ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ SME ต้องรู้ เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน
Environmental KPIs คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ เผยแนวทางการเริ่มต้นใช้งาน และตัวอย่างตัวชี้วัดที่เหมาะสำหรับธุรกิจแต่ละประเภท เพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
Content Summary:
Environmental KPIs คือ ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้ SME วัดผลด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่การใช้พลังงาน การปล่อยคาร์บอน การจัดการของเสีย การใช้น้ำ และการจัดซื้ออย่างยั่งยืน
การใช้ Environmental KPIs ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความน่าเชื่อถือ และเสริมความได้เปรียบทางธุรกิจในตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งผลดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะในสายตาลูกค้า นักลงทุน และคู่ค้า
SME ควรเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนง่าย และใช้เทคโนโลยีช่วยติดตามผลอย่างแม่นยำ เช่น การตั้งทีมรับผิดชอบด้านความยั่งยืน การวางเป้าหมายแบบ SMART และการใช้ระบบ IoT หรือ EMS เข้ามาช่วยวัดผล
การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์การตลาดที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หากแต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ลูกค้า นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่แม้จะมีทรัพยากรจำกัด แต่ก็สามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการใช้ “Environmental KPIs” หรือ ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม
ความสำคัญของ Environmental KPIs สำหรับ SME
การกำหนดตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนจะช่วยให้ SME มองเห็นภาพรวมของผลกระทบที่ธุรกิจมีต่อสิ่งแวดล้อม สามารถกำหนดเป้าหมายและแนวทางการปรับปรุงได้อย่างเป็นระบบ ทั้งยังมอบประโยชน์เชิงกลยุทธ์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
การลดต้นทุนในระยะยาว เนื่องจากการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ลดการใช้พลังงาน หรือลดของเสีย ย่อมช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว
การช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจสิ่งแวดล้อม ย่อมได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ
ความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เช่น กลุ่มประเทศในยุโรป หรือกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจ ESG (Environment, Social, and Governance)
SME ควรเริ่มต้นอย่างไรกับการใช้ Environmental KPIs?
1. ตั้งคณะทำงานหรือผู้รับผิดชอบด้านความยั่งยืน
เริ่มต้นจากการแต่งตั้งบุคลากรหรือทีมงานที่ดูแลด้านความยั่งยืน โดยอาจมาจากแผนกที่มีบทบาทใกล้ชิดกับกระบวนการ เช่น ฝ่ายปฏิบัติการ จัดซื้อ หรือทรัพยากรบุคคล หากมีทรัพยากรจำกัด อาจเริ่มจากทีมเล็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้บริหารก็สามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
2. วิเคราะห์กิจกรรมหลักของธุรกิจที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานในสายการผลิต การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก หรือกระบวนการขนส่งสินค้า โดยควรเลือกจุดที่ “เปลี่ยนง่าย แต่เห็นผลชัด” เช่น การจัดการพลังงานหรือของเสีย เพื่อเริ่มต้นปรับปรุงกระบวนการทำงานของธุรกิจ
3. เลือก Environmental KPIs ที่เหมาะกับธุรกิจ
ไม่จำเป็นต้องวัดในทุกมิติ ให้เลือกเฉพาะตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่สะท้อนกิจกรรมหลักขององค์กร เพื่อให้การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์เป็นไปอย่างสมเหตุสมผล
ประเภทของ Environmental KPIs ที่ SME ควรใช้
1. ตัวชี้วัดการใช้พลังงาน (Energy Efficiency KPIs)
ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมกลุ่มนี้เน้นการวัดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณพลังงานที่ใช้ต่อหน่วยการผลิต หรือค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในแต่ละเดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการทรัพยากรด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในธุรกิจที่พึ่งพาเครื่องจักร ระบบทำความเย็น หรือระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น โรงงานหรือคลังสินค้า หากสามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย
2. ตัวชี้วัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Emissions KPIs)
ใช้สำหรับประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ธุรกิจปล่อยออกมา เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งมักเกิดจากกระบวนการผลิต การใช้ยานพาหนะขนส่ง หรือการใช้พลังงานที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ หรือมีระบบการผลิตที่ใช้พลังงานเข้มข้น สามารถใช้ตัวชี้วัดนี้ในการกำหนดแนวทางลดการปล่อยคาร์บอน เช่น การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด หรือวางแผนเส้นทางขนส่งให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. ตัวชี้วัดการจัดการของเสีย (Waste Management KPIs)
ในส่วนของการจัดการของเสีย ธุรกิจสามารถใช้ตัวชี้วัดนี้เพื่อประเมินปริมาณขยะที่ผลิตขึ้น รวมถึงการแยกขยะเพื่อรีไซเคิล และการลดขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ เช่น การวัดสัดส่วนของขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือปริมาณของเสียที่ลดลงในแต่ละรอบการผลิต เหมาะสำหรับธุรกิจประเภทร้านอาหาร โรงงานผลิต หรือร้านค้าปลีกที่มีของเสียจากบรรจุภัณฑ์หรือวัตถุดิบเหลือใช้จำนวนมาก
4. ตัวชี้วัดการใช้น้ำ (Water Usage KPIs)
น้ำเป็นทรัพยากรที่หลายธุรกิจใช้อย่างต่อเนื่อง ตัวชี้วัดนี้ช่วยให้สามารถวัดผลการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการติดตามอัตราการประหยัดน้ำในแต่ละปี เพื่อวางแผนการใช้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงหากเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในอนาคต โดยเฉพาะโรงงานที่ใช้น้ำในกระบวนการผลิต ร้านอาหารที่มีการล้างภาชนะจำนวนมาก หรือธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัย
5. ตัวชี้วัดด้านซัพพลายเชนและวัตถุดิบ (Sustainable Procurement KPIs)
ตัวชี้วัดนี้มุ่งเน้นการประเมินความยั่งยืนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการเลือกใช้วัตถุดิบในธุรกิจ เช่น การวัดสัดส่วนของซัพพลายเออร์ที่มีนโยบายหรือใบรับรองด้านสิ่งแวดล้อม หรือวัตถุดิบที่มาจากแหล่งผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องพึ่งพาการจัดซื้อจากหลายแหล่ง เช่น แบรนด์แฟชั่น ร้านอาหาร หรือธุรกิจค้าปลีก
วิธีนำ Environmental KPIs ไปใช้ในการวัดผลธุรกิจ
1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ (SMART Goals)
การกำหนดเป้าหมายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการใช้ Environmental KPIs ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยควรวางเป้าหมายในลักษณะ SMART สามารถแบ่งออกได้เป็น เฉพาะเจาะจง (Specific) วัดผลได้ (Measurable) ทำได้จริง (Achievable) เกี่ยวข้อง (Relevant) และมีกรอบเวลา (Time-bound) เช่น การตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลง 10% ภายใน 1 ปี หรือเพิ่มอัตราการรีไซเคิลวัสดุให้ได้ 80% ภายใน 6 เดือน เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้ธุรกิจมีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน และสามารถติดตามผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
2. ใช้เทคโนโลยีช่วยติดตามผล
เพื่อให้การวัดผลเป็นไปอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง ธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การติดตั้งระบบ IoT เพื่อเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ในเรื่องการใช้พลังงาน การใช้น้ำ หรือปริมาณของเสีย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ระบบซอฟต์แวร์ด้านสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Management System (EMS) เพื่อจัดเก็บ วิเคราะห์ และแสดงผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถระบุจุดที่ควรปรับปรุงได้อย่างชัดเจน
3. รายงานผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมีข้อมูลและผลลัพธ์ที่ได้จากตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ขั้นตอนต่อมา คือ การนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการสื่อสารและพัฒนาองค์กร เช่น การเผยแพร่ผลความคืบหน้าผ่านเว็บไซต์ รายงานความยั่งยืนขององค์กร หรือใช้ QR Code ที่หน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าเห็นความตั้งใจของธุรกิจในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน การรายงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความน่าเชื่อถือ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วม และสามารถให้ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ความท้าทายและแนวทางแก้ไข
ขาดข้อมูลที่แม่นยำ
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ SME มักเผชิญเมื่อเริ่มต้นใช้ Environmental KPIs คือ การขาดข้อมูลที่แม่นยำและต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างถูกต้อง
แนวทางแก้ไข : นำเทคโนโลยีมาช่วยในการเก็บข้อมูล เช่น การติดตั้งเซนเซอร์อัจฉริยะ (Smart Sensors) หรือระบบ Smart Meter ที่สามารถวัดการใช้พลังงาน น้ำ หรือของเสียได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงการใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เพื่อให้เข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ต้นทุนในการดำเนินการ
หลายธุรกิจ SME กังวลเรื่องต้นทุนเริ่มต้นในการดำเนินการด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อต้องลงทุนในเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทันที สำหรับ SME ควรเริ่มจากมาตรการที่มีต้นทุนต่ำแต่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนก่อน
แนวทางแก้ไข : เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงาน ปรับเวลาการเปิด-ปิดเครื่องจักรให้เหมาะสม หรือใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แล้วค่อย ๆ ขยับขยายมาตรการได้ตามทรัพยากรที่มี
การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง
การนำแนวคิด Environmental KPIs มาใช้ อาจเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร โดยเฉพาะเมื่อพนักงานยังไม่เข้าใจบทบาทหรือเห็นคุณค่าของการวัดผลด้านสิ่งแวดล้อม
แนวทางแก้ไข : ควรสื่อสารให้ชัดเจน พร้อมจัดการอบรมพนักงานในทุกระดับ เพื่อสร้างความเข้าใจว่า Environmental KPIs ไม่ใช่ภาระเพิ่มเติม แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ
Environmental KPIs คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ SME ก้าวเข้าสู่เส้นทางความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม การเริ่มต้นอย่างมีกลยุทธ์ ตั้งแต่การตั้งทีมงาน วิเคราะห์กระบวนการ ไปจนถึงการเลือกใช้ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม จะช่วยให้องค์กรสามารถติดตามผลได้อย่างแม่นยำ และปรับปรุงกระบวนการได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่โลกกำลังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมได้ก่อน ย่อมเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างความได้เปรียบ สร้างความไว้วางใจ และเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ดังนั้น การลงมือทำตั้งแต่วันนี้ แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตขององค์กรได้อย่างแท้จริง
ข้อมูลอ้างอิง
Environmental Key Performance Indicators. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 จาก https://assets.publishing.service.gov.uk/media/5a797b1740f0b642860d878c/pb11321-envkpi-guidelines-060121.pdf
SMEs can benefit from integrating growth with environmental sustainability. Here's why. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 จาก https://www.weforum.org/stories/2024/09/net-zero-environmental-sustainability-smes-benefits/
Barriers to adaptation of environmental sustainability in SMEs: A qualitative study. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 จาก https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11098482/