การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เทรนด์โลกสมัยใหม่
นับเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเมืองอย่างชาญฉลาด
เป้าหมายเพื่อกระจายความเจริญไปทั่วทุกภูมิภาค สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
โดยเฉพาะพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 3
จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนผลักดันให้เป็นพื้นที่นำร่องในเฟสแรกเป็นต้นแบบ
สมาร์ท ซิตี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมผลักดันสมาร์ท
ซิตี้ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม อาทิ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
(ดีป้า) และสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย
ตอบสนองนโยบายรัฐบาลคที่ต้องการผลักดันให้เกิดสมาร์ทซิตี้ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 100
แห่งทั่วประเทศภายในปี 2565
โดยปี 2562-2563
ได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนยื่นผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มากกว่า 20
ราย ขอส่งเสริมการลงทุนทั้งจัดตั้งเมืองอัจฉริยะขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
และพัฒนาเมืองเดิมให้เป็นเมืองอัจฉริยะ
การจัดตั้งเมืองอัจฉริยทางบีโอไอได้กำหนดกฎเกณฑ์ครอบคลุมทั้งหมด 7 ด้าน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยองค์ประกอบของสมาร์ทซิตี้จะต้องประกอบด้วย
2 ด้าน ซึ่งจะมี 1 ด้านเป็นหลัก ได้แก่ Smart
Environment สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ และอีก 1
ด้านตามความเหมาะสมของพื้นที่
หากกลุ่มทุนยอมรับเงื่อนไขได้ทางรัฐบาลไทยพร้อมมอบสิทธิประโยชน์
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี แต่ถ้าไม่ครบ 7 ด้าน
จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี และยังไม่รวมเข้าไปลงทุนในโครงการเมืองอัจฉริยะในอีอีซี
จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงถึง 50% เพิ่มเติมอีก 5 ปีอีกด้วย
โดยภายในปี 2563
จะเห็นโครงการเมืองอัจฉริยะผ่านการพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจำนวนหลายโครงการด้วยกัน
รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินกระตุ้นเมืองอัจฉริยะคึกคัก
โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3
สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. มูลค่ากว่า 2.2
แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน คือการรถไฟแห่งประเทศไทบย
(ร.ฟ.ท.) กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร
(กลุ่ม CPH) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562
ซึ่งจะสร้างแล้วเสร็จภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือเปิดให้ใช้บริการช่วงปี 2566-2567
ไม่เพียงแต่เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทย
ในการเปิดเสียงหวูดเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่สุดในโครง EEC เต็มกำลังแล้ว ยังช่วยกระตุ้นทุกภาคทุกธุรกิจเกี่ยวเนื่องคึกคักเป็นพิเศษ
รวมทั้งโครงการเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ท ซิตี้
ก็เริ่มปักหมุดเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะโครงการร่องพัฒนา 4
เมืองเก่า "แหลมฉบัง-พัทยา-บางแสน-ระยอง" สู่ สมาร์ท ซิตี้ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
อย่างไรก็ตามการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและเมืองนวัตกรรม
จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งการวางผังเมือง
การออกแบบสิ่งปลูกสร้างที่สามารถตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบันอย่างชาญฉลาด รวมทั้งการหยิบเทคโนโลยี
และนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างความสะดวกสบาย
และปลอดภัยให้กับประชาชนสูงสุด
โดยเมืองอัจฉริยะและเมืองนวัตกรรม จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้ประเทศไทยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและจัดการเมือง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านที่อยู่อาศัยที่ สะดวกสบาย สร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า รวมถึงการมีสังคมและมีความสุขอย่างยั่งยืน
พัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่ต้องลงทุนสูงแต่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยตรงจุด
นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเงินลงทุนสูงหรือใช้เทคโนโลยีไฮเทคชั้นสูงสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
แต่การพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะที่ถูกต้อง
ต้องออกแบบเพื่อตอบสนองต่อความเป็นอยู่ของประชาชนให้ได้ตรงจุด และเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่
โดยจะต้องเริ่มตั้งแต่การระดมความคิดของคน
ในชุมชนเพื่อหาความต้องการของเมืองให้ได้ว่าแต่ละชุมชนนั้นต้องการเมืองแบบไหน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ความต้องการของเมืองแล้วก็จะต้องดูเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
จะต้องมีอะไรบ้าง จากนั้นก็ต้องนำเอกชนเข้ามาร่วมหารือ
เพื่อจัดทำแผนธุรกิจที่เหมาะสมเพื่อให้สมาร์ทซิตี้
แต่ละด้านสามารถเลี้ยงตัวเองมีผลกำไรสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ระบบขนส่งเสริมต้องชัดเจน-สร้างถนนสายรองเอื้อต่อการเดินทาง
นโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี
จะทำให้มีผู้คนเดินทางสัญจรไปมาระหว่างจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
หนาแน่นมากกว่าเดิม แต่ต้องยอมรับว่าการกระจายตัวของระบบขนส่งแบบกระจุกตัว ที่จะอำนวยความสะดวกประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกยังไม่มีความชัดเจนมากนัก หรือการเดินทางมายังสถานีรถไฟความเร็วสูงก็ยังไม่เชื่อมต่ออย่างเป็นรูปธรรม
ดังนั้นต้องมีการพัฒนาระบบการคมนาคมสายรองที่เอื้อต่อการเดินทางเชื่อมต่อทุกเส้นทาง เนื่องจากปัจจุบันการกระจายคนเข้าไปยังบริเวณรถไฟความเร็วสูงนั้นยังเป็นถนนทั่วไป ภาครัฐยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าถนนแต่ละเส้นจะเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวอย่างไร ซึ่งการแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจต้องสร้างระบบรางอย่างรถไฟรางเบามารองรับไหม หรือว่าจะเป็นรถบัสเพื่อกระจายคนเข้ามาในเมืองหรือสถานีและสนามบิน แต่การลงทุนในส่วนนี้จะค่อนข้างสูง
การคมนาคมต้องสะดวกรองรับที่พักอาศัยเติบโต 5-10 ปีข้างหน้า
ภายในอีก 5-10 ปีข้างหน้าในพื้นที่อีอีซี
จะเกิดการพัฒนาแหล่งที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับคนนับล้านคนย้ายถิ่นฐานมาอาศัย
การพัฒนาระบบคมนาคมต้องเชื่อมโยงไปทุกที่เพื่อเอื้อต่อความสะดวกให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี
20 กิโลเมตร ให้สามารถเดินทางเข้ามาในตัวเมืองได้อย่างสะดวกสบาย และเดินทางไปใช้บริการรถไฟความเร็วสูงที่กำหนดจะสร้างแล้วเสร็จภายในอีก
5 ปีข้างหน้า หากคมนาคมสะดวกสบายก็จะส่งผลดีต่อการพัฒนาที่ดินรอบๆ เมืองกระตุ้นการลงทุนตามมาด้วย
เมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ท ซิตี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนชาวไทยทั่วทุกภูมิภาคเข้ามาทุกขณะ เนื่องจากรัฐบาลกำลังเดินหน้าพัฒนาเมืองให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้สอดคล้องกับยุค Thailand 4.0