถังขยะโหลดขึ้น โดยมีระบบกล้อง Machine Vision ในการจำแนกประเภทวัตถุและตำแหน่ง การยกแต่ละครั้งได้สูงสุด 5 กิโลกรัม ส่วนของ AGV สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 500
กิโลกรัม ความเร็วในการเคลื่อนที่ไม่ต่ำกว่า 8 เมตรต่อนาที ใช้ระบบนำทางแบบMagnet โดยติดเทปแถบแม่เหล็กไว้ที่พื้นเป็นเส้นนำทาง
การทำงานหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปตามแนวเส้นนำทาง
การทำงานเริ่มจากขดลวดกระตุ้นผลิตสนามแม่เหล็กไฟฟ้าโดยที่มีชุดตรวจจับคอยตรวจจับทำให้การเคลื่อนที่มีความเที่ยงตรงและ
แม่นยำ
เมื่อถึงจุดรับขยะจะอ่านบาร์โค้ดแล้วยกถังขยะติดเชื้อไปยังกระบะจัดเก็บ หากใช้ใน 4 โรงพยาบาลจะสามารถขนส่งขยะติดเชื้อได้ประมาณ 10 ตันต่อวัน ช่วยลดปัญหาของการหยุดชะงักของการบริการขนส่งจากปัญหาการติดเชื้อของบุคลากรได้มากกว่า 50%
หุ่นยนต์ฟู้ดดี้ ส่งอาหาร–ยา
ด้วยระบบนำทางอัจฉริยะ
ด้านหุ่นยนต์ฟู้ดดี้ (Foodie) ส่งอาหาร-ยาในหอผู้ป่วย
ตอบโจทย์วิถีใหม่ของบุคคลากรทางการแพทย์ ลดการสัมผัสตรงกับผู้ป่วย
รวมทั้งงานหนักที่ต้องใช้คนและเวลามากในโรงพยาบาล นวัตกรรมหุ่นยนต์ฟู้ดดี้ (Foodie)
ใช้ระบบนำทางอัจฉริยะด้วยข้อมูลแผนที่ในตัวหุ่นยนต์แบบ QR-Code
Mapping สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 30-50 กิโลกรัม
ความเร็วในการเคลื่อนที่ 8 เมตรต่อนาที
หุ่นยนต์ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนที่นำทางด้วยการใช้กล้องอ่าน QR Code บนพื้น
โดย AGV จะเคลื่อนที่ตามที่ได้โปรแกรมไว้ และจดจำพิกัดและคำสั่งตามที่บันทึกไว้ในแต่ละ QR-Code ในส่วนของระบบการส่งอาหาร เน้นการขนส่งครั้งละมากๆ และการออกแบบกลไกอัตโนมัติให้ส่งถาดอาหารเข้าสู่จุดหมายแบบไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถนำส่งอาหาร 3 มื้อ เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ไปยังห้องผู้ป่วยประมาณ 200 คน ต่อวัน รวมทั้งการนำกลับ
Smart Hospital ตอบรับวิถีใหม่
New Normal
นพ.สมชาย ดุษฎีเวทกุล หนึ่งในทีมผู้วิจัยและรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกได้รับผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้ารักษาจำนวน 60 คน
ขณะนี้หายป่วยและกลับบ้านได้ทั้งหมดแล้ว ผู้ป่วย 1 คน
ต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไป 2 คน 3 มื้อรวมเป็น
6 คน และยังมีแม่บ้านเก็บขยะติดเชื้ออีก 1 คน ทุกคนต้องสวมชุด PPE การใช้หุ่นยนต์เวสตี้ (Wastie)
เก็บขยะติดเชื้อ และหุ่นยนต์ฟู้ดดี้ (Foodie) ส่งอาหาร-ยา
จะเป็นประโยชน์มากช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ ลดความสิ้นเปลืองชุด PPE
ทั้งสามารถขนส่งชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักได้มากกว่าหุ่นยนต์ทั่วไป และคุ้มค่าต่อคาบเวลาในการขนส่งใน รพ. อีกทั้งมีความแม่นยำของการขนส่งในเส้นทางที่เป็นกิจวัตรประจำ สามารถหยุดตามสถานี เพื่อทำงานในโหมดที่มีคำสั่งที่แตกต่างกันได้ ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเส้นทางใหม่หากมีการปรับเปลี่ยน โครงสร้างแข็งแรงและทำงานได้อย่างรวดเร็วสอดคล้องกับลักษณะงานของโรงพยาบาล คาดว่าจะสามารถทดแทนการใช้แรงงานบุคลากรได้มากกว่า 30%
ภาพ : https://mahidol.ac.th/th/2020/eg-gj-robot/