สถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน
(China Tourism Academy) เปิดเผยรายงานการเดินทางออกไปท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ของชาวจีนในปี
2562 พบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนี้
นักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศถึง 80 ล้านครั้ง
โดยลงทะเบียนไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับกรุ๊ปทัวร์ผ่านแพลตฟอร์ม Ctrip ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของจีน
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวเลือกท่องเที่ยวแบบกึ่งร่วมกรุ๊ปทัวร์มากขึ้น
โดยกรุ๊ปทัวร์จะรับผิดชอบเรื่องการเดินทางและที่พัก ส่วนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว
และค่าอาหารตลอดการเดินทาง นักท่องเที่ยวจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตนเอง
โดยปีนี้นักท่องเที่ยวจีนเลือกที่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศในรูปแบบกึ่งร่วมกรุ๊ปทัวร์
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย
5,500 หยวนต่อคนต่อครั้ง
ขณะที่เมื่อพิจารณากลุ่มนักท่องเที่ยวตามช่วงอายุ
พบว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เกิดระหว่างปี 1990 - 1999 (อายุ 20-29 ปี) ร้อยละ 21 และนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เกิดระหว่างปี
2000 – 2009 (อายุ 10-19 ปี) ร้อยละ 13
ออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับกรุ๊ปทัวร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ที่มีอายุระหว่าง
10 – 39 ปี คิดเป็นสัดส่วนรวมกันทั้งหมดถึงร้อยละ 61
แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวจีนทุก 10 คน
ที่ออกเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีอายุระหว่าง 10 – 39
ปี อยู่จำนวน 6 คน
เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง แชมป์ทัวร์จีนกระเป๋าหนัก
สำหรับประเทศยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมออกเดินทางไปท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ในปี
2561 มากที่สุด ได้แก่ ประเทศไทย ญี่ปุ่น เวียดนาม
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา กัมพูชา รัสเซีย ฟิลิปปินส์
ออสเตรเลีย อิตาลี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกีและสหราชอาณาจักร ตามลำดับ
ซึ่งประเทศไทย ญี่ปุ่น
และเวียดนามยังคงติดอันดับเป็นประเทศยอดนิยม 3 อันดับแรกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในปี 2562 ยังพบว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น เช่น เมืองรองในประเทศญี่ปุ่น โดย 10 อันดับเมืองรองที่เป็นที่นิยมที่นักท่องเที่ยวจีนมักเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์
ได้แก่ เมืองโอกายามะ นิชิโตเกียว โคเบะ โคะมัตสึ โทยามะ เกียวโต โอซาก้า ชิซูโอ กะ
เซ็นได และนีงาตะ
นักท่องเที่ยวชาวชิงต่าว และกุ้ยหยาง เป็นนักท่องเที่ยวม้ามืดที่ออกเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์มากขึ้น
จำนวนนักท่องเที่ยวจากเมืองที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับกรุ๊ปทัวร์ 15 อันดับแรก ได้แก่ เมืองเซียงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว
เฉิงตู ฉงชิ่ง เทียนจิน หนานจิง คุนหมิง อู่ฮั้น เซินเจิ้น ซีอาน หางโจว เจิ้งโจว
ฉางซา และกุ้ยหยาง
นอกจากนี้
ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ถือเป็นเมืองม้ามืด ที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับกรุ๊ปทัวร์ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด
ได้แก่ เมืองชิงต่าว กุ้ยหยาง อู๋ซี จี่หนาน กวางโจว หนานจิง คุนหมิง ฉงชิ่ง
หนานจิง และเหอเฝย ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ในปี 2561 มากที่สุด ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองเซี่ยงไฮ้และกรุงปักกิ่ง
ซึ่งเป็นเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงที่สุดของจีน
ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวเมืองชิงต่าว
ไท่หยวน ฝูโจว เฉิงตู คุนหมิง
เป็นนักท่องเที่ยวม้ามืดที่ขยับขึ้นมาใช้จ่ายสูงขึ้นในอันดับต้นๆ
โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่ 6,000 หยวนต่อคนขึ้นไปต่อครั้ง ตารางแสดงค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับกรุ๊ปทัวร์
ความน่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย
จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์มากขึ้น
ย่อมส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
เนื่องจากจะทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จากการใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าบริการ ค่าอาหาร
ที่พักอาศัย และอื่นๆ นอกจากนี้ยังถือเป็นผลพลอยได้ที่ก่อให้เกิดการสร้างงานใหม่ๆ ให้แก่แรงงานในท้องถิ่น เพราะเมื่อกิจกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวมากขึ้น
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย ซึ่งได้แก่ โรงแรม บังกะโล ภัตตาคาร
ร้านขายของที่ระลึก การบริการขนส่ง และอาชีพมัคคุเทศก์จะต้องมีการปรับตัว เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานที่มีทักษะหลายระดับเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้สินค้าและบริการท้องถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และความเป็นไทยเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร ของที่ระลึก และบริการนวดแผนไทย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมท่องเที่ยวในเมืองใหม่ๆ
หรือเมืองรองในต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้นนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองรองของไทย
จึงถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม
ต้องมีการสร้างและวางแผนการท่องเที่ยวอย่างมีระบบ เพื่อให้เกิด “story” และ “brand” ของการท่องเที่ยวในเมืองรองที่น่าสนใจ
รวมถึงการสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมที่เหมาะสม สามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากเมืองหลักไปเมืองรองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ตลอดจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยภาครัฐสามารถร่วมมือกับภาคเอกชน และผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่
จัดสรรทรัพยากรและสร้างสภาพแวดล้อมของการท่องเที่ยวให้เป็นเอกลักษณ์ ก็จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมการท่องเที่ยว
เช่น การจองแพคเก็จนำเที่ยวออนไลน์การให้บริการรถเช่าออนไลน์ หรือธุรกิจในรูปแบบ Sharing Economy ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสในธุรกิจบริการท่องเที่ยวที่จะช่วยส่งเสริมให้
เมืองรองของไทยเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจีน และนำมาซึ่งโอกาสในการส่งเสริมการขายสินค้า
และบริการไทยในพื้นที่เมืองรองได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
อ้างอิง : http://baijiahao.baidu.com/s?id=1649974412016101861&wfr=spider&for=pc
: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ