อยากแตกต่างต้องสร้างคาแรกเตอร์ให้ชัด ‘คงศิริแทนเนอรี่’ โรงงานฟอกหนังไฮเอนด์สู่เส้นทางการเป็นซัพพลายเชนพรีเมียม ให้กับรีเทลเลอร์หนังสัญชาติเมกา Top 5 โลก
‘หนัง’ ที่โดนฟอก แล้วนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งใครๆ ต่างมองว่าเหมือนกันหมด ต้องทำอย่างไรเพื่อให้แตกต่างจากตลาดสร้างโอกาสกระชากใจลูกค้า Bangkok Bank SME ชวนถอดแนวคิดการดำเนินธุรกิจของ 2 ผู้บริหาร คุณลักขณา ทรัพย์เปี่ยมลาภ กรรมการบริหาร และคุณเณวิกา ทรัพย์เปี่ยมลาภ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คงศิริแทนเนอรี่ จำกัด โรงงานฟอกหนังระดับไฮเอนด์แถวหน้าเมืองไทย ที่ใช้กลยุทธ์ใดนำพากิจการสู่การเป็นซัพพลายเชนพรีเมียม ให้กับบริษัทจำหน่ายหนัง Top 5 ของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา หาคำตอบได้จากบทสัมภาษณ์นี้

ครีเอทการฟอกหนัง สร้างคาแรกเตอร์ จนประสบความสำเร็จยาวนานกว่า 40 ปี
คุณเณวิกา เผยว่า บริษัท คงศิริแทนเนอรี่ จำกัด เป็นธุรกิจครอบครัว (Family Business) โดยคุณพ่อซึ่งเป็นพี่ชายคนโตร่วมกันก่อตั้งบริษัทกับคุณแม่และน้องๆ ของคุณพ่อ เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว โดยกิจการ หลักๆ คือการฟอกหนัง ซึ่งปัจจุบันเป็นซัพพลายเชนให้กับผู้ผลิตในหลายประเทศ เช่น จีน เวียดนาม รวมถึงไทย เพื่อนำไปผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในบ้าน แล้วส่งออกไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น แคนาดา เป็นต้น และนอกจากนี้คงศิริก็มีการส่งออกหนังที่ฟอกแล้วไปจำหน่ายโดยตรงที่สหรัฐฯ ด้วย
ปัจจุบันบริษัท คงศิริแทนเนอรี่ จำกัด มีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นผลิตหนังที่ยังคงคาแรกเตอร์ความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง ซึ่งบริษัทจะมีการ R&D (Research & Development) เพื่อทำให้หนังมีคาแรกเตอร์เป็นของบริษัทชัดเจนด้วย Process Innovation ซึ่งลูกค้าที่มีความรู้ในเรื่องหนังเมื่อเห็นสินค้าในตลาดทั่วไปกับของคงศิริจะเห็นถึงความแตกต่างทันที โดยบริษัทพยายามทำให้หนังเกิดแตกต่างมากที่สุด เพราะการทำธุรกิจฟอกหนังแล้วต้องแข่งขันด้วยราคาเป็นเรื่องยากมาก
ดังนั้นจึงพยายามคิดค้นให้หนังมีความแตกต่างเกิดเป็นความท้าทายให้กับธุรกิจสู่การประสบความสำเร็จ โดยการผลิตและฟอกหนังสักหนึ่งตัวอย่างขึ้นมา บางโปรดักส์ใช้เวลาดีเวลลอปกว่า 2 ปีจึงจะนำมาจำหน่าย ก่อนกลายเป็นจุดเด่นของคงศิริในการครีเอทหนังรายการใหม่ๆ รวมถึงการนำไอเดียจากลูกค้าที่เสนอมาพัฒนาต่อยอด จุดแข็งคือหนังของเราไม่ได้อิงตามแฟชั่นแต่ขายคาแรกเตอร์ตัวเอง ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีการฟอกหนังวัวตามออเดอร์ประมาณ 70,000 ตัวต่อปี
ซึ่งหนังของคงศิริทุกผืนจะต้องคงคาแรกเตอร์แบบเดียวกันก็คือ ใช้สารเคมีน้อย และมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง หากลูกค้าซื้อโซฟาที่ทำจากหนังของคงศิริ จะไม่ใช่แค่ดูแล้วสวยแต่สัมผัสต้องดีด้วย
“คงศิริเปรียบได้กับการเป็นโรงฟอกที่ขายงานศิลปะ ศิลปินที่วาดภาพจะมีซิกเนเจอร์ของตัวเอง เราก็เช่นกัน หน้าตาของหนังและกลิ่นต้องประมาณนี้ นี่คือซิกเนเจอร์ของเรา สร้างความแตกต่างคาแรกเตอร์ต้องชัดส่งผลให้คงศิริก้าวสู่วงการฟอกหนังระดับโลกได้”

คาแรกเตอร์แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ด้วย 'Process Innovation'
คุณเณวิกา เปิดเผยว่า คงศิริจะมีเทคนิเชียลซึ่งเป็นบริษัทเคมีที่ออกแบบเคมีตัวใหม่ๆ ออกมา แล้วเราจะดูว่าเคมีแต่ละชนิดมีพร็อพเพอร์ตี้อะไรบ้าง ซึ่งจุดเด่นของเราคืออาจจะไม่ได้ใช้ตามที่พาร์ทเนอร์ออกแบบมา 100% เช่น พร็อพเพอร์ตี้ควรนำไปทำแบบนี้ เราอาจจะพลิกแพลงนำมาทำอย่างอื่นซึ่งทำให้ลักษณะหนังเกิดความแตกต่าง ด้วยเหตุนี้หนังของบริษัท 1 ตัวอย่าง จึงใช้เวลาดีเวลลอปค่อนข้างนาน ต้องมีการทดลองต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถผลิตได้จริงในกระบวนการผลิต

เณวิกา ทรัพย์เปี่ยมลาภ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คงศิริแทนเนอรี่ จำกัด
หนังที่ดีขึ้นอยู่กับอะไร?
คุณเณวิกา ให้ความรู้ว่า หนังที่ดีจะเริ่มตั้งแต่พันธุ์วัว ลักษณะตัวต้องใหญ่ เราจึงเลือกวัตถุดิบนำเข้ามาจากยุโรป นอกจากนั้นก็จะดูหลายๆ ด้าน เช่น การให้อาหาร ทุ่งที่ใช้เลี้ยงเป็นอย่างไรทุ่งเปิดหรือปิด รวมถึงอากาศหากร้อนชื้น แมลงจะเยอะ ผิวหนังของวัวจะโดนแมลงกัดเยอะ หากอากาศเย็นแมลงก็จะน้อยลง เป็นต้น
หนังที่บริษัทนำมาเป็นวัตถุดิบมาจากวัวเนื้อ หนังจึงเป็นบายโปรดักส์ หนังที่คงศิรินำมาเป็นวัตถุดิบต้องผ่านการคัดสรร และทดลองเป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อให้ได้ความมั่นใจในคุณภาพ
“การเลือกซัพลายเออร์สำคัญมาก เพราะพาร์ทเนอร์ของเราต้องมีความสม่ำเสมอ จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน เนื่องจากการจะตรวจสอบว่าหนังได้มาตรฐานหรือไม่ หนังต้องเข้าไปอยู่ในกระบวนการผลิตจนแล้วเสร็จซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 เดือน”
คุณลักขณา ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า แม้คงศิริจะนำเข้าหนังขึ้นชื่อว่ามาจากยุโรปแต่คุณภาพแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน อาทิเช่น หากใช้วัตถุดิบจากเยอรมัน แต่มีการนำหนังวัวจากประเทศใกล้เคียงมาแทน เกรดและคุณภาพก็อาจต่ำกว่าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อใจระหว่างบริษัทกับลูกค้าได้ ดังนั้นจึงต้องรักษาซัพพลายเออร์เอาไว้ให้ดี เพื่อให้ต่างคนต่างเป็นพาร์ทเนอร์ของกันและกัน ก่อเกิดเป็นซัพพลายเชนคุณภาพ วินวินทั้งสองฝ่าย

ลักขณา ทรัพย์เปี่ยมลาภ กรรมการบริหาร บริษัท คงศิริแทนเนอรี่ จำกัด
คุณภาพของหนังดูจากอะไร ทำอย่างไร? ให้หนังมีคุณภาพดี
คุณเณวิกา กล่าวว่า คุณภาพหนังก็จะแยกเป็น 2 ส่วนคือ ตัวหนัง และสารเคมีที่ใช้ในการผลิต ต้องดูว่าลักษณะหนังที่จะฟอกเป็นแบบไหน ควรใช้หนังแหล่งไหนมาผลิต ถ้าเป็นหนังที่ต้องลงเคมี ลงสีเยอะๆ อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้หนังที่ผิวสวย ละเอียดมาก แต่หากต้องการผลิตหนังที่โชว์ความเป็นธรรมชาติ ก็ต้องเลือกหนังที่ผิวสวย และมีความละเอียดมากขึ้น ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะให้ความสำคัญในเรื่องพวกนี้มากน้อยเพียงใด หนังของคงศิริจะเน้นเป็นอย่างมากคือแผลต้องน้อย ผิวต้องมีความละเอียดเหมาะกับลักษณะของหนังที่ถูกออกแบบ
ส่วนเรื่องของสารเคมี อยู่ที่แต่ละโรงงานฟอกหนังว่าจะนำเข้ามาจากที่ไหน เช่น เอเชีย ยุโรป รวมถึงในไทยเอง สำหรับคงศิริจะนำเข้ามาจากยุโรป โดยโรงงานที่ผลิตสารเคมีจะต้องผ่านมาตรฐาน นอกจากนี้ คงศิริยังได้ผ่านมาตรฐาน LWG (Leather Working Group) ซึ่งจะคล้ายกับ ISO ของกลุ่มฟอกหนังโดยเฉพาะ
กล่าวโดยสรุป ในมุมมองของ คงศิริ คุณภาพหนังจะดีได้มาจาก
1. การเลือกวัตถุดิบให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ
2. การเลือกใช้สารเคมี
3. มาตรฐาน LWG

“Positioning ที่คงศิริวางไว้คือ การเป็นโรงฟอกหนังที่ทั่วโลกยอมรับ เมื่อมีเป้าหมายเราก็ทำการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนได้สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ ก้าวไปสู่การเป็นซัพพลายเชนหนังระดับพรีเมียมเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับ Global Brand หลายแบรนด์”
แม้ว่าบริษัทจะเป็นที่รู้จัก แต่การที่เราจะอยู่ในวงการนี้ได้นาน ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าทุกราย คุณภาพสินค้าทุกชิ้นต้องดีได้มาตรฐาน จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นพาร์ทเนอร์กันมายาวนาน อาทิเช่น บริษัทรีเทลเลอร์หนัง Top 5 ของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้ากันมาเกือบ 40 ปีแล้ว
“บริษัทรีเทลเลอร์หนังซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์จากสหรัฐฯ เมื่อนำหนังของคงศิริไปจำหน่าย จะไม่ปิดบังแหล่งผลิตที่มาว่ามาจากไหน พร้อมกับเปิดเผยชื่อบริษัทให้กับลูกค้าทราบ จึงส่งผลให้หนังจากประเทศไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลก”
คุณลักขณา กล่าวเสริมว่า ในอดีตอุตสาหกรรมฟอกหนังจะแข่งขันกันในเรื่องราคา ใครขายถูกจึงจะได้ออเดอร์ แต่คงศิริมองถึงอนาคตว่าจะทำการค้าได้ยากขึ้นจึงเริ่มเปลี่ยนแนวมาเป็นการฟอกหนังระดับไฮเอนด์ ซึ่งได้มีการวิจัยและพัฒนา (R&D) นานกว่า 3 ปี เพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากล ก่อนจะเป็นที่ถูกใจพาร์ทเนอร์ของเรา แล้วนำสินค้าของคงศิริ ซึ่งถือเป็นบริษัทแรกๆ ในเอเชียที่ผลิตภัณฑ์ถูกนำไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ร่วมกับสินค้าจากอิตาลี นิวซีแลนด์ เยอรมัน เป็นต้น

เข้าใจลูกค้า มองเห็นโอกาสธุรกิจในอนาคต
คุณเณวิกา เผยว่า ปัจจุบันคงศิริได้มีการเปิดบริษัทลูกชื่อว่า ‘บริษัท แทคทุส จำกัด’ (TACTUS) โดยปกติ คงศิริ แทนเนอรี่ จะผลิตสินค้าเป็นแบบเมดทูออเดอร์ตามที่ลูกค้าสั่ง แต่ปัจจุบันเราผลิตหนังให้สำเร็จแล้วสต็อกไว้ เพื่อลูกค้าที่เป็นดีไซเนอร์รวมถึงกลุ่มออกแบบอื่นๆ เช่น ออกแบบโรงแรม ร้านอาหาร บ้าน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะต้องการใช้หนังค่อนข้างเร่งด่วน เมื่อเลือกแล้วถูกใจก็อยากซื้อไปใช้งานได้ทันที คงศิริเข้าใจลูกค้าในจุดนี้จึงมีการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คนยุคปัจจุบันที่อยู่บ้านมากขึ้น อยากแต่งบ้านมากขึ้น ที่สำคัญในเมืองไทยยังไม่มีโรงงานที่ทำธุรกิจนี้ โดยบริษัทเริ่มทำตลาดตรงนี้มาเกือบ 2 ปีแล้ว ฟีดแบ็กค่อนข้างดีลูกค้าค่อนข้างแฮปปี้
“TACTUS มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยปีนี้เราจะมีการออกงานแสดงสินค้าทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ลูกค้าที่เป็น End User ก็จะเข้าถึงเราได้มากขึ้น”
การจะทำให้ธุรกิจฟอกหนังบ้านเราดังไกลเป็นที่สนใจของ Global Brand ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถทำได้ แต่ด้วยวิสัยทัศน์แนวคิดในการทำธุรกิจ ที่ตั้งเป้าหมายแล้วต้องไปให้ถึง ส่งผลให้บริษัท คงศิริ แทนเนอรี่ จำกัด โรงงานฟอกหนังระดับไฮเอนด์แถวหน้าเมืองไทย ประสบความสำเร็จกลายเป็นที่รู้จัก วงการฟอกหนังทั่วโลกให้การยอมรับ ซึ่งยังไม่หยุดเติบโตเพียงเท่านี้ ด้วยการพัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมา ตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัลที่มีความหลากหลายด้านพฤติกรรม
รู้จัก ‘บริษัท คงศิริ แทนเนอรี่ จำกัด’ เพิ่มเติมได้ที่ :