ดีลล่ม! รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม ‘มาเลเซีย-สิงคโปร์’ แต่สะเทือนไทย
อภิมหาเมกะโปรเจกต์โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมระหว่างประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย
หรือ High Speed Rail (HSR) ได้เกิดขึ้นเมื่อปี 2556
ถือเป็นบิ๊กโปรเจ็คที่สร้างความฮือฮาในระดับอาเซียน สมัยนายกรัฐมนตรี
ลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์และนายราจีฟ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ประกาศเปิดตัวโครงการ
ตามมาด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในเดือนกรกฎาคม
2559 และการลงนามความตกลงทวิภาคี ระหว่างนาย Khaw
Boon Wan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนาย
Abdul Rahman Dahlan รัฐมนตรีในสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียน เมื่อเดือนธันวาคม
2559 โดยมีเป้าหมายร่วมกันว่าจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเปิดใช้งานในปี
2569
หากโครงการดังกล่าวสามารถสร้างจนสำเร็จ จะช่วยให้การเดินทางระหว่างสิงคโปร์และมาเลเซียนด้วยระยะทาง 350 กิโลเมตรนั้น ใช้ระยะเวลาเพียง 90 นาที ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศราว 1.55 แสนล้านบาท ทั้งยังจะช่วยให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 110,000 ตำแหน่งในปี 2603
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แต่ผ่านมาเกือบครึ่งทาง กลับมีการประกาศเลื่อนโครงการ HSR
ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 หลังจากมีการเลือกตั้งและเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำรัฐบาลมาเลเซียมาเป็น
ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด ซึ่งได้ประกาศว่าจะมีการศึกษาและทบทวนโครงการระหว่างประเทศหลายโครงการ
รวมถึงโครงการ HSR ด้วย
โดยมีการให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุการเลื่อนว่า โครงการนี้ใช้เม็ดเงินในการลงทุนถึงประมาณ 830,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้สร้างรายได้ให้กับมาเลเซีย และทางมาเลเซียจะเจรจากับสิงคโปร์อีกครั้ง
กระทั่งต่อมาในเดือนกันยายน 2561 รัฐบาลทั้งสองประเทศจึงได้ลงนามในความตกลงใหม่ เพื่อเลื่อนโครงการ HSR ออกมาจนถึงพฤษภาคม 2563 และเลื่อนกำหนดเริ่มโครงการเป็นวันที่ 1 มกราคม 2574 แทนกำหนดเดิมที่วางไว้วันที่ 31 ธันวาคม 2569 ซึ่งทำให้มาเลเซียต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับสิงคโปร์ ประมาณ 350 ล้านบาท สำหรับการระงับโครงการ
ความวุ่นวายที่ได้กลายมาสู่จุดจบของโครงการเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เมื่อการเมืองภายในมาเลเซียบานปลายจนทำให้ ดร. มหาธีร์ ต้องประกาศลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และนาย Muhyiddin Yassin ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และได้รับไม้ต่อในการหารือกับสิงคโปร์
มาจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2563 มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลใหม่ของมาเลเซียจะเดินหน้าโครงการนี้ แต่จะปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เส้นทางรถไฟนี้เริ่มต้นที่กัวลาลัมเปอร์และจะสิ้นสุดที่ Jurong East ประเทศสิงคโปร์ มาเป็นสิ้นสุดในรัฐยะโฮร์แทน นำมาสู่การประกาศยุติโครงการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
ผลจากการยุติโครงการดังกล่าวทำให้มาเลเซียจะต้องเสียค่าชดเชยให้กับสิงคโปร์ ซึ่งปรากฏตัวเลขออกมาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 มีมูลค่าถึง 2,390 ล้านบาท เพื่อชดเชยค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลสิงคโปร์ระหว่างการพัฒนาโครงการ ถือเป็นการยุติความตกลงทวิภาคีที่ได้เคยลงนามไว้เมื่อปี 2559
อย่างไรก็ตาม หลังจากยุติโครงการทางมาเลเซียมีแผนจะแปลงเป็นเส้นทางรถไฟสำหรับใช้ในประเทศ ขณะที่ทางสิงคโปร์มองว่าจะเป็นการลงทุนลักษณะนั้นไม่คุ้มค่า
สอดคล้องกับมุมมองของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ประจำสิงคโปร์ ที่มองว่า หากสามารถเชื่อมโครงการดังกล่าวได้สำเร็จ จะเป็นการเชื่อมเส้นทางการค้าในอาเซียนได้สำเร็จด้วย นั่นหมายถึงไทยก็จะได้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรไปที่มาเลเซีย สามารถเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ได้เร็วขึ้นภายใน 1 วัน จากเดิมจะต้องใช้เวลา 5-6 วันหากขนส่งทางรถยนต์และรถไฟทั่วไป