แม้ว่าโครงการการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้
(Southern Economic Corridor : SEC) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) มีมติเห็นชอบมาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ เนื่องจากมีหลากหลายปัจจัยลบรุมเร้า
แต่หลังผ่านพ้นโรคโควิด 19 ซึ่งคาดว่าจะคลี่คลายในกลางปีหน้านี้ รัฐบาลสั่งเดินหน้าพัฒนาโครงการ
SEC ควบคู่กับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
เนื่องจากโครงการ SEC ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่รองรับการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคู่ขนานกัน
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ ทั้งด้านการลงทุน การค้า และการท่องเที่ยว โดยการพัฒนาในช่วงระยะแรกจะครอบคลุม
4 จังหวัด คือ จังหวัดระนอง ชุมพร สุราษฎร์ ธานี
และนครศรีธรรมราช เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้เติบโตอย่างยั่งยืน
อีกทั้งเพื่อผลักดันโครงการ SEC ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และทางออกทางทะเลของภาคใต้ตอนบน โดยยึดแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ผสานกับเทคโนโลยี และความได้เปรียบทางกายภาพและที่ตั้งของพื้นที่ รวมทั้งการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อย่างไรก็ตามการพัฒนาโครงการ SEC แตกต่างจากโครงการ EEC
อย่างสิ้นเชิง โดยกรอบการพัฒนา SEC ประกอบด้วย 4 เรื่องด้วยกัน
ได้แก่
- การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (Western Gateway)
- การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน
(Royal Coast & Andaman Route)
- การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูง
(Bio-Based & Processed Agricultural Products)
- การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม
(Green & Culture)
อัดงบกว่าแสนล้านบาท ผุด 111 โครงการ
การขับเคลื่อนแผนการพัฒนาโครงการ SEC ระยะ 2562-2565 และแผนระยะยาวปี
2566 เป็นต้นไป รวม 111 โครงการ
คิดเป็นวงเงินเฉพาะที่ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน 102,418 ล้านบาท มีหลากหลายโครงการด้วยกัน
อาทิ
- โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช
สุราษฎร์ธานี ระนอง
- โครงการพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการตลาดของท่าเรือระนองรองรับกลุ่ม
BIMSTEC ที่มีประชากรกว่า 1.5 พันล้านคน
(บังคลาเทศ อินเดีย เมียนมา ศรีลังกา ภูฏาน และเนปาล)
- โครงการพัฒนาถนนเลียบชายทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามันสู่พื้นที่ตอนใน
- โครงการขยายทางหลวงระนอง-พังงา เป็น
4 ช่องจราจร
- โครงการศึกษาออกแบบ/ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
รถไฟสายใหม่ระนอง-ชุมพร
- โครงการสนับสนุนการแปรรูปสมุนไพรแบบครบวงจร
- โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
เพิ่มโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Hub)
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการศึกษาเบื้องต้น
ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุนใน
“โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
(Land bridge)”
โดยคาดจะรู้ผลกลางปี 2566
ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงการขนส่งและคมนาคมอย่างครบถ้วน ระหว่าง EEC (ฝั่งอ่าวไทย) และ SEC (ฝั่งอันดามัน)ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าจากพื้นที่
EEC เพื่อส่งออก/นำเข้าไปยังประเทศแถบมหาสมุทรอินเดียโดยตรง
และเชื่อมต่อไปยังกลุ่ม BIMSTEC ประเทศตะวันออกกลาง
และยุโรปได้อย่างต่อเนื่อง
SEC
ดึงดูดการลงทุนภาคอุตสาหกรรมพุ่ง 2 แสนล้านบาท
โครงการ SEC ส่งผลดีต่อประเทศไทยและภาคใต้มหาศาล จากการประเมินการณ์ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ระบุว่า โครงการ SEC จะสร้างผลประโยชน์ต่อประเทศชาติทางด้านเศรษฐกิจในช่วง
10 ปีแรกของการพัฒนาโครงการ (2562-2572) จะสร้างผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย
5% ต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวภาคใต้เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านคนต่อปี
การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 2 แสนล้านบาท
อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมจะยกระดับเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประโยชน์ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ อีกทั้งโครงการ SEC จะเป็นประตูเศรษฐกิจฝั่งตะวันตก
มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงกันทั้งระบบทางบก ทางน้ำ
ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่เส้นทางชุมพร-ระนอง ท่าเรือนานาชาติระนอง
มีการเชื่อมโยงภาคใต้กับอีอีซีและภูมิภาคเอเชียใต้
ที่สำคัญประโยชน์ที่ประชาชนชาวภาคใต้จะได้รับจากการพัฒนาโครงการ
SEC ไม่ว่าจะมีผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ
ที่มีความยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
รวมทั้งสามารถกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ของชุมชนและภาคธุรกิจ, สร้างรายได้ภาคการเกษตรปรับตัวสูงขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่า
และศักยภาพของพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและต่อยอดสู่อุตสาหกรรมฐานชีวภาพ
โดยใช้เทคโนโลยีทางการผลิต ขั้นกลางและขึ้นสูง, การพัฒนาเส้นทางโลจิสติกส์สายใหม่ที่มีประสิทธิภาพ
เพื่อลดความเสี่ยงของเส้นทางโลจิสติกส์ด้านตะวันตกของประเทศรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายตอบสนองการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค
BIMSTEC และจีน
รวมทั้งจะเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศสูงขึ้นที่เกิดจากการกำหนด
เขตอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจตามโครงการ SEC แห่งใหม่ยังสามารถเชื่อมโยงการคมนาคม ขนส่งภายในประเทศ
และระหว่างประเทศ ถือเป็นการวางพื้นฐานสำคัญของประเทศไทย
เพื่อเดินหน้าสร้างโอกาสให้ประเทศด้วยแผนยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายชัดเจน นอกจากนี้โครงการ
SEC จะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่ามากยิ่งขึ้นในการลงทุนภาคอุตสาหกรรม
และสามารถยกระดับเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น
โครงการ SEC จะกลายเป็นประตูเศรษฐกิจด้านตะวันตกสำหรับของไทยสู่อาเซียน สามารถเชื่อมโยงเข้ากับ EEC ทำให้ต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ต่ำลง เนื่องจากจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคที่มีศักยภาพและเพียงพอที่จะรองรับการเติบโตของเมืองและการท่องเที่ยวของประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า