เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน แต่ EEC ยังสดใส

SME Update
08/11/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 3239 คน
เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน แต่ EEC ยังสดใส
banner

ท่ามกลางวิกฤติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนสั่นคลอนตลาดทุนทั่วโลก แต่วิกฤติดังกล่าวหากมองในแง่บวกประเทศไทยกลับได้รับอานิสงส์ เพราะกลุ่มทุนจากประเทศจีนจำนวนมากสนใจย้ายฐานการผลิตย้ายเม็ดเงินมาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย ในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เพื่อหลีกหนีวิกฤติสงครามการค้าที่ยังปะทุไม่หยุด ซึ่งการลงทุนในพื้นที่อีอีซีถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

กลุ่มทุนแห่มาลงทุนในประเทศไทยและในพื้นที่อีอีซีคึกคักเป็นพิเศษในช่วง 9 เดือนของปี 2562 (มกราคม-กันยายน)ที่ผ่านมาโดย น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผย ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก(บีโอไอ รวมทั้งสิ้น 1,165 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,048 โครงการ ขณะที่มีมูลค่าการลงทุนรวม 314,130 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี 2561 มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป

อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 689 โครงการ เงินลงทุน 203,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2561 ร้อยละ 69 โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยมีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 167 โครงการเงินลงทุน 59,187 ล้านบาท ตามด้วยอันดับ 2 คือ จีน มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 139 โครงการ เงินลงทุน 45,439 ล้านบาท และอันดับ 3 สวิตเซอร์แลนด์ มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 15 โครงการ เงินลงทุน 11,710 ล้านบาท

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 




9 เดือนทะลักลงทุน”อีอีซี”1.6แสนล้าน

ตลอดปี 2561ต่อเนื่องปี 2562 รัฐบาลได้ออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ ตลอดทั้งเชิญชวนนักลงทุนทั่วโลกมาลงทุนในพื้นที่อีอีซีโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรคู่ค้ามายาวนานให้หันมาลงทุนในพื้นที่อีอีซีเพิ่มมากขึ้น เพราะรัฐบาลมอบสิทธิประโยชน์มากมายซึ่งกลุ่มนักลงทุนทั้งสองประเทศไม่ทิ้งโอกาสสนใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี จำนวน 360 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 262 โครงการ

โดยมีเงินลงทุนรวม 167,930 ล้านบาท แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23 เนื่องจากในปี 2561 มีโครงการขนาดใหญ่ในกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อีอีซี ขณะที่การขอรับการส่งเสริมตามมาตรการส่งเสริม SMEs มีคำขอรับการส่งเสริม จำนวน 43 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 87 จากเดิมอยู่ที่ 23 โครงการ โดยมีเงินลงทุนรวม 2,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 167 จากเดิมอยู่ที่ 880 ล้านบาท

สอดคล้องกับข้อมูลของ นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขยอดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาคึกคักมาตั้งแต่ต้นปีซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่อีอีซี โดยตลอดปี 2562 จะมียอดเงินลงทุนเกิดขึ้นพุ่งทะลุไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท หรืออาจเกินเป้า ซึ่งมีมากกว่าที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 1 แสนล้านบาท แต่แท้จริงแล้วสามารถประเมินได้จากยอดการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ  ที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2560 ถึงเดือนมีนาคม 2562 จำนวน 1,126 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 7.9 แสนล้านบาท ซึ่งนักลงทุนจะยังคงทยอยมาขอรับประกอบกิจการและขยายกิจการโรงงานต่อเนื่อง

“การลงทุนในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมาจากนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีของรัฐบาล ซึ่งนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ เป็นจำนวนมาก โดยในช่วง 1-2 ปีแรกกาลงทุนยังไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควรเนื่องจากนักลงทุนใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดโครงการต่างๆ จากนั้นก็ตัดสินใจลงทุน ทำให้เกิดการลงทุนจริงเป็นจำนวนมากในปี 2562  และคาดว่าปี 2563 การลงทุนประกอบกิจการใหม่และขยายกิจการจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีนี้อย่างแน่นอนเพราะทุกอย่างมีคความชัดเจนสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มนักลงทุน”

ขณะเดียวกันปัญหาวิกฤติสงครามการค้าที่เกิดขึ้นเป็นผลบวกกับการลงทุนไทยที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนด้วย เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าไปยังประเทศต่างๆ หลีกเลี่ยงการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐอเมริกา เพราะประเทศไทยไม่ได้เป็นศัตรูกับสหรัฐฯตรงกันข้ามประเทศไทยทำการค้ากับทุกฝ่าย ทำให้ที่ผ่านมานักลงทุนทั้งจากญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้  ต่างจากการเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น


ไฮสปีดเทรน 3 สนามบินเชื่อมโอกาสการค้า

หลังกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) จรดปากกาเซ็นสัญญากับรัฐบาลไทยเดินหน้าลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท โดยมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2566 ยิ่งช่วยกระตุ้นให้กลุ่มนักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีนเร่งตัดสินใจลงทุนเร็วมากขึ้น หากไม่ต้องการพลาดโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุนในในพื้นอีอีซีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากจะเอื้ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศและยังช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการที่สามารถเชื่อมโยงไปยังจังหวัดอื่นๆ และภูมิภาคอาเซียนและยังเชื่อมไทย สปป.ลาวและจีน ซึ่งเป็นโอกาสทองที่จะย้ายฐานการผลิตและเข้าไปลงทุนในโครงการอีอีซี

โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กมาลงทุนไม่ขาดสาย เช่น บริษัทขนาดใหญ่เข้าไปลงทุนภาคอุตสาหกรรมรถยนต์,เคมีภัณฑ์,คอนซูมเมอร์ ฯลฯ ส่วนบริษัทขาดกลางและเล็กส่วนใหญ่จะลงทุนด้าน Smes ซึ่งการที่บริษัทจีนแห่งมาลงทุนในประเทศไทยและอีอีซีในปี 2562 ไม่ต่ำกว่า 1,000  รายและการลงทุนครั้งนี้ยังได้สิทธิประโยชน์จากบีโอไอ สูงถึง 8 ปี ลดหย่อนภาษี 50% และยังจะต่อออกไปอีก 5 ปี ทั้งนี้ยังไม่รวมทัพนักลงทุนจากมณฑลกวางตุ้งที่สนใจเข้ามาลงทุนด้วยอีกกว่า 200 บริษัท เช่นเดียวกับนักลงทุนจากเกาะฮ่องกงอีกจำนวนมากแห่มาลงทุนในไทยเพื่อหนีวิกฤติการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อที่ไม่มีท่าที่จะจบลงเมื่อไหร่ทำให้ย้ายฐานการลงทุนมาที่อีอีซี

ขณะที่กลุ่มทุนจากญี่ปุ่นเองก็ไม่พลาดที่จะเข้ามาลงทุนในไทยและอีอีซี เพราะหากปล่อยโอกาสให้จีนเข้ามาลงทุนฝ่ายเดียวอาจจะทำให้จีนแซงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยแทนญี่ปุ่นที่ครองแชมป์มาแล้วหลายทศวรรษ โดยทางด้านรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมที่จะสนับสนุนให้นักลงทุนมาลงทุนในอีอีซี โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมไทย-ญี่ปุ่น ไปสู่ 4.0 และเชื่อมไปยังกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ตลอดทั้งให้ความร่วมมือการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆของไทย โดยเฉพาะด้านระบบอัตโนมัติ และระบบหุ่นยนต์ นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่มีเทคโนโลยีระดับสูงในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายก็เตรียมตัวเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม โครงการอีอีซีกำลังกลายเป็นสนามสู้ศึกสงครามการค้า การลงทุน ระหว่างญี่ปุ่น ซึ่งในฐานะที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในอีอีซีค่อนข้างมากเพราะลงทุนในไทยมานานกว่าจีน แต่ปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้ากองทัพนักลงทุนจีนจะเข้ามาลงทุนในไทยและอีอีซีเต็มรูปแบบเพื่อหนีภัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน


500 บริษัทญี่ปุ่นลุยลงทุน EEC 

หลายๆ เหตุผลที่ผู้ประกอบการต้องสนใจ EEC


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

วางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น สไตล์ไม่เครียด

วางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ราบรื่น สไตล์ไม่เครียด

ธุรกิจครอบครัว (Family Business) เป็นหน่วยธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญของเศรษฐกิจไทยที่กระจายตัวอยู่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการส่งต่อความสำเร็จในธุรกิจครอบครัวจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง…
pin
17 | 04/06/2025
งาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

งาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พบกับงาน TFBO 2025 งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ Website: thailandfranchising.comวันที่:…
pin
12 | 30/05/2025
Net Zero คืออะไร ทำไม SME จึงควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ !

Net Zero คืออะไร ทำไม SME จึงควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้ !

เข้าใจความหมายของ Net Zero แตกต่างจาก Carbon Neutral อย่างไร พร้อมเหตุผลที่ SME ไทยควรเริ่มปรับตัว เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและรองรับอนาคตที่ยั่งยืนContent…
pin
22 | 19/05/2025
เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน แต่ EEC ยังสดใส