“หมี่กรอบจีนหลี” ตำนานกว่า 130 ปี กับแนวคิด “ทำเหมือนเดิมให้ดีที่สุด”
การจะทำให้ธุรกิจยืนหยัดอยู่ได้นานนับศตวรรษโดยไม่สูญเสียตัวตนเดิม ไม่ใช่สิ่งที่ทุกแบรนด์สามารถทำได้ แต่ “หมี่กรอบจีนหลี” คือหนึ่งในตำนานที่สามารถหล่อหลอมอดีตและปัจจุบันให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างมั่นคง
ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากเพิงไม้ริมน้ำในตลาดพลู สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเพียงเพราะกลิ่นหมี่กรอบที่อบอวลลอยถึงเรือพระที่นั่ง เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ทางชลมารค แม้จะคล้ายตำนานเล่าขาน แต่นี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิตชาวจีนที่ยืนขายหมี่ในวันนั้น เมื่อพระองค์เสวยแล้วมีรับสั่งว่า “อร่อยมาก ให้สืบทอดไปถึงลูกหลาน” เป็นถ้อยคำสั้น ๆ ที่เปี่ยมด้วยความหมาย ทำให้หมี่กรอบจีนหลีเป็นธุรกิจครอบครัวที่ยั่งยืนมาจนถึงรุ่นที่ 5 ในปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้หมี่กรอบจีนหลียังเป็นที่จดจำของผู้คน ไม่ใช่เพียงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ชวนตื่นตาตื่นใจ หรือเกียรติยศที่ได้รับ แต่คือความมุ่งมั่นของทุกคนในครอบครัวที่ยังคงลงมือ “ทำเอง” ทุกขั้นตอน เพื่อส่งมอบรสชาติแบบต้นตำรับไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงวิสัยทัศน์ ความเข้าใจในเทคโนโลยี และการสื่อสารในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งทายาทรุ่นที่ 5 อย่าง “คุณศรัณย์ วริทธิ์กุล” ได้เข้ามาเติมเต็มบทบาทนี้ได้อย่างน่าจับตามอง
ต้นกำเนิดของ “หมี่กรอบจีนหลี” ตำนานธุรกิจครอบครัว 6 แผ่นดิน
“คุณสุวนิษฐ นิติพรพิสิฐ” (คุณต้อย) ทายาทรุ่นที่ 4 เล่าว่า หมี่กรอบจีนหลี เริ่มต้นจากอาเหล่ากง (ทวด) และอากง (ตา) ซึ่งเป็นชาวจีนไหหลำ อพยพมาตั้งรกรากที่ท่าน้ำตลาดพลูในสมัยรัชกาลที่ 5 ดำเนินอาชีพผัดหมี่กรอบในเพิงไม้ริมคลอง ก่อนเรื่องราวทั้งหมดจะกลายเป็นตำนาน เมื่อกลิ่นหอมของหมี่กรอบที่กำลังผัด โชยไปถึงเรือพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเสวยและพระราชทานนามว่า “หมี่กรอบเสวยสวรรค์” พร้อมตราครุฑและเงินพดด้วงเป็นเกียรติสูงสุดให้แก่ร้านค้าเล็ก ๆ แห่งนี้ ทว่าในความทรงจำของคนตลาดพลู ก็ยังคงเรียกร้านนี้อย่างเป็นกันเองว่า “หมี่กรอบจีนหลี” ตามชื่อของ “แป๊ะหลี” ผู้ที่ผัดหมี่ขายในวันนั้น
จากนั้นมา ร้านสืบทอดกิจการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีคุณศรัณย์เป็นทายาทรุ่นที่ 5 ที่เข้ามารับไม้ต่อ และช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในยุคที่บริบทของโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
การสืบสานสูตรดั้งเดิมด้วยมาตรฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ต้นตำรับของอาเหล่ากงถ่ายทอดมาแบบไหน เราก็สืบต่อกันมาเป็นทอด ๆ แบบนั้นเลย”
คำบอกเล่าของคุณสุวนิษฐสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงในอดีตเท่านั้นที่ทำให้หมี่กรอบจีนหลียืนหยัดมาจนถึงรุ่นที่ 5 ได้ แต่เป็นเพราะการรักษาคุณภาพและหัวใจของสูตรต้นตำรับ โดยเฉพาะเคล็ดลับความกรอบนอกนุ่มในของเส้นหมี่ที่นำมาทอด ต้องทำมาจากข้าวเก่าที่เราสั่งทำพิเศษเท่านั้น วัตถุดิบทุกอย่างต้องสด ใหม่ ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงชั้นดี ที่ขาดไม่ได้คือ ส้มซ่า วัตถุดิบเฉพาะฤดูกาลที่หายาก เสิร์ฟพร้อมถั่วงอกดิบ ช่วยเสริมรสชาติและความกลมกล่อมได้สมบูรณ์แบบตามสูตรของอาเหล่ากง และแม้กระบวนการบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น การใช้เนื้อปูสำเร็จแทนการแกะเอง หรือการใช้ระบบการตวงวัตถุดิบที่แม่นยำมากขึ้น แต่ทุกขั้นตอนยังยึดตามสูตรดั้งเดิม เพื่อรักษาความทรงจำทางรสชาติที่ลูกค้ารุ่นแล้วรุ่นเล่าจดจำได้ ไม่เคยลืม
นอกจากพระเอกของร้านอย่างหมี่กรอบแล้ว ยังมีเมนูดั้งเดิมอื่น ๆ อย่างหมี่น้ำ ไข่ยัดไส้ ต้มยำกุ้ง กระเพาะปลาน้ำแดง และแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ก็ล้วนเป็นสูตรดั้งเดิมที่สืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด ความพิเศษของแต่ละเมนูของร้านหมี่กรอบจีนหลีจึงไม่ได้อยู่ที่การตกแต่งที่สวยงาม หรูหรา หากแต่อยู่ที่ความคลาสสิก เรียบง่าย ที่มัดใจลูกค้าให้กลับมาเหมือนเป็นครัวที่บ้าน ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่รุ่นก็ตาม
บริหารจัดการแบบครอบครัว พร้อมปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล
ภายใต้การบริหารแบบครอบครัว ธุรกิจหมี่กรอบจีนหลีได้มีการจัดการระบบภายในทั้งด้านการบริหารงานครัว การแบ่งหน้าที่ และการจัดทีม “ครัวเคลื่อนที่” สำหรับออกงานนอกสถานที่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงให้บริการหน้าร้านแบบไม่มีสะดุด ด้วยการวางโครงสร้างทีมที่ยืดหยุ่นและรับมือกับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่แน่นอนว่าเมื่อเข้าสู่ยุคออนไลน์ ความท้าทายใหม่ ๆ ก็ย่อมตามมา จุดเปลี่ยนสำคัญของหมี่กรอบจีนหลีจึงเกิดขึ้น เมื่อทายาทรุ่นใหม่อย่างคุณศรัณย์มารับช่วงต่อ พร้อมปรับวิธีสื่อสารของร้านให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคออนไลน์มากขึ้น โดยคุณศรัณย์เล่าว่า
“หลายคนอาจยังเข้าใจว่าหมี่กรอบต้องเป็นแบบสีชมพูพอง ๆ อย่างเดียว ผมจึงอยากให้คนที่ยังไม่เคยลิ้มลองรสชาติของหมี่กรอบต้นตำรับ เปิดใจให้หมี่กรอบแบบที่เราทำมาตั้งแต่รุ่นเหล่ากงดูบ้าง”
เพื่อตอบโจทย์ความตั้งใจนั้น คุณศรัณย์และทีมงานมีการใช้ Facebook, LINE และ Delivery Platform ไม่ว่าจะเป็น Grab, Robinhood หรือ LINE MAN นอกจากนี้ ยังมีการทำคอนเทนต์วิดีโอ โดยตัดคลิปจากรายการที่มาขอถ่ายทำ แล้วเผยแพร่ผ่านช่องทางของร้าน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับรางวัล Bib Gourmand จากมิชลินไกด์ ซึ่งเป็นรางวัลที่การันตี “คุณภาพอาหารยอดเยี่ยมในราคาคุ้มค่า” ชื่อของหมี่กรอบจีนหลีได้รับการกล่าวถึงในวงกว้าง และกลายเป็นจุดขายสำคัญที่ช่วยดึงดูดลูกค้าให้เดินทางมายังตลาดพลู เพื่อสัมผัสรสชาติแห่งประวัติศาสตร์ด้วยตนเอง
หมี่กรอบจีนหลี กับความฝันที่อยากจะไปให้ไกลถึงครัวโลก
แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีการขยายสาขาหรือเปิดแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการ แต่ในมุมของทายาทรุ่นที่ 5 อย่างคุณศรัณย์ วิสัยทัศน์ของหมี่กรอบจีนหลีกำลังมุ่งไปไกลกว่าที่ใครคาดคิด นั่นคือ การส่งต่อหมี่กรอบต้นตำรับสู่ตลาดต่างประเทศ ในรูปแบบ “อาหารสำเร็จรูป” ที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงตลาดพลู ก็ลิ้มรสความอร่อยของหมี่กรอบจีนหลีอันเลื่องชื่อได้ง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก
อย่างไรก็ตาม ความฝันนี้ต้องรอจังหวะและเทคโนโลยีที่เหมาะสม รวมถึงโมเดลธุรกิจที่สามารถแปรรูปได้โดยไม่กระทบแก่นแท้ของสูตรดั้งเดิม เพราะคุณศรัณย์เคารพในต้นกำเนิดของแบรนด์ และไม่ต้องการลดทอนตัวตนของหมี่กรอบจีนหลี ที่ครอบครัวตั้งใจรักษามาตลอด 5 รุ่น
“ไม่ว่าความท้าทายแบบไหนจะเข้ามา แต่สิ่งที่เราตั้งใจรักษาไว้เสมอคือมาตรฐานของรสชาติที่ดีแบบเดิม”
หมี่กรอบจีนหลี เป็นตัวอย่างของ SME ที่สามารถรักษารากเหง้าเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และในขณะเดียวกันก็พัฒนาธุรกิจให้ทันโลกยุคใหม่โดยไม่หลงทาง ซึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมคือความร่วมมือของคนในครอบครัวที่ยังคงลงมือทำจริงในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำครัว การบริหาร หรือการตลาด
ในโลกที่ธุรกิจเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ความสำเร็จของหมี่กรอบจีนหลีสะท้อนให้เห็นว่า สูตรสำเร็จของ SME ไม่ได้อยู่ที่ความยิ่งใหญ่หรือทุนมหาศาล แต่อยู่ที่ความจริงใจในการรักษาคุณค่า และความกล้าเปลี่ยนในจังหวะที่เหมาะสม
สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ การมองย้อนกลับไปหาต้นกำเนิด พร้อมมองไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ที่กล้าแกร่ง อาจเป็นคำตอบของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว เหมือนที่หมี่กรอบจีนหลีดำเนินธุรกิจต่อเนื่องมายาวนานถึง 6 แผ่นดิน