โอกาสเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness เมื่อคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพและความงามมากขึ้น

ธุรกิจ Health & Wellness กำลังเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 คนทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจ และดูแลสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น ซึ่งไม่ได้ใส่ใจแค่สุขภาพทางกาย (Physical Health) แต่รวมไปถึงสุขภาพทางใจ (Mental Health) ที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ และการใช้ชีวิตประจำวัน 

ทางฝั่งประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบสมบูรณ์ นี่อาจเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการ SME ในพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือออกแบบธุรกิจ Wellness ที่ตอบโจทย์กับ Aging Society ซึ่งเป็นหนึ่งใน Mega Trends ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คน มาดูกันว่าบทความนี้จะมีข้อมูลอะไรน่าสนใจ ที่สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้บ้าง

Content Summary

• ธุรกิจ Health & Wellness คือ ธุรกิจเพื่อสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจ โดยสถาบันโกลบอลเวลเนส (GWI) ได้จัดหมวดหมู่ธุรกิจออกเป็น 11 กลุ่มด้วยกัน ตัวอย่างเช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, สปา, การแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก, สุขภาพจิต และอีกมากมาย

• ธุรกิจ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพของไทยที่สามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 12.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2566

• Let’s Relax แบรนด์สปาสัญชาติไทยที่สามารถยกระดับธุรกิจ SME เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ผ่านการมอบบริการที่ครบวงจร และเข้าใจความต้องการของลูกค้า ด้วยการวาง Segmentation ที่เหมาะสม และตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค

ธุรกิจ Health & Wellness คืออะไร

ธุรกิจ Health & Wellness คือ ธุรกิจเพื่อสุขภาพโดยรวมของมนุษย์ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้คนปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ได้บำบัดและดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงรักษาสุขภาพจิตใจให้เข้มแข็ง ซึ่งทางสถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute; GWI) ได้แบ่งหมวดหมู่ของเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพ (Wellness Economy) ออกเป็น 11 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน ได้แก่

1. สุขภาพจิต (Mental Wellness)

2. การออกกำลังกาย (Physical Activity)

3. อสังหาริมทรัพย์เพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวม (Wellness Real Estate)

4. สุขภาพในที่ทำงาน (Workplace Wellness)

5. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)

6. สปา (Spa Economy)

7. บ่อน้ำแร่/น้ำพุร้อน (Thermal/Mineral Springs)

8. อาหารเพื่อสุขภาพ, โภชนาการ และการลดน้ำหนัก (Healthy Eating, Nutrition and Weight Loss)

9. การดูแลตนเอง และความงาม (Personal Care and Beauty)

10. เวชศาสตร์เชิงป้องกัน การแพทย์เฉพาะบุคคล และสาธารณสุข (Preventive and Personalized Medicine and Public Health)

11. การแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก (Traditional and Complementary Medicine)

แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness ในประเทศไทย

ข้อมูลจาก GWI เปิดเผยว่าธุรกิจ Wellness ในปี พ.ศ. 2568 มีแนวโน้มที่จะเติบโตถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะแตะ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ. 2570 เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ในโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันมีผู้สูงวัยจำนวน 13.45 ล้านคน คิดเป็น 20.70% ของประชากรไทยทั้งหมด

โดยกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพของไทยที่สามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 12.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาคือ ธุรกิจ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มาพักผ่อน พร้อมกับดูแลสุขภาพโดยรวมผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกาย ทำสปา หรือศัลยกรรม

ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ กรรมการบริษัท ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) เผยว่าโรงพยาบาลเอกชนมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมากในปี พ.ศ. 2567 เพราะคนใส่ใจในสุขภาพและความงามเพิ่มมากขึ้น รวมถึงคาดการณ์ว่าธุรกิจ Wellness Tourism จะเติบโตไปในทิศทางที่ดีจนถึงปี พ.ศ. 2568 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเหล่านี้ขึ้นอยู่กับฝั่งลูกค้าของโรงพยาบาลเป็นหลัก เพราะธุรกิจเพื่อสุขภาพบางกลุ่มก็ไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก

ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ Wellness ในไทย

ชูนโยบาย Medical Hub พัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพระหว่างประเทศ

ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) เผยว่าคณะกรรมการพัฒนาศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เตรียมชูยุทธศาสตร์ Medical Hub ภายในปี พ.ศ. 2568 - 2577 จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Health & Wellness ในไทย ทำให้ภาครัฐเล็งเห็นโอกาสในการยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพของโลก ที่มีบริการทางการแพทย์ครบวงจร ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรของไทย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การรักษาพยาบาล และรองรับการลงทุนด้านธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์จากต่างชาติ

เทรนด์สุขภาพของคนไทย ที่ขาดความสมดุลทั้งกายและใจ

สสส. เปิดเผยทิศทางสุขภาพของคนไทยในปี พ.ศ. 2568 โดยรวมว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ถึง 74% ของการเสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุเกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น การสั่งเดลิเวอรี่ การรับประทานอาหารแปรรูป บุหรี่ไฟฟ้าที่เข้าถึงเยาวชนง่ายขึ้น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงปัญหาความเครียด โดยเฉพาะในวัยทำงาน ธุรกิจ Health & Wellness จึงควรใช้โอกาสนี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคนไทย ให้มีความสมดุลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

การพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์

เทียบกับนวัตกรรมทางการแพทย์ในสมัยก่อน ปัจจุบันถือว่ามีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อำนวยความสะดวกให้คนสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เช่น แอปพลิเคชันพูดคุยกับหมอออนไลน์, Smart Watch สำหรับตรวจเช็กสภาพร่างกาย ทั้งการนับก้าวเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ หรือแคลอรี่ รวมไปถึงการนำ Digital Solution อย่าง AI มาใช้ในการตรวจเลือดและเอกซเรย์ เพื่อความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

กลยุทธ์สำคัญในการยกระดับธุรกิจ Health & Wellness สำหรับชาว SME

1. ใช้ระบบ CRM ในการบริหารจัดการธุรกิจ

ใช้ระบบ Customer Relationship Management หรือ CRM เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Customer Experience) และช่วยให้พนักงานทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทั้งการจัดเก็บข้อมูลของคนไข้อย่าง ประวัติการรักษา ประเภทยา รวมถึงการนัดเวลานัดหมาย ติดต่อหาเจ้าหน้าที่ได้อย่างสะดวกรวดเร็วในกรณีเร่งด่วน และการวัดระดับความพึงพอใจ เพื่อนำความคิดเห็นไปพัฒนาบริการต่อไป 

2. Personalized Healthcare ออกแบบการแพทย์เฉพาะบุคคล

ธุรกิจ Wellness ควรมีการเก็บฐานข้อมูลหรือ Insight ของลูกค้าแบบรายบุคคล เพื่อนำมาออกแบบโฆษณา คอนเทนต์ โปรโมชัน นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุดและเจาะจงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การจัดโปรแกรมออกกำลังกายตามความต้องการ อาหารเสริมที่ช่วยในเรื่องบำรุงสายตาสำหรับพนักงานออฟฟิศ และคลาสโยคะสำหรับผู้สูงวัย เป็นต้น

3. Brand Identity โดดเด่น ใครเห็นก็จำได้

ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีตัวเลือกสำหรับบริการเพื่อสุขภาพมากมาย จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกคุณ? สิ่งสำคัญคือการสร้างเอกลักษณ์หรือ Brand Identity ที่โดดเด่น นำเสนอจุดแข็งอย่างชัดเจน ตรงประเด็น เพื่อให้ลูกค้าสามารถแยกแยะความแตกต่างเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง 

• การบริการระดับพรีเมียม เพิ่มประสบการณ์ด้วยการบริการแบบหรูหรา มีเรื่องราว สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบความพรีเมียม ไม่เหมือนใคร ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของแบรนด์

• เข้าถึงบริการได้ง่ายและรวดเร็ว มีแอปพลิเคชันเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างลูกค้าและแพทย์ รวมถึงให้ลูกค้าสามารถติดตามผลและเช็กรายละเอียดต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง

• ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ สร้างจุดขายด้วยประวัติการศึกษา ประสบการณ์เฉพาะทางของผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ และทีมงาน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ลูกค้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ จนเกิดการบอกต่อในวงกว้าง

Case Study: “Let’s Relax” สปาสัญชาติไทย ที่สามารถยกระดับจากธุรกิจ SME ก้าวเข้าสู่บริษัทมหาชน

Let’s Relax แบบอย่างความสำเร็จของธุรกิจ SME ไทยในวงการอุตสาหกรรม Wellness ซึ่งเป็นแบรนด์สปาที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2541 ขึ้นชื่อด้านบริการอันโดดเด่น มีเทอราพิสผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนด้านทฤษฎีและปฏิบัติกว่า 100 ชั่วโมง ไปจนถึงการตกแต่งที่เข้ากับเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์สปาที่ดีที่สุด 

ปัจจัยที่สามารถทำให้ Let’s Relax สามารถพาแบรนด์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ คือ การวาง Segmentation กึ่งกลางระหว่างสปาโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านนวดแผนไทยทั่วไป โดยการทำสปาที่เทอราพิสมีความเชี่ยวชาญในการนวดเหมือนผู้มีประสบการณ์ 10 - 20 ปี พร้อมกับบรรยากาศภายในสะอาด ช่วยเสริมความผ่อนคลาย รวมถึงการออกแบบคอนเซปต์สปาให้แตกต่างกันตามประเภทกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ ตัวอย่างเช่น Let’s Relax Onsen and Spa สาขาทองหล่อ ผสมผสานศาสตร์นวดแผนไทย ควบคู่กับศาสตร์จากญี่ปุ่นอย่างการแช่น้ำร้อน สำหรับลูกค้าที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมืองมาพักกายและใจที่นี่

นอกเหนือจากบริการเหนือระดับข้างต้น Let’s Relax ยังต่อยอดธุรกิจให้มีความครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ด้วยการมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตนเอง จนถึงการเปิดคลินิกกายภาพบำบัดและโรงเรียนสอนนวด เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างธุรกิจ SME ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน และสามารถเติบโตขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจ Health & Wellness ของไทยได้อย่างแน่นอน

บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ

กระแสของ Health & Wellness Economy ถือเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจ SME ในปัจจุบัน แต่มาพร้อมกับการแข่งขันที่สูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บวกกับสุขภาพเป็นสิ่งที่คนระมัดระวังมากที่สุด เพราะไม่ว่าใครก็มีร่างกายที่แข็งแรงไปนาน ๆ 

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเริ่มต้นเข้าสู่ตลาด Health & Wellness ต้องเริ่มจากการวางทิศทางของธุรกิจว่าจะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ใดก่อน เช่น อาหารคลีน สปา นวดแผนไทย หรือฟิตเนส จากนั้นค้นหาจุดแข็งของตนเองและมองหา Segmentation ด้วยการวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย และบริหารระบบภายในบริษัทด้วยการทำ CRM เพื่อรักษาฐานลูกค้า และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา

ทุกวันนี้ธุรกิจ SME ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา แต่ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องเจอ ดังนั้น ธุรกิจใดที่สามารถหาทางปรับตัวและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ย่อมก้าวหน้าไปได้ไวกว่าคนอื่น ทั้งนี้ต้องไม่ลืมที่จะรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อครองใจกลุ่มลูกค้าท่ามกลางผู้แข่งขันมากมายในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ข้อมูลอ้างอิง

1. Wellness in Thailand - Global Wellness Institute สืบค้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 จาก https://globalwellnessinstitute.org/geography-of-wellness/wellness-in-thailand/ 

2. Thai healthcare and wellness industry expected to grow by 9% annually สืบค้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 จาก https://www.nationthailand.com/health-wellness/40043867 

3. ธุรกิจ 'Health & Wellness' เทรนด์ธุรกิจแห่งอนาคต สืบค้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 จาก https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1134583 

4. ไฟเขียว ‘ยุทธศาสตร์ Medical Hub’ ยกระดับไทยเป็น ‘ศูนย์กลางสุขภาพสุขภาพโลก’ สืบค้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 จาก https://www.thecoverage.info/news/content/7090

5. เปิด 7 เทรนด์สุขภาพ “ThaiHealth Watch 2025” สะท้อนสังคมอมทุกข์ ฉุดสุขภาพระยะยาว สืบค้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 จาก https://www.thaihealth.or.th/เปิด-7-เทรนด์สุขภาพ-thaihealth-watch-2025-ส/ 

6. Let’s Relax สปาสัญชาติไทยที่ยืนหยัดกว่า 26 ปี และเป็นต้นแบบ SME ที่เข้าสู่มหาชน - Capital สืบค้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 จาก https://capitalread.co/lets-relax-spa/