โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) นับเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้ง 3 จังหวัดอันประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ไปสู่ความสำเร็จ ที่ผ่านมา EEC มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมขนส่ง เชื่อมโยงการเดินทางทั้งทางอากาศ ทางบก ทางราง ทางน้ำ แบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันจากการลดเวลาการเดินและประหยัดค่าขนส่ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับกลุ่มโครงการที่สำคัญ
2 กลุ่ม คือ
1. เชื่อมโยง EEC กับภูมิภาคทางอากาศ
ผ่านโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอากาศยานและโลจิสติกส์ทางอากาศ
และเชื่อมโยงการเดินของผู้โดยสารสนามบินหลัก (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา)
โดยรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้การเดินทางระหว่าง กทมฯ กับ EEC ไม่เกิน
1 ชม.
2. เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าของประเทศไทยกับภูมิภาค โดยพัฒนารถไฟทางคู่เชื่อมโยงจีน ลาว ไทย กัมพูชา และระบบขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อ และระบบขนส่งแบบอัตโนมัติผ่านศูนย์กระจายสินค้าใหม่ที่ฉะเชิงเทรา ไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังระยะ 3 และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 และส่งเสริม EEC ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกโดนการพัฒนาท่าเรือสำราญ (Cruise Port) ที่ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ
ทั้งนี้มาทำความรู้จักกับ 5 โครงการพื้นฐานหลัก EEC รากฐานที่สำคัญและแข็งแกร่งในการปั้น
EEC ให้มีศักยภาพแข่งขันได้ในระดับสากล
1. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม
3 สนามบิน
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ เป็นโครงการที่ใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางการเดินรถเดิมของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแอร์พอร์ตลิงค์ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
โดยจะก่อสร้างทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร ส่วนต่อขยาย 2 ช่วงจากสถานีพญาไท ไปยังสนามบินดอนเมือง และจากสถานีลาดกระบัง
ไปยังสนามบินอู่ตะเภา พร้อมเชื่อมเข้าออกสนามบิน โดยใช้เขตทางเดิมของการรถไฟฯ
เป็นส่วนใหญ่ รวมระยะทาง 220 กม.
ซึ่งรถไฟความเร็วสูงมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
(สำหรับช่วงการเดินทางระหว่างเมือง คือ สถานีสุวรรณภูมิ ถึงสถานีอู่ตะเภา)
และความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
(สำหรับช่วงการเดินทางในเมือง คือ สถานีดอนเมือง ถึงสถานีสุวรรณภูมิ)
ประกอบไปด้วยสถานีรถไฟความเร็วสูงจำนวน 9 สถานี ได้แก่
สถานีดอนเมือง สถานีบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีสุวรรณภูมิ สถานีฉะเชิงเทรา
สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และสถานีอู่ตะเภา
2. โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
โครงการนี้อนุญาตให้เอกชนเข้าร่วมทุนในการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก
ที่ตั้งโครงการอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง
จังหวัดระยอง และพื้นที่โดยรอบประมาณ 6,500 ไร่ ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านฉาง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดระยอง
3. โครงการท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ 3
เพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยจะดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือ
สำหรับจอดเรือน้ำลึกและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่
ท่าเรือแหลมฉบัง ก่อสร้างท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ปรับปรุงสิ่งอานวยความสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือ
ตลอดจนโครงข่ายและระบบการขนส่งต่อ
เนื่องที่จำเป็นในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังที่จะเชื่อมต่อกับภายนอก ให้เพียงพอและพร้อมที่จะรองรับการขยายตัวของปริมาณเรือและสินค้าประเภทต่างๆ โดยที่ตั้งโครงการ คือ ท่าเรือแหลมฉบัง
ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
4. โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่
3
เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ
และวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
โดยตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง
จังหวัดระยอง มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่หน้าท่าเรือ 550 ไร่
และพื้นที่หลังท่าเรือ 450 ไร่ ความยาวหน้าท่าเรือรวมกัน 2,229
เมตร
5. โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา
ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานบนพื้นที่ 210 ไร่แห่งนี้
จะได้รับการพัฒนาให้เป็นหนึ่งในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่ทันสมัย
รองรับเทคโนโลยีขั้นสูงของอากาศยานรุ่นใหม่ทุกรุ่น ทุกขนาดในอีก
20 ปีข้างหน้า โดยพร้อมให้บริการในหลากหลายด้าน
ตั้งแต่การซ่อมบำรุงระดับลานจอด
เรื่อยไปจนถึงซ่อมบำรุงใหญ่สำหรับอากาศยานในหลากหลายประเภท
โดยจะนำเทคโนโลยีล่าสุดและการตรวจสอบขั้นสูงมาใช้ในการวิเคราะห์และพยากรณ์ เพื่อกำหนดแผนการบำรุงรักษาอากาศยานล่วงหน้า
นอกจากนี้ยังมีโรงซ่อมบำรุงอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน
รวมทั้งศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงที่ผลิตช่างฝีมือ และนายช่างอากาศยาน
ตามมาตรฐานระดับสากล
รองรับการขยายตัวของธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยานทุกภูมิภาคของโลกต่อไปในอนาคต
แม้ภาพเหล่านี้จะเป็นเมกะโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ของรัฐ แต่สำหรับภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอาจยังไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มากเท่าที่ควร แต่ก็สามารถศึกษาเพื่อคาดการณ์โอกาสท่ามกลางการเกิดขึ้นของเมกะโปรเจกต์ของรัฐในแง่มุมต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น 9 สถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม
3 สนามบิน อูตะเภา-สุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งคาดว่า ทั้ง 9
สถานีจะเกิดเป็นโอกาสจากการเติบโตของเมืองและความสะดวกในการเดินทาง
เกิดศูนย์การค้า ย่านธุรกิจ และสถานบันเทิงมากมาย ไว้โอกาสหน้าจะนำข้อมูลทั้ง 9
สถานีนี้มาวิเคราะห์กันแบบเจาะลึก ดูว่ามีแนวโน้มที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
อ้างอิง : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)