เชื่อว่ามาถึงจุดนี้ท่านผู้อ่านคงรู้จักธุรกิจ การจ้างผลิต OEM กันมาบ้างแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่า ธุรกิจนี้ก็ย่อมต้องมีด้านที่เราต้องระมัดระวังเช่นกัน
ก่อนอื่นเราทำความเข้าใจคำว่า OEM หรือ Original Equipment Manufacturer ให้ตรงกันก่อน ซึ่งเป็นระบบที่เน้นในเรื่อง การผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีความสนใจอยากจะจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง อีกทั้งยังช่วยลดภาระและปัญหาในการทำธุรกิจของเราได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเป็นของตนเองแต่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง หรือวางแผนการตลาดยังไง OEM คือธุรกิจสำเร็จรูปสำหรับคุณ
ส่วน ODM หรือ Original Design Manufactuere คือ ผู้รับจ้างที่ออกแบบและ ผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเอง ซึ่งโรงงานประเภทนี้ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับประเภท OEM โดยผู้รับจ้างจะมีความสามารถทั้งการผลิตและออกแบบ โดยสามารถพัฒนารูปแบบสินค้าได้เองและนำแบบสินค้านั้นไปเสนอขายให้ลูกค้าที่มีแบรนด์แล้ว หรือเป็นการออกแบบร่วมกัน โดยที่ลูกค้ามีหน้าที่ในกระบวนการขายและกระจ่ายสินค้าสู่ตลาดเอง วิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาพอสมควร รูปแบบแทบจะคล้ายๆกับ OEM แต่ ODM สินค้าจะมีความเป็น Exclusive และอาจจะโดดเด่นเฉพาะตัวมากกว่า
รวมทั้ง OBM หรือ Original Brand Manufacturer คือ การผลิตภายใต้รูปแบบและตราสินค้าของตนเอง เหมาะกับแบรนด์ที่มีความมั่นคง และเป็นโรงงานที่พัฒนาได้เต็มที่ เพื่อผลิตสินค้าและจำหน่ายในปริมาณที่มาก โดยมุ่งเน้น ผลิตแต่สินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของตัวเองแต่เพียงเท่านั้น ดังนั้นหากแบรนด์ของของแข็งแรงมากพอ และต้องการกำลังผลิตจำนวนมาก การเลือกสร้างโรงงานเองก็จะสามารถ ลดต้นทุนในการผลิตไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ความหมายคือ สุดท้ายโรงงานก็ผลิตแบรนด์ตัวเองมาทำการตลาดเอง แต่บางขณะก็ยังคงรับ OEM และ ODM ด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยง ส่วนในมุมของผู้จ้างหรือผู้ซื้อ ก็หมายถึงเราซื้อสินค้าจากโรงงานนี้ในราคาส่งนั่นเองเพื่อนำไปขายต่อ
ขณะที่อีกแง่มุม เรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและควรระมัดระวัง โดยในที่นี้เราขอใช้คำว่า OEM ซึ่งน่าจะให้ความหมายได้ตรงตัวที่สุด อันเนื่องจากผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายใหม่ๆ ที่ยังไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศยังจะเสียรู้เอาง่ายๆ
กรณีศึกษา บทเรียนราคาแพงในการจ้าง OEM
อย่างกรณี ศึกษาของผู้ผลิตแบรนด์กาแฟสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่ง(ขออนุญาตไม่ระบุนาม) ที่ไปโด่งดังในประเทศจีน ซึ่งสร้างความแตกต่างโดยการผลิตกาแฟสำเร็จรูปผสมเนื้อผลไม้รายแรกของไทยก็ว่าได้ แต่ไม่พร้อมจะลงทุนสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรมาเพื่อผลิตเองเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง ประกอบกับไม่มีความเชี่ยวชาญในการผลิต จึงตัดสินจ้างโรงงาน OEM ที่ประเทศเวียดนามให้ผลิตสินค้าให้ เพื่อที่จะมีเวลาทุ่มเทบุกเบิกสร้างตลาดแทบไม่น่าเชื่อ ใช้เวลาแค่ปีเดียวสามารถ บุกตลาดกาแฟปรุงสำเร็จในเมียนมา ได้สำเร็จเกินความคาดหมาย
แต่ความสำเร็จครั้งนี้กลายเป็นทุกข์ลาภเพราะไปเย้ายวนให้โรงงานรับจ้างผลิตที่เวียดนามได้ฉกฉวยนำสูตรของที่คิดค้นขึ้นไปผลิตแล้วแอบตีท้ายครัวส่งไปขายตัดราคาให้ลูกค้าที่เมียนมา ทำให้ต้องสูญเสียลูกค้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเรียกว่า เสียตลาด เสียใจ เสียความรู้สึกไปพร้อมๆกัน
ทั้งหลายทั้งปวงมาจาก ความไม่ประสีประสาในการทำธุรกิจกับต่างประเทศอีกทั้งไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ตอนที่ว่าจ้างโรงงานที่เวียดนามผลิต ก็ไม่ได้ทำสัญญาว่าจ้าง การจ้างผลิต OEM เพื่อคุ้มครองการผลิต ซึ่งรวมถึงสูตร และทรัพย์สินทางปัญญา กลายเป็นว่า เราได้คิดสูตรและทำตลาดให้โรงงาน OEM เวียดนามเข้ามาชุบมือเปิบแย่งลูกค้าไปดื้อๆ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ก่อนจ้าง OEM ทุกครั้งต้องรอบคอบมากขึ้น
ดังนั้นการตัดสินใจเลือกจ้างบริษัท OEM จำต้องมีการศึกษาข้อมูลที่รอบด้าน อาทิการเลือกโรงงานผลิตจะต้องดู โรงงานมีคุณภาพด้านการ มีการอนุญาตเปิดถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งมีการเช็คข้อมูลเบื้องต้น
5 กฎเหล็กที่คุณต้องรู้ในการจ้าง OEM
1.ตรวจสอบโรงงานให้ได้มาตรฐาน ก่อนตัดสินใจจ้างโรงงานผลิตฯทุกครั้ง สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายในเว็บไซต์กรมโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งต้องดูมาตรฐานโรงงาน อาทิ GMP ,ISO ,มาตรฐานด้านFood Safety ในกรณีที่เป็นอาหาร รวมทั้งมาตรฐานที่จำเป็น ตลอดจนวัตถุดิบส่วนผสมต่างๆ เรียกได้ว่าด้านโรงงานนี่ต้องละเอียดมาก
2.รู้ทุกขั้นตอนในการผลิต ผู้จ้างผลิตควรทราบในทุกขั้นตอนของการผลิต หากสินค้าเกิดปัญหาต่างๆในกระบวนการผลิตนอกจากโรงงานรับจ้างผลิตจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้จ้างผลิตควรเข้าใจถึงปัญหานั้นอย่างแท้จริง เพราะจะได้แก้ไขอย่างตรงจุดและถูกวิธี
3.การตรวจสอบสัญญาจ้าง ผู้จ้างผลิตต้องให้ตรวจสอบสัญญาว่าจ้างที่เขียนไว้กับโรงงานอย่างรัดกุม โดยเฉพาะความลับด้านส่วนผสมและกรรมวิธีในการผลิตสินค้า เพื่อให้เป็นความลับระหว่างผู้จ้างผลิตกับโรงงานรับจ้างผลิต หากโรงงานรับจ้างผลิตนำข้อมูลที่เป็นความลับไปเผยแพร่ ผู้จ้างผลิตสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที
4.ในกรณี สวม อย. หรือจดแจ้ง อย. กรณีที่เป็นอาหาร ประเภทต่างๆ ต้องดูบางทีทางโรงงานให้ใช้เลข อย. ที่ อย. มอบให้กับสินค้าของโรงงาน ไม่ได้มอบให้กับสินค้าตัวนั้นๆ ที่เป็นปรุงสูตรขึ้นมาใหม่ และเมื่อสินค้ามีการเปลี่ยนแพ็คเกจ ทางโรงงานก็เพียงแค่นำเลขตรงนั้นมาพิมพ์ ดังนั้น ตรงนี้ อาจจะมีปัญหาในภายหลังได้ ดังนั้นอย่าทำลวกๆ แม้จะต้องรอ จด อย.นานก็ต้องทำใจ เพราะหากสินค้ามีปัญหา มีความเสี่ยงต่อการเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาก
5.การซัพพลายวัตถุดิบ มี 2 ประเภท คือทางโรงงานมีหน้าที่ในการซัพพลายวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ ให้เรา หรือ กรณีที่เป็นสูตรที่เราคิดค้นและซัพพลายวัตถุดิบบางส่วนให้เอง เรื่องนี้ต้องรอบคอบเช่นกัน อย่าเอาความรับผิดชอบในส่วนนี้ให้โรงงานทั้งหมด หรือแม้จะให้โรงงานซัพพลายแต่ต้องควบคุมเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าที่ผลิตขึ้นได้ เรื่องนี้ก็เรื่องใหญ่เช่นกัน
กฎ 5 ข้อที่ระบุมานี้ เป็นการปฏิบัติในเบื้องต้นสำหรับมือใหม่เลือกจ้าง OEM ซึ่งเป็นการศึกษาในขั้นพื้นฐานที่ควรรู้ แต่ยังมีรายละเอียดปลีย่อยอีกหลายด้าน เช่นการเลือกใช้บริการชัพพลายเออร์ การหาคอนเน็คชั่น ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยประสบการณ์มาระยะหนึ่งถึงจะพอมีพื้นที่ของตัวเองได้ รวมทั้งในกรณีที่เป็นคู่ค้าต่างชาติ หรือว่าจ้าง OEM ต่างชาติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นระดับ Expert อีกขั้นสำหรับ SMEs กฎระเบียบในแต่ละประเทศก็เป็นสิ่งแรกที่ควรศึกษา ทั้งเอกสารการว่าจ้างควรหาที่ปรึกษาที่มีความชำนาญโดยตรงเป็นผู้ช่วย เพื่อที่ว่าธุรกิจของคุณจะไม่สะดุดกับปัญหาที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย ซึ่งเชื่อเถอะมันจะต้องมีบ้างอย่างแน่นอน
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333