“บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน)” เปลี่ยนอนาคตอุตสาหกรรมอาหารด้วยกลยุทธ์ ESG
ในโลกของอุตสาหกรรมอาหาร การจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ต้องอาศัยวัตถุดิบคุณภาพสูงเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งบริษัทที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและพร้อมที่จะปรับตัวสู่แนวทางที่ยั่งยืน ย่อมมีโอกาสเติบโตได้อย่างมั่นคง หนึ่งในองค์กรที่เป็นตัวอย่างของความสำเร็จนี้ ได้แก่ “บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน)” หรือ “RBF”
เบื้องหลังของการเติบโตอย่างมั่นคงของ RBF คืออะไร กลยุทธ์ใดที่ทำให้บริษัทสามารถขยายตัวจากธุรกิจเฉพาะทางไปสู่ระดับนานาชาติ และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ RBF สามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงแนวทางและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมากกว่าผู้ผลิตวัตถุดิบอาหาร เพราะ RBF คือองค์กรที่ขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
ภาพรวมธุรกิจ และเส้นทางการเติบโตของ RBF
RBF หรือ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นธุรกิจในปี 2528 โดยมุ่งเน้นการผลิตและพัฒนาสารปรุงแต่งกลิ่นอาหาร (Flavor) ผ่านการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ก่อนที่จะแยกตัวออกมาดำเนินธุรกิจอย่างอิสระในปี 2540 พร้อมขยายธุรกิจด้วยการแตกไลน์สินค้าไปยังกลุ่มธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ด (Fast Food) เช่น แป้งชุบทอด ผงปรุงรส ซอสหมัก เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตและเสริมสร้างความหลากหลายในการผลิต นอกจากนี้ยังมีการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับความต้องการในตลาดโลกและเติบโตเป็นองค์กรชั้นนำในปัจจุบัน
ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยหลัก ESG ควบคู่กับปรัชญา RBF
RBF ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างสมดุลและยั่งยืน ควบคู่กับหลักปรัชญาการดำเนินธุรกิจขององค์กร ที่ประกอบไปด้วย
R (Responsibility for All) การรับผิดชอบต่อสังคม
B (Benefit for Stakeholders) การสร้างคุณค่าและคืนกำไรสู่สังคม
F (Flexibility for Future) ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
จากสองหลักการนี้ RBF มีการดำเนินโครงการด้านความยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานสะอาดและการนำระบบ Carbon Footprint Organization (CFO) รวมถึงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่โรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีแผนที่จะขยับขยายไปยังโรงงานอื่น ๆในอนาคต เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รับมือกับความท้าทาย ด้วยการกำหนดเป้าหมายระยะสั้น-กลาง และมาตรการระยะยาว
หนึ่งในประเด็นที่ RBF ให้ความสำคัญ คือ การปรับตัวต่อภาวะโลกร้อน “ภาวะโลกร้อนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ทุกบริษัทต้องเตรียมตัวเข้าสู่ Net Zero” “แพทย์หญิงสนาธร รัตนภูมิภิญโญ (หมอจอย)” กรรมการบริษัทและกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ RBF กล่าวเน้นย้ำว่าการเตรียมตัวรับมือกับวิกฤตดังกล่าวสำคัญแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมีและการผลิตขนาดใหญ่อย่าง RBF ของเรา
หมอจอยกล่าวต่อว่า “บริษัทเรามีการกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 5 จากปีฐาน 2566 ภายในปี 2573 สำหรับเป้าหมายระยะกลาง บริษัทตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับองค์กร (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และ ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO Emissions) ภายในปี พ.ศ.2608”
รวมถึงมีการใช้มาตรการระยะยาวต่าง ๆ เช่น
การบริหารจัดการของเสีย (Waste Management) เช่น การ reuse น้ำในกระบวนการผลิต
การส่งเสริมการ recycle เช่น การแยกขยะพลาสติกเพื่อนำไปผลิตเป็นอิฐบล็อก
โครงการปลูกป่ายูคาลิปตัส เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โครงการลดของเสีย โดยนำเศษขนมปังที่ไม่ผ่านมาตรฐานมาเข้าสู่กระบวนการรีโพเซส (Reprocess) เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดการสูญเปล่าและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าอย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย RBF จึงให้ความสำคัญกับการดำเนินมาตรการเหล่านี้ ผ่านการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม
การสร้างคุณค่าผ่านโครงการเพื่อสังคม
RBF ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในการพัฒนาสังคมผ่านโครงการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการศึกษาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
โครงการบริจาคเลือดประจำปีให้กับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
การสนับสนุนโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกัน อัมพาต” ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การสนับสนุนทุนการศึกษา สำหรับบุตรของพนักงานที่มีผลการเรียนดี
โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เช่น การบริจาคสิ่งของแก่ผู้ประสบอุทกภัย
โครงการ สานฝันสร้างอาชีพ มุ่งสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับชุมชน โดยสนับสนุนการเปิดร้านน้ำดื่ม เพื่อเสริมสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ หมอจอยยังเป็นผู้ริเริ่มเพจ “Too Young to Die” ที่มีผู้ติดตามเกือบ 4 หมื่นคน (ข้อมูลเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568) ซึ่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นตัวอย่างของผู้นำที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่สังคม
ปัจจัยความสำเร็จของ RBF และทิศทางในอนาคต
ความสำเร็จของ RBF มาจากการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอาหาร กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยืดหยุ่น และการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งองค์กรสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงด้วยปัจจัยหลัก ได้แก่
1. ความสามารถในการสร้าง Value Chain ที่ครบวงจร
RBF ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารเท่านั้น แต่ยังสามารถต่อยอดธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมการผลิตอาหารแปรรูป และขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ
2. ใช้กลยุทธ์ ESG-Driven Growth เป็นจุดแข็ง
การดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้น ESG ทำให้ RBF ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและคู่ค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในยุคที่ตลาดให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
3. การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้
RBF ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตอาหารเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน เช่น การใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการของเสีย ตลอดจนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ภาวะผู้นำที่มองการณ์ไกล
หมอจอยและทีมผู้บริหารมีแนวคิดที่ชัดเจนในการพัฒนาองค์กร ทั้งในเชิงธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้ RBF เป็นบริษัทที่มีรากฐานแข็งแกร่ง และสามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างเป็นมืออาชีพ
“ทุกวันนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเราก็อยู่ในจุดที่เลย 1.5 องศาไปแล้ว
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จริงจัง ผลกระทบจะรุนแรงกว่าที่เราคาดไว้
เราอาจไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่เราสามารถกำหนดอนาคตใหม่ได้เสมอ”
แนวคิดนี้ของหมอจอยสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ RBF ที่ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเพียงผู้นำด้านวัตถุดิบอาหารเท่านั้น แต่ยังต้องการวางตนเองเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมในอนาคต
ดังนั้น ในอนาคต “บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน)” หรือ “RBF” จึงยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและปรับตัวสู่แนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวัตถุดิบอาหาร พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องสืบไป