จับกระแส Mega Trends ระดับโลก ในปี 2025 - 2030 มีอะไรน่าสนใจบ้าง

SME Series
10/03/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 28 คน
จับกระแส Mega Trends ระดับโลก ในปี 2025 - 2030 มีอะไรน่าสนใจบ้าง
banner

โลกธุรกิจในศตวรรษที่ 21 กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคและรูปแบบการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดย McKinsey Global Institute รายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ จะขับเคลื่อนด้วย “Mega Trends” หรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาคที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ด้วยเหตุนี้เอง ธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวแปรหลักในการขับเคลื่อนทุกองคาพยพของโลก จึงต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับ Mega Trends ให้ได้



Mega Trends คืออะไร? พร้อมเผย 5 เทรนด์หลักในปี 2025


Mega Trends คือ พลังขับเคลื่อน หรือการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คน ธุรกิจ และอุตสาหกรรมในระยะยาว โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีผลต่อเนื่องกินเวลา 10 - 50 ปี ซึ่ง Mega Trends ที่มีความสำคัญในปี 2025 ประกอบด้วย 5 เทรนด์หลัก ๆ ได้แก่


  1. Digital Transformation


การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่เป็นมากกว่าแค่การนำเอาเทคโนโลยีพื้นฐานมาใช้ โดย IDC (International Data Corporation) ได้คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายทั่วโลกในเทคโนโลยีที่สนับสนุน AI จะสูงถึง 337 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ทั้งยังได้เผยแพร่การคาดการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและ AI ในช่วงห้าปีข้างหน้า โดยเน้นถึงความสำคัญของ AI ในการขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น


  • การใช้ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและการตัดสินใจเชิงธุรกิจ

  • การพัฒนาระบบ Cloud Computing เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการทำงาน

  • การนำ IoT มาใช้ในการเก็บข้อมูลและบริหารจัดการทรัพยากร


  1. Aging Society


การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จำนวนประชากรสูงอายุมากขึ้น เนื่องจากอัตราการเกิดมีแนวโน้มลดลง ยืนยันได้จากเอกสารข้อมูลประชากรโลก ฉบับปี 2024 ที่เผยว่าปัจจุบัน โลกมีประชากรราว 8 พันล้านคน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้เมื่อปีก่อน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่อไปนี้


  • แรงงานในตลาดลดลง และบริษัทต้องปรับตัวด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติหรือ AI เพื่อชดเชยกำลังแรงงานที่หายไป

  • คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเกษียณช้ากว่าคนรุ่นก่อน เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและอายุขัยที่ยาวขึ้น ส่งผลให้ระบบบำนาญและกองทุนการออมต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสมกับโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป

  • อุตสาหกรรม Healthcare และ Senior Care เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ความต้องการนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม หุ่นยนต์ช่วยเหลือ ระบบสั่งการด้วยเสียง และอุปกรณ์สมาร์ตโฮมที่ใช้งานง่าย


  1. Sustainability and Climate Change


แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนกำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญที่กำหนดทิศทางของธุรกิจและการพัฒนาสังคมทั่วโลก ทั้งอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดถี่ขึ้น และทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง ล้วนกำลังผลักดันให้ภาครัฐและภาคธุรกิจต้องหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อหลายด้าน เช่น


  • การกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ESG (Environmental, Social, and Governance) และกฎหมายควบคุมการปล่อยคาร์บอน

  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่มีความยั่งยืน

  • การเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Carbon Capture เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลดของเสียและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร


  1. Health and Wellness


สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนได้หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจมากขึ้น ผลการวิจัยจาก Grand View Research จึงคาดการณ์ว่าตลาด Digital Health จะมีมูลค่าถึง 946.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 21.9% ระหว่างปี 2024 ถึง 2030 ในอุตสาหกรรมต่อไปนี้



  • ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และโปรตีนจากพืช (Plant-based protein)

  • เทคโนโลยีด้านสุขภาพ เช่น Telemedicine, Wearable Devices และ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ

  • ฟิตเนสและกิจกรรมทางกาย เช่น การออกกำลังกายแบบเวอร์ชวล (Virtual Workout) และแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ

  • บริการด้านจิตวิทยาและแอปพลิเคชันช่วยฝึกสติ


  1. Future of Work


ผลสำรวจจาก Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 พนักงาน 48% จะทำงานจากระยะไกล (Remote Work) เพิ่มขึ้นจาก 30% ก่อนช่วงเกิดโควิด-19 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้การทำงานจากระยะไกลเป็นไปได้มากขึ้น ความคาดหวังของพนักงานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน และการปรับตัวขององค์กรต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ Gartner ยังได้ระบุแนวโน้มสำคัญที่กำหนดอนาคตของการทำงานในปี 2025 ได้แก่


  • การเกษียณอายุของพนักงานที่มีประสบการณ์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทำให้เกิดช่องว่างความเชี่ยวชาญในองค์กร

  • การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

  • การใช้เครื่องมือ AI เพื่อปรับปรุงการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน


8 ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในปี 2025 - 2030 และการปรับตัวของธุรกิจทั่วโลก


หลังจากที่เราได้รู้จักกับ 5 Mega Trends หลักไปแล้ว มาดูกันว่าเทรนด์เหล่านั้นจะส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้นบ้างในช่วงปี 2025-2030 ซึ่งเป็นช่วงที่ Mega Trends จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในภาคธุรกิจทั่วโลก เราจะพาคุณไปวิเคราะห์ 8 เทรนด์ที่สำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาในการวางกลยุทธ์ในอนาคต




  1. การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Tackling Climate Change)


การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ จากรายงานของ McKinsey Global Institute ระบุว่า ตลาดเทคโนโลยีสีเขียวและโซลูชันคาร์บอนต่ำมีมูลค่าการลงทุนรวมมหาศาลถึง 9.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ไปจนถึงปี 2050 เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยการลงทุนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตามด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในภาคอุตสาหกรรมที่ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอนอีก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี


นอกจากนี้ World Economic Forum ยังชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจที่ปรับตัวสู่โมเดล Circular Economy จะมีโอกาสทางธุรกิจใหม่มูลค่ามหาศาลถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยจำเป็นต้องปรับตัวในหลายด้าน ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแบบหมุนเวียน และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง IoT และ AI มาใช้ในการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด


IKEA คือ หนึ่งตัวอย่างของธุรกิจที่กำลังปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์นี้  โดยการมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสภาพภูมิอากาศภายในปี 2573  ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน โครงการด้านป่าไม้ และพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้บรรลุพันธกิจนี้


  1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร (Demographic shifts)


แม้ข้อมูลจากสำนักอ้างอิงประชากรจะชี้ให้เห็นว่า อัตราการเกิดทั่วโลกกำลังลดลง แต่ในอนาคตย่อมต้องมีประชากรผู้สูงอายุและเยาวชนจะเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ พื้นที่ โดย UN World Population Prospects ได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ภายในปี 2030 ประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 6 ของประชากรโลก และในประเทศพัฒนาแล้ว อัตราการพึ่งพิงผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 35% ซึ่งนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ


ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเฉพาะการปรับฟังก์ชันบางอย่างของสินค้าให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นผู้สูงอายุ หรือการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ เช่น การดูแลสุขภาพทางไกล การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เนื่องจากอาชีพมีการเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการมีรถยนต์ไร้คนขับใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มความคล่องตัวของผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ในชนบท


  1. การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว (Rapid Urbanization)


ข้อมูลจาก สวทช. ยืนยันว่า ปัจจุบันประชากรกว่าครึ่งโลกอาศัยอยู่ในเขตเมือง และในปี 2030 แถบทวีปเอเชียและแอฟริกาจะมีการขยายตัวของเมืองเพิ่มขึ้น ทำให้ประชากรเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกราว 5,000 ล้านคน ข้อนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะการขยายตัวของเมืองอาจทำให้เกิดพื้นที่แออัดมากขึ้น คุณภาพชีวิตของผู้คนในบางพื้นที่ลดน้อยลง อีกทั้งมลพิษต่าง ๆ ยังมีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยเป้าหมายของการแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือการสร้างเมืองที่ขยายออกมาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพื่อรองรับกับประชากรในปัจจุบัน ผ่านการใช้นวัตกรรมสมัยในและกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายนี้ไปได้


ดังนั้น สิ่งที่ธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ต้องปรับตัวก็คือ การวางกลยุทธ์กับการช่วยเพิ่มพื้นที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การจัดการการขนส่งที่ไร้มลพิษ การมีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับในเมือง



  1. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ก้าวสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาด (The Energy Transition)


International Energy Agency (IEA) รายงานว่า การลงทุนในพลังงานสะอาดทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่จะโลกจะเป็น 'Net Zero' ให้ได้ภายในปี 2050 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ สังคม และการดำรงชีวิตประจำวันของผู้คน การเร่งดำเนินการในทิศทางนี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไม่อาจเลื่อนออกไปได้ โดยเฉพาะในแง่ของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดจะขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายขอบเขตไปถึงการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคขนส่งที่มีการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างมากมาย โดยเฉพาะในระบบการขนส่งที่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต


  1. การเติบโตของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม 5.0 (Rise of Technology & Industry 5.0)


อุตสาหกรรม 5.0 กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการผลิต โดยการเปลี่ยนจากโมเดลการผลิตแบบจำนวนมาก (Mass Production) มาเป็นการผลิตตามความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบที่เรียกว่า Mass Customization ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ปรับกระบวนการผลิตให้ยืดหยุ่นขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างความร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูงและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยการนำ AI, IoT, และเทคโนโลยีเชิงลึกอื่น ๆ เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ ที่สำคัญคือ ต้องเน้นที่การรักษาความปลอดภัยของคนงานและการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก



ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาอุตสาหกรรม 5.0 ยังหมายถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจให้ทันสมัย โดยองค์กรต่าง ๆ จะต้องมีการปรับตัวไปสู่การใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การนำเทคโนโลยี RFID มาช่วยบริหาร Supply Chain การเชื่อมต่อ IoT กับเครื่องจักรเพื่อประมวลผลการทำงานในไลน์ผลิต การใช้ AI หุ่นยนต์ ตลอดจนการคำนึงถึงเรื่องวัสดุที่ใช้ ให้สามารถย่อยสลายได้ง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสอดรับกับกระแสที่ผู้บริโภคกำลังให้ความสนใจ


  1. การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางเศรษฐกิจระดับโลก (Shift in Global Economic Power)


การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงทางประชากร รวมถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจในเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา ล้วนมีบทบาทสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจโลกมีลักษณะหลากหลายขั้วอำนาจมากยิ่งขึ้น กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) โดยเฉพาะกลุ่ม E7 ที่ประกอบด้วยประเทศจีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก และตุรกี กำลังเติบโตและขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว โดยรายงานจาก PwC คาดการณ์ว่า ในปี 2050 เศรษฐกิจของกลุ่ม E7 จะมีสัดส่วนถึง 50% ของ GDP โลก ซึ่งจะทำให้กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (G7) ลดสัดส่วนลงเหลือประมาณ 20% 


เพื่อให้สามารถปรับตัวและแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีอย่าง AI และ Big Data จะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนากลยุทธ์และการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ประเทศต่าง ๆ สามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำนายแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร เพื่อให้ธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายย่อยสามารถปรับตัวและตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่คาดว่าจะมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของการเติบโตในการบริโภคทั่วโลกภายในทศวรรษหน้า โดย McKinsey Global Institute ประเมินว่า การบริโภคในภูมิภาคนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์



  1. วิวัฒนาการด้านสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกาย (Health and Wellness evolution)


ความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพช่วยให้สามารถปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ส่งผลให้สุขภาพ ความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลกดีขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยการพัฒนาด้านเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ และการตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น โดยการให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายนั้นยังงสะท้อนถึงความเข้าใจด้านสุขภาพด้านต่าง ๆ ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต อารมณ์และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


สิ่งที่ธุรกิจรายย่อยจะต้องปรับตัวก็คือ การผลิตสินค้าที่สอดรับกับกระแสด้านสุขภาพออกมาเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย ตลอดจนเลือกใช้วัสดุหรือวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค


  1. ความไม่มั่นคงทางสังคม (Social Instability)


ในอนาคต โลกอาจประสบกับปัญหาความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ การเมือง ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของอำนาจ โดยแนวโน้มเหล่านี้จะนำไปสู่ความยากลำบากและความไม่แน่นอนที่ธุรกิจ รัฐบาล และประชาชนต้องเผชิญในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่อาจคาดเดาได้


ดังนั้น จึงจำเป็นที่ภาคธุรกิจจะต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกิจการไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น


บทสรุปของการเตรียมพร้อมและปรับตัวของธุรกิจ 


การเข้าใจ Mega Trends ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์และวางแผนรับมือความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ 


โดย Swiss Re Institute พบว่า 3 ปัจจัยที่จะทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้ดี (Organizational Resilience) และมีโอกาสอยู่รอดในภาวะวิกฤติสูงกว่าบริษัทอื่นๆถึง 5 เท่า ได้แก่ 1) การพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงแบบบูรณาการ 2) การสร้างความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน และ 3). การลงทุนในเทคโนโลยี ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขัน และเป็นอาวุธสำคัญที่จะช่วยให้องค์การยังสามาถเติบโต ยืนระยะได้ท่ามกลางความท้าทายรอบด้านได้อย่างยั่งยืน


ข้อมูลอ้างอิง


  1. ข้อมูลประชากรโลกปี 2567 ชี้อัตราการเจริญพันธุ์ลดลง ขณะที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น –  เร่งลงทุนสุขภาพพื้นฐาน. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.sdgmove.com/2025/01/14/prb-world-population-data-sheet-2024/

  2. เมื่อการแก้วิกฤต Climat Change ต้องการความช่วยเหลือจาก Sustainable Finance. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.exim.go.th/eximinter/e-news/28337/1122_finance.html.

  3. รายงาน McKinsey Global ชี้เอเชียพลิกรูปแบบการบริโภค ใส่ใจความยั่งยืน-Climate Change มากขึ้น. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://thaipublica.org/2021/06/asia-consumption-new-pattern-geared-by-sustainability

  4. Megatrends 2020 – 2030 สิ่งที่มีความหมายต่อคุณ ธุรกิจและการเติบโตของนวัตกรรม. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.nstda.or.th/home/knowledge_post/megatrend-2020-2030/

  5. ศึกรัสเซียยูเครนอาจช่วยโลกได้ เพราะเร่งหลายประเทศลงทุนพลังงานสะอาด. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.amarintv.com/spotlight/sustainability/35332

  6. วันที่ 11 กรกฎาคม "วันประชากรโลก". สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/329384

  7. The four global trends. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.mckinsey.com/~/media/mckinsey/email/classics/2021/2021-05-15a

  8. IDC Unveils 2025 FutureScapes: Worldwide IT Industry Predictions. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prUS52691924

  9. Digital Health Market Size To Reach $946.0 Billion By 2030. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.grandviewresearch.com/press-release/global-digital-health-market

  10. 9 Future of Work Trends for 2025. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.gartner.com/en/articles/future-of-work-trends

  11. Making the $4.5 trillion circular economy opportunity a reality. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.weforum.org/impact/helping-the-circular-economy-become-a-reality/

  12. Ageing and health. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/ageing-and-health

  13. The Long View: How will the global economic order change by 2050?. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.pwc.com/gx/en/world-2050/assets/pwc-world-in-2050-summary-report-feb-2017.pdf

  14. Resilience or rebuild?. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.swissre.com/institute/research/topics-and-risk-dialogues/climate-and-natural-catastrophe-risk/climate-adaptation-resilience-or-rebuild.html

  15. Top 12 Global Megatrends [2025-2030]: The Forces Driving Tomorrow’s Business Decisions. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.startus-insights.com/innovators-guide/global-megatrends-full-guide/.


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ SME ต้องรู้ เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน

ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ SME ต้องรู้ เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน

Environmental KPIs คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ เผยแนวทางการเริ่มต้นใช้งาน และตัวอย่างตัวชี้วัดที่เหมาะสำหรับธุรกิจแต่ละประเภท เพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมContent…
pin
2 | 22/04/2025
AI-Powered SMEs: กลยุทธ์การใช้ AI ให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด

AI-Powered SMEs: กลยุทธ์การใช้ AI ให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด

AI จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยพลิกโฉมธุรกิจ SME ไทย ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดในโลกที่หมุนเร็ว เทรนด์ใหม่ ๆ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความท้าทาย…
pin
1 | 21/04/2025
โอกาสเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness เมื่อคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพและความงามมากขึ้น

โอกาสเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness เมื่อคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพและความงามมากขึ้น

ธุรกิจ Health & Wellness กำลังเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 คนทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจ…
pin
2 | 20/04/2025
จับกระแส Mega Trends ระดับโลก ในปี 2025 - 2030 มีอะไรน่าสนใจบ้าง